Remember Me:  วันเฉลิมในความทรงจำของเพื่อนเก๋าเพื่อนแก่

11 สิงหาคม 2566

Amnesty International Thailand

คงไม่เป็นการกล่าวเกินจริงว่าโจ๊กกับต้าร์คือ เพื่อนเก๋าเพื่อนแก่  

ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีของ โจ๊ก ชายหนุ่มจากสุราษฎร์ธานี  เขามีเพื่อนที่ชื่อต้าร์ ันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือที่เขาทั้งสองคนมักเรียกแทนตัวเองว่า คุณโจ๊ก คุณต้าร์ 

ทั้งสองคนรู้จักกันเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2547 ที่ค่ายผู้ประสบภัยสึนามิเขาหลัก จ.พังงา สำหรับโจ๊กพี่ต้าร์คือเพื่อนที่ดีที่สุด คือพี่ที่ทำให้เขาได้ทำงานในสาย NGOs คือคนที่ไม่ว่าจะหายไปไหน จากไปนานแค่ไหน พวกเขาทั้งคู่จะต้องหาทางติดต่อกันให้ได้ไม่ว่าช่องทางไหนก็ตาม เหมือนช่วงที่ต้าร์ต้องลี้ภัยไปยังประเทศกัมพูชา จนกระทั่งวันที่ 4 มิถุนายน 2563 

ต้าร์ถูกบังคับให้สูญหาย ายที่ไม่ได้รับในเวลา 4 โมงเย็นของวันนั้นได้กลายเป็นภาพจำท้ายสุดของพี่ต้าร์ แต่สำหรับโจ๊กเขาบอกกับเราว่านั่นไม่ใช้ภาพสุดท้ายของพี่ต้าร์ เพราะสำหรับเขาพี่ต้าร์อยู่ในทุกพื้นที่ของความทรงจำและทุกห้วงคำนึง  

 

เราไปทำงานด้วยกันไหม”  

คำเชิญชวนจากต้าร์ถึงโจ๊ก 

โจ๊กเล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นที่รู้จักกัน ครั้งแรกที่ค่ายผู้ประสบภัยสึนามิ เขาหลัก จ.พังงา  

หนุ่มอายุ 20 ต้น ๆ กำลังชวนน้อง ๆ ในค่ายทำกิจกรรม ภาพเก้ ๆ กัง ๆ ของคนเต้นไม่เก่ง ภาพนั้นยังเป็นภาพจำที่ทำให้โจ๊กนึกถึงการเจอกันครั้งแรกของเขาทั้งสองคนเสมอ 

 เจอกันครั้งแรกที่เหตุการณ์หลังสึนามิ ที่เขาหลัก จ. พังงา พี่ต้าร์เป็นคนทำงาน NGOs ทำงานกับเด็กและเยาวชน ตอนนั้นพี่ต้าร์ลงพื้นที่คนเดียว ลงไปช่วยเด็กในค่ายผู้ประสบภัย ส่วนพี่ไปในนามบริษัทเอกชนเพื่อจัดหาสถานที่เพื่อให้พนักงานมาแจกอาหาร พี่จำได้ว่าเห็นพี่ต้าร์ทำกิจกรรมกับเด็ก ทำกิจกรรม เก้ๆ กังๆ เหมือนไปทำสันทนาการ ไปชวนเด็กที่อยู่ตามเตนท์ต่าง ๆ มารวมกันทำกิจกรรมทำทุกวัน พอพี่ว่างพี่ก็มาช่วยเขา เพราะพี่ทำสันทนาการได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เจอกัน  

การทำกิจกรรมร่วมกันทุกวันระหว่างโจ๊กและต้าร์ ทำให้พวกเขาสนิทกันมาก ก่อนกลับจากพังงาต้าร์จึงชวนโจ๊กมาทำงานด้วยกัน 

หลังจากนั้นพี่ต้าร์ก็ชวนว่ากลับไปเจอกันที่กรุงเทพฯ ไหม ไปทำงานด้วยกัน แล้วพี่ต้าร์ก็นัดพี่มาเจอที่กรุงเทพฯ คือเราเป็นเพื่อนคุยกันถูกคอมาก เราทำกิจกรรมทุกวัน ตัวพี่ไม่ใช่สายสังคมจ๋า ไม่ใช่สาย NGOs พี่ต้าร์เขาทำเรื่องสิทธิเด็กมาโดยตลอด ตอนสมัยเรียนเราก็เป็นนักกิจกรรมมาบ้าง พี่ต้าร์ชวนมาทำงาน เราเลยตัดสินใจว่าจะขึ้นมาจากสุราษฎร์ธานมากรุงเทพฯ เราคิดว่าควรหาโอกาสใหม่ ๆ 

 

 

บทสนทนาจากเรือข้ามฟาก 

นักจุดประกายความฝัน อภิมหาโปรเจกต์ และคนบ้าที่น่าคบ

สำหรับโจ๊ก ต้าร์คือผู้จุดประกายความฝันให้กับน้อง ๆ คนทำงานหลายคน รวมทั้งตัวเขาเองด้วย ในความเพ้อฝันของต้าร์ในสายตาของคนอื่น แต่มันกลายเป็นจริงได้จากการลงมาทำ และโจ๊กก็เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นได้จริง  

พี่ต้าร์เป็นนักจุดประกายไอเดีย มีความฝัน เป็นคนที่คิดอะไรแล้วทึ่ง ถ้าคุณรู้จักกับเขา คุณจะทึ่งมากกับผู้ชายคนนี้ เขาเจ๋ง มันเป็นความอธิบายไม่ถูก แต่มันเป็นความเจ๋งที่จะว่าเพ้อฝันก็เพ้อฝัน จากเด็กอายุ 22 ปีตอนนั้นที่มาพูดโครงการขอเงิน 10 ล้าน 100 ล้าน ตอนพี่นั่งฟังมันคนในเรือข้ามฟากยังเดินลุกหนี มันโม้หรือเปล่า เราเลยอยากตามไปดู ถ้าโกหกก็ต่อยหน้าซักที ตอนนั้นก็ยังไม่สาย (หัวเราะ) ตอนนั้นคิดอย่างงั้นเลย  

พี่ต้าร์กับพี่เหมือนกันคือเป็นคนสนุกสนาน แต่เขาสุดยอดกว่าตรงที่เขาสามารถสร้างฝัน สร้างแรงบันดาลใจได้เก่งมาก คิดโปรเจกต์ได้รวดเร็ว เก่งมากในระดับคิดแผน 

บทสนทนาของชายหนุ่มสองคนในวัที่อายุ 20 ต้น ๆ จะกลายมาเป็นเส้นทางของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ไปไหนไปกัน ขับรถข้ามจังหวัด ก่อตั้งองค์กรร่วมกัน 10 ปีที่โจ๊กบอกกับเราว่า เขาไม่เคยลืมมันเลย 

คนรู้จักต้าร์เยอะมาก ตอนที่แกทำเรื่องสิทธิเด็กทำเรื่องเด็กและเยาวชน ดังนั้นตอนที่เข้ามากรุงเทพฯ ก็เลยชวนกันมาก่อตั้งศูนย์กิจกรรมเยาวชนเพื่อชุมชนและสังคมทำงานกันมา 11 ปี ก่อนที่ตัวพี่เองจะยุติการทำงานและกลับบ้าน เราทำงานคู่กันมายาว ๆ จัดค่าย ทำงานแกนนำเยาวชน พี่ต้าร์กับพี่เคยจัดกิจกรรมงานวันเด็กที่บ้านน้ำเค็มที่เขาหลักตอนเจอกันครั้งแรก ไอเดียมาจากพี่ต้าร์ พอเวลาผ่านไป เด็ก ๆ จากบ้านน้ำเค็มที่โตแล้วอายุ 17-18 ปี พอขึ้นมากรุงเทพฯ มาเจอพี่กับพี่ต้าร์ เขาก็จะวิ่งขึ้นกันมากอด  

นอกจากนี้พี่โจ๊กยังบอกกับเราว่า ประเทศไทยเสียบุคลากรที่โคตรเก่งไปหนึ่งคน บุคลากรคนเก่งที่เป็นคนบ้าและน่าคบ  

ทุกคนที่รู้จักพี่ต้าร์ทักมาคุยกับพี่หมดว่า ทำไมเขาถึงทำกับต้าร์แบบนี้ เขาไม่เช็คหรอว่ามันทำคุณประโยชน์อะไรให้ไว้กับประเทศนี้มากมากมายขนาดไหนเขาไม่ดูเลยหรอวะ

"มันคือความเจ็บช้ำน้ำใจของหลายคน ตอนที่พี่ต้าร์หายไปพี่รับสายของหลายคน ขนาดคนที่เคยโกรธกับพี่ต้าร์ทุกคนรู้สึกหมดกับการที่ต้าร์หาย  

ย้ำว่าทุกคนตอนนั้นเรามีการตั้งกลุ่มกันขึ้นเพื่อช่วยกันทำงานและผลักดันเรื่อง พ.ร.บ.อุ้มหาย (พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย) ตอนนั้นช่วยกันจัดเวทีตอนต้าร์หาย ทุกคนเจ๋งมากช่วยกันทำงาน จัดงานต่าง ๆ”  

 

 

เดินกินลูกชิ้น โปรเจต์ตั๊กแตน ชีวิตผู้ลี้ภัยของวันเฉลิมในกัมพูชา 

โจ๊กเล่าให้เราฟังว่า 2 เดือนที่ต้าร์หายไปไม่ได้ติดต่อมา ต้าร์น่าจะต้องลี้ภัยทางการเมืองไปซักที่หนึ่ง  

ตอนนั้นโจ๊กรับรู้ได้ว่าเพื่อนเขายังคงมีชีวิตอยและเขาทั้งคู่รับรู้กันได้จากสัญชาตญาณความเป็นเพื่อนว่าเขาทั้งคู่จะต้องหาทางติดต่อกันไม่ว่าจะทางไหน  

2 เดือนผ่านไปมีเบอร์แปลกโทรมาหาโจ๊กเสียงที่ไม่ได้ยินมานานก็ปรากฎขึ้น

‘ฮัลโหล’ เสียงนั้นตะโกนออกมาผ่านโทรศัพท์  

มันคือเสียงของต้าร์  

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยหยุดติดต่อกันเลย

ช่วงที่ต้าร์หายไป พี่ก็ไม่รู้อะไรเลย ทุกคนก็จะโทรมาหาพี่ว่าติดต่อต้าร์ได้ไหม และตอนนั้นพี่ก็พึ่งกลับมาอยู่สุราษฎร์ธานี วันดีคืนดีต้าร์หายไป คือเราจะรู้กันว่าไม่ว่าหายไปไหนเราจะแอบติดต่อกันตลอด วันดีคืนดีมีคนโทรมาเบอร์แปลกโทรมา 

ว่ายังไง ดีใจมาก มึงรู้ไหมเขาหามึงกันอยู่เนี่ย 

อารมณ์แบบเราเป็นห่วงมันอยู่ 2 เดือน แล้วเสียงแจ๋นมาก (หัวเราะ) 

‘มึงจะลี้ภัยทำไมอะต้าร์’ โจ๊กในวันนั้นเอ่ยถาม 

เขาเล่าต่อว่า

ช่วงลี้ภัยก็โทรมาคุยกันเกือบทุกคืน ตอนเราฟังมันเล่าเราก็ยังเฉยๆ หลัง พอมาฟังตอนมันลี้ภัยแล้วจึงรู้เลยว่าทำไมมันต้องหนี เพราะมีทหารตำรวจไปหาที่บ้าน ก็เลยต้องหนี เขาเล่าให้ฟังว่ามีคนมาติดตามด้วย 

มันพยายามจะชวนพี่ตลอด มันรู้ว่าพี่อยู่สุราษฎร์ธานีแล้วลำบากคอยถามว่าคุณโจ๊กมาอยู่กับผมที่นี่ไหมคุณโจ๊กผมมีโปรเจกต์ตั๊กแตน คุณมาทำกับผมไหม  

ตั้งแต่ตอนอยู่กรุงเทพขาก็จะชวนพี่ขึ้นมาทำงาน คุณโจ๊กช่วยขึ้นมาหาผมหน่อย เพื่อช่วยทำงาน เพราะพี่ต้าร์จะคิดเรื่องแผนทำงานฝ่ายนโยบายส่วนผมช่วยคุมกำลังคน ต้าร์เป็นวางแผนและคิดละเอียดมาก 

นอกจากนี้โจ๊กยังบอกกับเราว่าต้าร์มักมีกิจวัตรประจำวันที่เหมือนกันแทบจะทุกวันคือทุก ๆ สี่โมงเย็นต้าร์จะเดินลงมาจากคอนโดเพื่อซื้อลูกชิ้นเจ้าประจำกิน และระหว่างเดินลงไปก็จะโทรพาเขา เพื่อพูดคุยเรื่องทั่วไป เพียงแต่วันนั้น 4 มิถุนายน 2563 ปลายสายจากกัมพูชา ได้กลายเป็นสายสุดท้ายจากเพื่อนในนามพี่ต้าร์สายสุดท้ายที่โจ๊กบอกว่าเขาเห็นแล้วว่าต้าร์โทรมา แต่ไม่สะดวกรับ และคิดว่าอีก 5 นาทีจะโทรกลับ แต่นั่นก็กลายเป็นสายที่ไม่ได้รับและไม่สามารถโทรกลับไปหาเขาได้อีกเลย  

 

สายที่ไม่ได้รับ  

5 นาทีก่อนต้าร์วันเฉลิมสัตย์ศักดิ์สิทธิ์หายไปไหม  

สายสุดท้ายที่เป็นเพียงแค่ Missed Call 

โดยปกติโจ๊กและต้าร์จะโทรคุยกันแทบทุกวัน หรืออาทิตย์ละครั้ง ในช่วงเวลาเดิม ๆ พวกเขาจะนั่งคุยเรื่องในอดีต เรื่องในอนาคต

แต่น่าแปลกที่ 2 อาทิตย์ก่อนต้าร์หายไป เขากับต้าร์โทรคุยกันทุกวัน

4 มิถุนายน 2563 เวลาเดิมประมาณสี่โมงเย็น วันนั้นโจ๊กกำลังจะขับรถจากฟาร์มกลับบ้าน เขาเห็นว่าต้าร์โทรมา แต่โจ๊กคิดว่าอีก 5 นาทีจะถึงบ้านแล้ว ค่อยโทรกลับเพื่อจะได้นั่งคุยกันยาว ๆ

แต่ 5 นาทีหลังจากนั้นโจ๊กก็ไม่สามารถติดต่อต้าร์ได้อีกเลยจนถึงปัจจุบัน  

ช่วงก่อนที่ต้าร์จะหายไปเขาโทรมาทุกวัน 2 อาทิตย์เต็ม ๆ  คุยกันเป็นชั่วโมง ปกติ 3-4 วันโทรมาที แต่วันสุดท้ายพี่กำลังขับรถกลับจากนากุ้งไปที่บ้าน ระหว่างขับรถพี่เหนแล้วว่ามีสายเข้ามาคือต้าร์ แต่เราก็คิดว่า เดี๋ยวค่อยรับ จะถึงบ้านแล้วอีก 5 นาทีเอง…กะว่าถึงบ้านแล้วจะโทรกลับไปหา คิดว่าคงได้ไปนอนในเปลแล้วได้หัวเราะกับต้าร์ แต่ว่านั่นแหละ พอถึงบ้านปุ๊บ มันคือ 5 นาที จริง... 

 

น้ำตาที่พร้อมจะไหลได้ตลอดเวลา 

จะผ่านไปกี่ปี ต้าร์คือทุกอย่างที่ไม่มีอะไรมาแทนได้ 

จำความรู้สึกได้เลย ตอนที่ต้าร์หายไป พี่ไม่พร้อม ไม่โอเค ไม่อยากคุยกับใคร ใครติดต่อมาคุยเรื่องต้าร์ เราก็ส่งให้คนอื่น เรารู้สึกว่าไม่ไหว พูดไม่ได้ วันดีคืนดีขับรถแล้วน้ำตาไหลเอง ประมาณนี้ หลายๆ พอพูดถึงต้าร์ก็จะใจหายกันไปหมด 

 “มันแย่มาก จนตอนนั้นป่วยเป็นซึมเศร้า งานครบรอบ 2 ปีวันเฉลิมที่พี่ขึ้นไปเมื่อปีที่แล้ว สภาพพี่ไม่โอเคเลย จำได้ว่าวันแรกที่พี่ต้าร์ถูกอุ้ม มีเพจโทรมาเพื่อขอสัมภาษณ์พี่ พี่บอกเลยว่า พี่ไม่สามารถพูดได้ว่ะ กูพูดไม่ได้ว่ะ ซึ่งผ่านมา 2-3 ปีแล้ว พี่ถึงจะเริ่มพูดได้  ก่อนหน้านี้ พี่เจน (เจน สิตานั สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาววันเฉลิม)คยขอให้พี่ช่วยเขียนเรื่องราวของพี่กับพี่ต้าร์ว่ามาเจอกันได้อย่างไร พี่เจนก็ยังต้องรอ 

คือพอเขียนปุ๊บมันร้องเลย จับปากกาเขียนแล้วก็ร้องไห้ เพราะทุกอย่างมันอยู่ในหัว เราอยู่ด้วยกันมาเยอะมาก หลังจากที่ไปร่วมเวทีเมื่อปีที่แล้ว ตัวพี่เป็นซึมเศร้าด้วย เพราะมีเรื่องธุรกิจร่วมเข้ามาและพี่คิดถึงต้าร์ตลอด เพราะเมื่อก่อนเวลาพี่มีปัญหาอะไร ก็จะโทรหากันตลอด พี่ต้าร์มีความสุขกับการดูแลน้อง ๆ ขนาดตอนอยู่ที่พนมเปญ ตอนที่ตัวเองลำบาก น้อง ๆ ไปขอยืมเงิน ต้าร์ก็ให้ยืม มันน่ารักมาก ทุกคนคิดถึงมันมาก พี่จำได้ว่าพี่ยังมีความหวัง ถ้าพี่ต้าร์ยังอยู่ วันหนึ่งพี่ต้าร์กลับมา ก็จะกลับไปทำงานที่เราเคยทำร่วมกันมา พอพี่ต้าร์หายไป พี่ก็รู้สึกว่าเป้าหมายในชีวิตของพี่นั้นก็หายไปด้วย  

การรอคอยที่สักวันหนึ่งจะได้กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้ง บนเส้นทางของการทำงานสายนักพัฒนา การรอคอยที่ยังคงเป็นการรอคอยต่อไป และเป็นการรอคอยที่ยังคงมีความหวัง โจ๊กเล่าให้เราฟังเพิ่มว่า ความผูกพันธ์ของเขากับต้าร์มันเต็มไปด้วยสายใยมากมาย เกี่ยวเนื่องกันไปหมด ทั้งทางจิตใจและทางกายภาพ 

พี่เคยรอ รอต้าร์กลับมาเมืองไทย ช่วงที่ต้าร์ลี้ภัย เพื่อที่เราจะได้กลับมาทำงานที่เรารักกัน พอไม่มีเขา กูก็ไม่อยากไปต่อแล้ว ปีที่แล้วพี่ไม่อยากไปต่อ ไม่อยากเริ่มกับใคร มันเฟล มันรู้สึกเป้าหมายชีวิตของเรามันหายไปด้วยเพื่อน ๆ ของพี่ที่สุราษฎร์ธานีเคยถามทำไมมึงเสียใจมากเลยกับต้าร์ ทำไมรักต้าร์มากขนาดนี้... 

พี่ก็ตอบเขาไปว่ามันอธิบายไม่ถูก มันเป็นเพื่อนที่ร่วมใช้ชีวิต ทำอะไรมาร่วมกันจนประสบความสำเร็จกันมา แม้แต่อีเมลฉบับแรก ต้าร์ก็เป็นคนสมัครให้พี่ พี่เข้าเมลไม่ถูก โอนบัญชีไปที่อีเมลต้าร์ ชีวิตกูเหมือนหายไปเลย เหมือนเมื่อก่อนเราจำรหัสอีเมลไม่ได้ เราก็จะทรไปหาต้าร์ เป็นมันทั้งนั้น

"Facebook ที่พี่เล่นอยู่ ทุกวันนี้ ต้าร์ก็สมัครให้ เราก็เป็นเหมือคนบ้านนอก ต้าร์ก็สอนช่วยเราทุกอย่าง เขียนพัฒนาโครงการ ช่วยเหลือเรื่องเทคโนโลยี คือมันเป็นคนที่เคี่ยวเข็ญแบบน่ารัก มันทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะพัฒนาตัวเอง มันดีมาก ๆ มันอธิบายไม่ถูก คนนอกที่ไม่เข้าใจ ก็อาจจะคิดว่า พอมีคนตาย ก็มาพูดอวย ซึ่งมันไม่ใช่ มันไม่ใช่สำหรับต้าร์สำหรับคนนี้มันต่างกัน สิ่งที่ทำให้เห็นคือจำนวนคนที่มาลุกฮือให้ต้าร์ ขึ้นมาจัดการให้กับต้าร์ ไม่ได้สนใจแสงอะไรทั้งนั้น 

 

ถ้าวันหนึ่งมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง อยากบอกอะไรกับต้าร์  

ไม่พูดอะไรเลย พวกพี่จะกอดกัน ถ้ากอดให้ตัวขาดได้ คงกอดให้ตัวขาดเลยสำหรับพวกเรามันไม่ต้องพูดอะไร ถ้าจะพูด ถ้าจะต้องพูด...พี่รู้สึกว่ามันพูดไม่ได้ พี่ว่าพี่แค่อยากกกอดเขา กอดแบบไม่ปล่อย ไม่อยากปล่อยอีกแล้ว และคงไม่มีคำพูดอะไร มันไม่มีคำพูดไหนที่จะทดแทนความรู้สึกของพี่ได้ ไม่สามารถใช้คำพูดไหนมาทดแทนกันได้ 

เราชวนโจ๊กคุยต่อว่า ทุกวันนี้มีอะไรที่แทนต้าร์ได้ไหม สิ่งของ สถานที่ หรืออะไรต่าง ๆ แต่โจ๊กตอบกลับเรามา ด้วยประโยคสั้น ๆ ที่ว่า 

เขาอยู่ในความทรงจำของพี่หมดเลยว่ะ ไม่มีอะไรแทนต้าร์ได้เลย ต้าร์อยู่ในความรู้สึก อยู่ในความคิด แม้แต่ตอนที่เราคุยกันอยู่ หน้าเขาทุกจังหวะอารมณ์ ตอนร้องไห้ หัวเราะ กวนตีนมันลอยมาหมดเลย แม้แต่เสียงเขา มันใกล้ชิดกันมาก อะไรที่เกี่ยวกับพี่ต้าร์ ทุกอย่างเสียงของมันจะลอยมาเลย เหมือนนั่งเก้าอี้คุยกันนี้ เวลาคิดถึงมัน คำพูดมันก็จะลอยมาในหัวเวลาพี่เขียนโครงการ เสียงต้าร์ก็จะลอยมา เวลาขับรถก็นึกถึง เพราะเรามักจะแต่งเรื่องคุยกัน ทั้งเรื่องจริงบ้าง หรือตำนาน”