สิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ

รอบโลก ผู้คนถูกโจมตีเพียงเพราะคนที่พวกเขารัก วิธีการที่พวกเขาแต่งตัว หรือแม้แต่เพราะตัวตนของพวกเขา

 

ในหลาย ๆ ประเทศ การเป็นเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล ทรานส์เจนเดอร์ หรืออินเทอร์เซ็กส์ (LGBTI) หมายถึงการใช้ชีวิตท่ามกลางการแบ่งแยก การแบ่งแยกที่ว่าอาจมีสาเหตุมาจากรสนิยมทางเพศ (sexual orientation - ความสนใจทางเพศที่มีต่อบุคคลอื่น) อัตลักษณ์ทางเพศ (gender identity - วิธีนิยามตัวเองที่ไม่คำนึงถึงเพศโดยกำเนิด) การแสดงออกทางเพศ (gender expression - วิธีการแสดงออกทางเพศผ่านการแต่งกาย การทำผม หรือการแต่งหน้า) หรือลักษณะทางเพศ (sexual characteristics - อย่างเช่น อวัยวะเพศ โครโมโซม อวัยวะสืบพันธุ์ หรือระดับฮอร์โมน)

 

ไม่ว่าจะเป็นการถูกล้อเลียนชื่อหรือโดนรังแก ไปจนถึงโดนปฏิเสธไม่รับเข้าทำงานหรือไม่ได้รับสิทธิการรักษาสุขภาพที่เหมาะสม การถูกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมมีให้เห็นมากมายและรุนแรงแตกต่างกันไป จนอาจถึงขั้นเสี่ยงต่อชีวิตได้

 

เห็นได้จากกรณีตัวอย่างนับไม่ถ้วน ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศถูกคุกคามบนท้องถนน ถูกซ้อมทำร้ายร่างกาย หรือแม้กระทั่งถูกฆ่าเพียงเพราะตัวตนของพวกเขา มีการกระทำรุนแรงต่อทรานส์เจนเดอร์มากมายที่พรากชีวิตไปอย่างน้อย 369 ชีวิตตั้งแต่เดือนตุลาคม 2017 จนถึงเดือนกันยายน 2018 ผู้ที่เป็นอินเทอร์เซ็กส์ถูกบังคับให้เข้ารับการผ่าตัดที่อันตราย ล่วงล้ำเข้าสู่ร่างกาย (invasive) และไม่มีความจำเป็นโดยสิ้นเชิงซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงทางกายหรือจิตไปชั่วชีวิต

 

bfda82133e3f80fc1f14629769cc2b7392cb1bf5.jpg

คนสองคนกำลังถือริสท์แบนด์ “End Homophobia” ในวันเอดส์โลกในเมืองไนโรบี ประเทศเคนยา เดือนธันวาคม 2010

 

บางครั้ง ความรุนแรงที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศก็เพิ่มจำนวนเพราะรัฐบาลที่ควรปกป้องกลุ่มคนเหล่านี้เสียเอง นโยบายที่สนับสนุนโดยรัฐในเชชเนียนำไปสู่การมุ่งเป้าทำร้ายเกย์ โดยบางส่วนถูกลักพาตัว ทรมาน หรือแม้กระทั่งถูกฆ่า ในบังคลาเทศ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศถูกกลุ่มติดอาวุธมีดมาเชเตทำร้ายจนเสียชีวิตโดยที่ตำรวจและรัฐบาลแทบไม่ให้ความสนใจมอบความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวของเหยื่อ นอกจากนี้ หลายพื้นที่ในแอฟริกาใต้สะฮารา ผู้คนยังคงใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวการโดนจับได้ที่นำไปสู่การถูกทำร้ายหรือถูกฆาตกรรม

 

การร่วมเพศของคนเพศเดียวกันเป็นอาชญากรรมในกว่า 70 ประเทศ และเป็นโทษประหารชีวิตในเก้าประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศอิหร่าน ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประเทศซูดานและประเทศเยเมน ถึงแม้ในบางพื้นที่จะไม่บังคับใช้กฎหมายจำกัดสิทธิดังกล่าวอย่างจริงจัง การมีกฎหมายเหล่านั้นก็สนับสนุนอคติต่อกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ทำให้พวกเขารู้สึกขาดการปกป้องจากภัยคุกคาม การแบล็กเมล์ หรือความรุนแรง 

 

ผู้คนรับมือกับการแบ่งแยกนี้อย่างไร

กลุ่มสนับสนุนผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้เอาชนะความท้าทายและความอันตรายมหาศาลเพื่อเรียกร้องต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ และผลักดันให้เปลี่ยนแปลงกฎหมายที่แบ่งแยกกลุ่มคนเหล่านี้ ตั้งแต่การนำเสนอแนวคิดของไพรด์ไปจนถึงวันเฉลิมฉลองทั่วโลกอย่างวันต่อต้านโฮโมโฟเบีย ทรานส์โฟเบีย และไบโฟเบียนานาชาติ (หรือ IDAHOTB) ทั่วโลก กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศได้สร้างกลุ่มพันธมิตรและสนับสนุนความภาคภูมิใจต่อตัวตนของพวกเขา ความพยายามร่วมกันของกลุ่มองค์กรนักเคลื่อนไหวรอบโลกได้ปรากฏผลให้เห็นอย่างจริงจัง ทุกวันนี้ มีอย่างน้อย 43 ประเทศที่ออกมาประกาศว่าอาชญากรรมเกี่ยวกับโฮโมโฟเบียเป็นอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง (hate crime) ประเภทหนึ่ง และในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 มี 27 ประเทศที่ได้อนุมัติให้การสมรสของคู่รักเพศเดียวกันถูกกฎหมาย

 

 

การเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ

เราทุกคนต้องได้รับการปกป้องจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งการแสดงออกตามอัตลักษณ์ทางเพศ รสนิยมทางเพศและเพศวิธี  ภายใต้หลักการด้านสิทธิมนุษยชน

อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลหลายประเทศที่ได้ลงนามในสนธิสัญญาระหว่างประเทศและให้พันธสัญญาว่าจะคุ้มครองสิทธิมนุษยชน แต่ในทางปฏิบัติแล้วยังคงมีการออกกฎหมายที่แบ่งแยกและเลือกปฏิบัติต่อบุคคลด้วยเหตุแห่งรสนิยมทางเพศ การแสดงออกและอัตลักษณ์ทางเพศ

ปัจจุบันมีประเทศมากกว่า 64 ประเทศทั่วโลกที่มีกฎหมายกำหนดให้การรักเพศเดียวกัน (homosexuality) เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งหลายกฎหมายเป็นผลพวงมาจากการล่าอาณานิคมของยุโรป 

ในบางประเทศ เช่น บรูไน อิหร่าน มอริเตเนีย ซาอุดีอาระเบีย เยเมน ยูกันดา และในรัฐตอนเหนือของไนจีเรีย กลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศอาจถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิตได้หากพบว่ามีการร่วมเพศของคนเพศเดียวกัน

การถูกเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศมีมากกว่าดำเนินคดีอาญา แต่ยังรวมถึงการจำกัดการเข้าถึงสิทธิบริการด้านสุขภาพ ความลำบากในการหางานที่มั่นคง การกลั่นแกล้งหรือการคุกคามในที่ทำงาน เป็นต้น

 

ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศกำลังยืนหยัดร่วมกันเพื่อต่อสู้กับบรรยากาศแห่งความเกลียดชังและความเป็นปรปักษ์ต่อกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ

 

อัตลักษณ์ทับซ้อนของผู้ทีมีความเพศหลากหลายทางเพศ

อัตลักษณ์ทับซ้อน (Intersectionality) เป็นคำที่บัญญัติโดยศาสตราจารย์คิมเบอร์เล เครนชอว์ นักวิชาการด้านกฎหมายสตรีนิยมผิวสีและได้รับการอธิบายต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในบทความของเธอในปี 1989 เรื่อง ‘Demarginalizing the Intersection of Race and Sex’

เดิมทีคำว่า 'อัตลักษณ์ทับซ้อน ใช้เพื่ออธิบายความไม่เท่าเทียมและการเลือกปฏิบัติหลายรูปแบบที่ผู้หญิงผิวสีต้องเผชิญในสหรัฐอเมริกา แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นคำที่ใช้ในสากลสำหรับการนิยามลักษณะการถูกกดขี่และการเลือกปฏิบัติรูปแบบต่างๆ ที่ซ้อนทับกัน คิมเบอร์เลได้พูดถึงลักษณะของอัตลักษณ์ทับซ้อน ว่าคือการถูกกดขี่หรือการเลือกปฏิบัติ การควบคุม การกระทำที่เป็นการใช้อำนาจในรูปแบบต่างๆ อันเป็นผลมาจากอัตลักษณ์ทางสังคมที่หลากหลายและทับซ้อนกัน อัตลักษณ์ของคน ๆ นั้นมีที่มาจากสถานะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เพศ ชนชั้น ชาติพันธุ์ การศึกษา สภาพร่างกาย ศาสนา ความเชื่อทางการเมือง ฯลฯ แต่ละอัตลักษณ์ทางสังคมนี้เชื่อมโยงกันและส่งผลต่อการใช้อำนาจหรือการกดขี่คนแต่ละคนแตกต่างกันไป

หลายประเทศในซีกโลกใต้อาจมีความรู้และประสบการณ์ของตนเองในการระบุปัญหาการกดขี่จากอัตลักษณ์ที่ทับซ้อน เช่น ในอินเดีย นิเวดิตา เมนอน นักวิชาการด้านสตรีนิยม ระบุว่าการมีหลายอัตลักษณ์ทับซ้อนมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ซึ่งสามารถสืบย้อนไปถึงการต่อสู้กับลัทธิจักรวรรดินิยม โดยไม่มีการอ้างอิงถึงงานของเครนชอว์

กล่าวคือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศอาจถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งอัตลักษณ์ทางเพศหรือรสนิยมทางเพศ และยังถูกกดขี่เนื่องจากเชื้อชาติ ชนชั้น วรรณะ ศาสนา ชาติพันธุ์ ความสามารถ (ความทุพพลภาพ) หรืออายุ เพื่อต่อสู้กับระบบที่กดขี่ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เราจำเป็นต้องรื้อถอนโครงสร้างระบบที่กดขี่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการเหยียดเชื้อชาติ ลัทธิจักรวรรดินิยม การเหยียดผู้พิการ การเหยียดเพศ ความเกลียดกลัวคนต่างชาติ การเหยียดอายุ หรือการเหยียดชนชั้น

 

ผู้คนจำนวนมากมีชีวิตอยู่ในอัตลักษณ์ทับซ้อนของการถูกเลือกปฏิบัติหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น ผู้ลี้ภัยที่มีความหลากหลายทางเพศในเคนยาต้องเผชิญกับความเป็นปรปักษ์และความรุนแรง ไม่ใช่เพียงเพราะอัตลักษณ์ทางเพศหรือรสนิยมทางเพศเท่านั้น แต่ยังเพราะสถานะการเข้าเมือง สัญชาติ หรือชาติพันธุ์ด้วย

คำนิยาม: 7 คำตอบของคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการเป็น LGBT

รสนิยมทางเพศ (sexual orientation) หมายความว่าอะไร

รสนิยมทางเพศของคนๆ หนึ่งสื่อถึงคนที่พวกเขาสนใจและสร้างความสัมพันธ์ด้วย รสนิยมทางเพศเป็นเรื่องส่วนตัวและขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่าจะตัดสินว่าจะกำหนดหรือไม่และกำหนดอย่างไร สำหรับบางคน รสนิยมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลารสนิยมทางเพศรวมถึง เลสเบี้ยน (lesbian – ผู้หญิงที่ชอบผู้หญิง) เกย์ (gay ส่วนมากเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชาย) ไบเซ็กชวล (bisexual - ชอบผู้ชายและผู้หญิง) แพนเซ็กชวล (pansexual - ชอบที่ตัวบุคคล) ไม่ฝักใฝ่ใจทางเพศ (asexual - ไม่มีความชอบทางเพศต่อใคร)

 

fa7d16f22fda5a38e005602d46fdc12f0d30cd4d.jpg

มาริเอลลี ฟรังโก นักกิจกรรมไบเซ็กชวลในบราซิลที่ต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสิทธิของกลุ่มคน LGBTI ผู้หญิง และชาวบราซิลที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ความรุนแรงของตำรวจ เธอถูกฆาตกรรมในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561 ในระหว่างกลับบ้านจากงาน speaking event

 

ทรานส์เจนเดอร์หมายความว่าอย่างไร

ทรานส์เจนเดอร์ (หรือทรานส์) หมายถึงบุคคลที่อัตลักษณ์ทางเพศหรือการแสดงออกทางเพศต่างไปจากความคาดหวังของคนทั่วไปต่อเพศโดยกำเนิด

ทรานส์เจนเดอร์ทุกคนไม่ได้เป็นเพียงชายหรือหญิงเท่านั้น บางคนเป็นมากกว่าหนึ่งเพศหรือไม่มีเพศเลย

ทรานส์บางคนตัดสินใจข้ามเพศ (transition) ซึ่งหมายถึงกระบวนการใช้ชีวิตตรงตามเพศที่แท้จริง กระบวนการข้ามเพศไม่มีเฉพาะเจาะจง บางคนอาจเปลี่ยนสรรพนามใหม่ เปลี่ยนชื่อ ทำเรื่องรับรองเพศสถานะตามกฎหมาย และ/หรือเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดแปลงเพศหรือบำบัดทางฮอร์โมน

การเป็นทรานส์เจนเดอร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรสนิยมทางเพศแต่อย่างใด บุคคลหนึ่งอาจเป็นชายข้ามเพศและเป็นเกย์ หรือเป็นหญิงข้ามเพศและเป็นเลสเบี้ยนก็ได้

 

คนที่เป็นทรานส์เจนเดอร์จะทำเรื่องขอรับรองเพศสถานะได้ที่ไหนบ้าง

คนที่เป็นทรานส์เจนเดอร์สามารถทำเรื่องขอรับรองเพศสถานะได้ในบางประเทศ อย่างไรก็ตาม ส่วนมากมักต้องผ่านกระบวนการที่สร้างความอับอายและละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารับการวินิจฉัยทางจิตหรือการทำหมันถาวร มีเพียงเจ็ดประเทศเท่านั้นที่ไม่มีกระบวนการดังกล่าว คือ อาร์เจนตินา บราซิล เบลเยียม โคลอมเบีย เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ มอลตา และนอร์เวย์

 

92326787_10222261668349009_8561649595245920256_o.jpg

ซากริส คูปีลา เป็นนักกิจกรรมทรานส์เจนเดอร์จากฟินแลนด์ผู้ต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่บังคับให้ทรานส์เจนเดอร์ทำหมันก่อนได้รับการรับรองเพศสถานะทางกฎหมาย © Amnesty International

 

อินเทอร์เซ็กส์แปลว่าอะไร

การที่คนเกิดมาพร้อมลักษณะทางเพศที่แตกต่างไปจากคุณลักษณะชายหญิงทั่วไปเรียกว่าอินเทอร์เซ็กส์ ยกตัวอย่างเช่น ในบางกรณี ร่างกายมีทั้งลักษณะของเพศหญิงและเพศชาย และอีกกรณีหนึ่งคือเมื่อองค์ประกอบของโครโมโซมไม่ใช่ทั้งหญิงหรือชาย ลักษณะเหล่านี้อาจปรากฏตั้งแต่กำเนิด เริ่มปรากฏชัดเจนเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์หรือภายหลังในชีวิต

หลายคนที่เป็นอินเทอร์เซ็กส์ต้องเผชิญกับการผ่าตัดที่รุกล้ำเข้าสู่ร่างกาย ไม่ฉุกเฉิน (non-emergency) และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ส่วนใหญ่มักทำขณะยังเป็นเด็กแต่บางครั้งก็ทำภายหลัง ขั้นตอนเหล่านี้สร้างอุปสรรคที่ก่อความเสียหายต่อร่างกายและจิตใจในระยะยาว

 

การมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันเป็นอาชญากรรมที่ประเทศไหนบ้าง

การมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักเพศเดียวกันเป็นเรื่องผิดกฎหมายในกว่า 70 ประเทศ ในบังคลาเทศ บาร์เบโดส กายอานา เซียร์ราลีโอน กาตาร์ ยูกันดา และแซมเบีย ถือเป็นความผิดจำคุกตลอดชีวิต มีเก้าประเทศที่กำหนดให้การรักเพศเดียวกันเป็นโทษประหารชีวิต คือ อัฟกานิสถาน บรูไน อิหร่าน อิรัก มอริเตเนีย ปากีสถาน ซาอุดีอาระเบีย ซูดาน และเยเมน

 

การสมรสของคู่รักเพศเดียวกันถูกกฎหมายที่ไหนบ้าง

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 การสมรสของคู่รักเพศเดียวกันถูกกฎหมายในประเทศ 27ประเทศ รวมถึงอาร์เจนตินา แคนาดา ไอร์แลนด์ มอลตา แอฟริกาใต้ อุรุกวัย และไต้หวัน และแอมเนสตี้กำลังเรียกร้องให้ญี่ปุ่นปฏิบัติเช่นเดียวกัน

 

ไพรด์ (Pride) คืออะไร

ไพรด์มีหลายรูปแบบ ทั้งการเดินขบวนคาร์นิวัล ไปจนถึงการฉายภาพยนตร์และการโต้วาที ไพรด์ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองของกลุ่มคนที่ถูกจำกัดให้เป็นไปตามมาตรฐานของชายหรือหญิง โดยมีการจัดงานตลอดปีขึ้นอยู่กับสถานที่ ในทวีปอเมริกาและยุโรป เทศกาลมักจะเริ่มในเดือนมิถุนายน ในขณะที่แอฟริกาใต้มีเทศกาลไพรด์เดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ไม่ว่าจะเป็นงานแบบใด ไพรด์เป็นช่วงเวลาที่กลุ่มคน LGBTI ออกมาแสดงว่ายอมรับในสิ่งที่เป็นและภูมิใจในตัวตนของตัวเอง เทศกาลไพรด์ถูกแบนในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงรัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย ยูกันดา และล่าสุดตุรกี ไพรด์เฉลิมฉลองความเปลี่ยนแปลงในเรื่องความหลากหลายและเป็นการขยายประเด็นการเรียกร้องความเคารพและการปกป้องสิทธิของ LGBTI

 

กิจกรรมร่วมขบวนไพรด์ในปี 2565 เพื่อส่งเสริมสิทธิที่ทุกคนมีสิทธิที่จะรักและเรียกร้องให้มีกกฎหมายสมรสเท่าเทียม

 

ไพรด์และการชุมนุมประท้วงโดยสงบ

แม้ว่าไพรด์มักจะถูกมองว่าเป็นการเฉลิมฉลอง แต่กลับมีจุดเริ่มต้นจากการจลาจลต่อต้านความโหดร้ายของตำรวจที่โรงแรม Stonewall Inn ในเมืองนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2512 ตำรวจบุกตรวจค้นโรงแรม Stonewall Inn เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ 'ผู้ชาย' หรือ 'ผู้หญิง' ต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่ 'ตรงกับ' เพศที่ระบุบนบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐ เมื่อชุมชนผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศใน Stonewall Inn ซึ่งส่วนใหญ่นำโดยผู้หญิงข้ามเพศผิวสีต่อสู้กลับมากเท่าใด ความโหดร้ายของตำรวจยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้นในการจลาจลตลอด 6 วัน ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นสำหรับการเคลื่อนไหวของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในสหรัฐอเมริกาและในหลายประเทศทั่วโลก ไพรด์ยังคงเป็นการชุมนุมประท้วงที่เป็นศูนย์กลางและสำคัญที่สุดที่เน้นย้ำเพื่อรำลึกถึงการต่อสู้เพื่อสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ไพรด์มีความแตกต่างกันไปในหลายประเทศทั่วโลก ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เช่น การจัดขบวนพาเหรด เดินขบวน และคอนเสิร์ตที่รวบรวมผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เครือข่าย และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมด้วยกัน แต่ในบางประเทศและสถานที่อื่นๆ งานไพรด์ถูกยกเลิกโดยรัฐบาลและหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายอยู่เสมอ ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสำหรับผู้ที่เข้าร่วม ในขณะที่ไพรด์ค่อยๆ กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบที่เป็นที่รับรู้ที่สุดในการเฉลิมฉลองความสุขและการเรียกร้องสิทธิของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ แต่ยังคงมีการเคลื่อนไหวของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ผ่านการชุมนุมประท้วง และวิธีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มในรูปแบบที่หลากหลายทั่วโลก และอีกหลายสถานที่ในโลกที่ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในท้องที่นั้นอาจไม่ชอบแนวคิดของไพรด์ แต่ชอบที่จะร่วมเฉลิมฉลองอัตลักษณ์ของตนด้วยวิธีที่ลึกซึ้งและเกี่ยวข้องกับท้องถิ่นมากกว่า

 

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2566 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ร่วมเดินขบวนไพด์เพิ่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศและการไม่ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศเพื่อส่งเสียงเรียกร้องปกป้อง สิทธิของพนักงานบริการ (Sex Worker) การสมรสเท่าเทียม และการกำหนดอัตลักษณ์ทางเพศของตน

เพราะอะไรสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศจึงสำคัญ?

ทุกคนควรได้รู้สึกภูมิใจในตัวตนและคนที่รัก และมีสิทธิที่จะแสดงออกอย่างเสรี โดยข้อ 19 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ที่อธิบายสิทธิที่ทุกคนได้รับความคุ้มครองเป็นครั้งแรก) ปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกของทุกคน

การหยุดโฮโมโฟเบียและทรานส์โฟเบียสามารถช่วยชีวิตคนได้ การคุกคามของพวกที่ต่อต้านผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ทำให้กลุ่มคนที่แสดงตนเป็นผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศตกอยู่ในความเสี่ยงต่อร่างกายและจิตใจอย่างสูง เพราะทุกคนควรมีสิทธิต่อชีวิต เสรีภาพ และความปลอดภัย

การยอมรับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ และเข้าใจตัวตนของพวกเขาจะลบล้างข้อจำกัดที่เกิดจากการเหมารวมลักษณะทางเพศ (gender stereotypes) การเหมารวมเหล่านี้ส่งผลเสียในสังคม ทั้งกำหนดและจำกัดวิถีชีวิตของคน การขจัดการเหมารวมจะปลดปล่อยให้ทุกคนบรรลุศักยภาพได้อย่างเต็มที่โดยปราศจากข้อจำกัดอันแบ่งแยกของสังคม

ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศโดยเฉพาะทรานส์เจนเดอร์และคนที่แสดงออกทางเพศที่ไม่ตรงกับบรรทัดฐานของสังคม (gender nonconforming) มักเสี่ยงต่อการกีดกันทางเศรษฐกิจและสังคม การต่อสู้เพื่อกฎหมายที่เข้าถึงคนมากขึ้นโดยไม่คำนึงถึงรสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศจะช่วยให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าถึงสิทธิทางสุขภาพ การศึกษา ที่อยู่อาศัย และการจ้างงานมากขึ้น

 

92320771_2632779500324454_2188455492815159296_o.jpg

ผู้สนับสนุนแอมเนสตี้ทั่วโลกต่อสู้เพื่อสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในรัสเซีย ตอบโต้ข่าวที่ชายเป็นเกย์ถูกลักพาตัว ทรมาน และฆ่าเพราะนโยบายที่สนับสนุนโดยรัฐในเมืองเชชเนีย

แอมเนสตี้มีส่วนร่วมสนับสนุนสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศอย่างไรบ้าง

แอมเนสตี้มุ่งมั่นที่จะยุติการเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลก

เราเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศและให้ข้อเสนอแนะแก่รัฐบาลและผู้นำที่มีอิทธิพลอื่น ๆ เกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เช่น งานวิจัยของเราที่เกี่ยวกับสิทธิของผู้ที่มีภาวะเพศกำกวมเป็นหนึ่งในงานวิจัยชิ้นแรกจากมุมมองด้านสิทธิมนุษยชนและมีอิทธิพลอย่างมากต่อกฎหมายใหม่ในเดนมาร์ก ฟินแลนด์ กรีซ และนอร์เวย์

แอมเนสตี้ยังช่วยนักกิจกรรมทั่วโลก ด้วยการจัดทำแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นมากมายที่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เช่น เครื่องมือในการสนับสนุนสำหรับนักกิจกรรมเพื่อต่อต้านการเลือกปฏิบัติในภูมิภาคแอฟริกาใต้สะฮารา (Sub-Saharan Africa) ไปจนถึง เอกสารชุด Body Politics ที่มีเป้าหมายสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการกำหนดให้รสนิยมทางเพศและการร่วมเพศเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

แต่งานยังไม่จบเพียงเท่านี้ เราพยายามที่จะผลักดันการเติมเต็มสิทธิทั้งหมดของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศต่อไป โดยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเครือข่าย กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ และนักกิจกรรมทั่วโลก

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ร่วมเดินขบวนเพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศร่วมกับงาน บางกอกไพรด์ ไทยแลนด์