ยุติการทรมาน 

ภาพรวม

 การทรมาน คือการที่เจ้าหน้าที่รัฐสร้างความเจ็บปวดต่อผู้เสียหาย เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางอย่าง เช่น เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล ให้ยอมรับสารภาพ หรือเพื่อข่มขู่ให้กลัว การทรมานอาจก่อให้เกิดบาดแผลทางร่างกายจากการถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย เช่น ทุบ ตี ทำร้ายร่างกาย บีบหรือรัดคอให้หายใจไม่ออก หรือในทางจิตใจ เช่น การบังคับอดนอน อดอาหารและน้ำ หรือสร้างความอับอายให้เกิดขึ้น นอกจากนี้ การทรมานด้วยรูปแบบใหม่ๆ อาจทำให้ไม่เกิดรอยแผลบนผู้เสียหาย แต่สร้างความเจ็บปวดอันสาหัส เช่น การทุบด้วยวัสดุพิเศษ หรือขังไว้ในห้องเย็น ทำให้การตรวจสอบร่องรอยการทรมานทำได้ยากขึ้น


การทรมานเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงที่สุดประเภทหนึ่ง และเป็นสิ่งที่ถูกห้ามตามกฏหมายระหว่างประเทศอย่างเด็ดขาด เนื่องจากการทรมานเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนและย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ บ่อนทำลายขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ทั้งไม่มีเหตุผลหรือกรณีใดๆ ที่สามารถรับรองความชอบธรรมของการทรมานได้
ปัจจุบันมีประเทศที่ร่วมให้สัตยาบันต่อ “อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี” ทั้งหมด 155 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย แต่อย่างไรก็ดี แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล พบว่ายังมีการทรมานโดยเจ้าหน้ารัฐในกว่า 141 ประเทศ หรือคิดเป็นสามในสี่ของประเทศในโลก
ในส่วนของประเทศไทย ไทยเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาต่อต้านการทรมานมาตั้งแต่ปี 2551 อนุสัญญาดังกล่าวห้ามการทรมานและปฏิบัติโหดร้ายในทุกสภาพการณ์และไม่มีข้อยกเว้น รัฐบาลไทยได้ประกาศพันธสัญญาในเวทีระหว่างประเทศต่างๆ เช่น เวทีคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ที่จะตั้งกลไกป้องกันการทรมาน และออกพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ เพื่อให้เกิดการป้องกันและสืบสวนเหตุการทรมานอย่างมีประสิทธิภาพ และเยียวยาผู้เสียหาย แต่พันธสัญญาดังกล่าวทั้งหมดที่กล่าวไปของรัฐบาลไทยยังไม่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้รณรงค์เพื่อยุติการทรมานทั่วโลกมากว่า 50 ปี และทำงานกับทนาย นักกิจกรรม นักศึกษา รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐในประเทศไทย เพื่อรณรงค์ให้ไทยบรรลุการปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีต่ออนุสัญญาต่อต้านการทรมาน ตามเจตจำนงอันดีของรัฐบาลไทยที่ได้ให้สัตยาบันไว้

 

ปัญหา

“พวกเขาบอกให้ผมดูภาพถ่ายและถามว่าใช่ตัวผมหรือไม่ ผมบอกว่าไม่ พวกเขาก็ถามซ้ำอีก พอผมปฏิเสธเป็นครั้งที่สาม พวกเขาก็เริ่มเตะผม จากนั้นเอากุญแจมือมาใส่ผมโดยให้ไพล่มือไปด้านหลัง จากนั้นเอาผ้ารัดคอผมจากข้างหลัง และถามผมว่า แก [เป็นคนทำความผิดนี้] ใช่หรือไม่ มีเจ้าหน้าที่อยู่หกคน พอผมทำท่าจะขาดลมหายใจ พวกเขาก็หยุด จากนั้นก็เริ่มทำซ้ำอีก พวกเขาทำแบบนี้สามครั้ง ผมคิดว่าผมต้องตายแน่ จากนั้นพวกเขาเอาถุงพลาสติกมาคลุมศีรษะผม และรัดด้วยผ้าพันคอไว้ด้านหลัง พวกเขายังตบและเตะผม ใช้พานท้ายปืนตีที่หลังและหน้าอก ทำให้ผมหายใจไม่ออก ผมได้แต่ร้องไห้และพูดว่า ‘ผมไม่ได้ทำ’ แต่พวกเขาก็ยังไม่หยุด พวกเขาทำแบบนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วผมก็เป็นลมหมดสติไป”
ไฟซาล (นามสมมุติ) ให้สัมภาษณ์กับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ปี 2558


การทรมานเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในประเทศไทยโดยที่สังคมทั่วไปไม่ได้รับรู้ นอกจากนี้ กรอบกฏหมายและกระบวนการยุติธรรมที่ไม่สมบูรณ์ เป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่ทำให้การทรมานเกิดขึ้น และที่ผ่านมา ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดของไทยที่กระทำการทรมาน แล้วได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม สาเหตุหลักประการหนึ่ง เนื่องจากกฎหมายไทยยังไม่มีการบัญญัตินิยามความผิดของการทรมาน ผลก็คือทำให้การทรมานไม่เป็นความผิดทางอาญา ไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


จากแนวโน้มทั่วโลก รัฐบาลประเทศต่างๆ มักทุ่มเทความพยายามในการปฏิเสธหรือปกปิดการทรมาน มากกว่าพยายามดำเนินการสืบสวนเมื่อมีการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ทั้งนี้เนื่องด้วยเหตุผลบางประการ อาทิ

  •  การขาดแรงจูงใจทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลังการทรมาน
  •  การสืบสวนการทรมานกระทำโดยหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่รัฐต้นสังกัดเป็นผู้กระทำการทรมานเอง
  •  มิติด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไม่ได้รับการให้ความสำคัญในกระบวนการทางการเมือง

แอมเนสตี้เรียกร้องอะไร?

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องยุติการใช้การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายโดยเจ้าหน้าที่รัฐทุกรูปแบบ โดยมีข้อเสนอหลัก ดังนี้

  • ออกกฏหมายเอาผิดทางอาญากับการทรมาน ด้วยการสร้างนิยามการทรมานที่ชัดเจนตามมาตรฐานอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน
  • การกระทำที่โหดร้ายและการสร้างความอัปยศแก่ผู้เสียหายไม่ควรได้รับการยอมรับและรับรองโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะนับว่าเข้าข่ายการทรมานหรือไม่
  • ห้ามใช้พยานหลักฐานที่ได้จากการทรมานหรือการปฏิบัติที่โหดร้ายในการพิจารณาคดี
  • สอบสวน และดำเนินคดีอย่างเป็นอิสระและมีประสิทธิภาพเมื่อมีข้อกล่าวหาว่าเกิดการทรมาน
  • ผู้เสียหายจากการทรมานเข้าถึงสิทธิการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงสิทธิในการเข้าถึงทนายความโดยเฉพาะในช่วงขั้นตอนการสอบสวน สิทธิการเข้าถึงแพทย์ การติดต่อกับครอบครัว และไม่ถูกกักขังในช่วงหลังถูกจับกุมเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด
  • จัดตั้งหน่วยงานป้องกันการทรมาน และให้สัตยาบันและปฏิบัติตามพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน
  • จัดให้ผู้เสียหายจากการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายเข้าถึงการเยียวยาอย่างมีประสิทธิภาพ