แถลงการณ์แอมเนสตี้กรณีความรุนแรงระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์

13 พฤษภาคม 2564

Amnesty International Thailand

แปลโดย: White news

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุ “อิสราเอลจะต้องไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างความวุ่นวายต่อชาวปาเลสไตน์อีก”
 
11 พ.ค. แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สหราชอาณาจักรระบุผ่านเว็บไซต์ทางการต่อกรณีการโจมตีพลเรือนชาวปาเลสไตน์โดยกองกำลังผู้ยึดครองอิสราเอลว่า
 
“กองกำลังความมั่นคงของอิสราเอลได้ใช้กำลังหลายต่อหลายครั้ง อย่างไม่มีเหตุผลและเกินเหตุกับผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ในเยรูซาเล็มตะวันออกที่ถูกยึดครอง” แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวในวันนี้(11 พ.ค.) ขณะที่ได้เรียกร้องให้สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดประชุมสมัยวิสามัญ
 
การเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสี่วันแห่งความรุนแรงซึ่งมีผู้ได้บาดเจ็บเป็นชาวปาเลสไตน์ 840 คน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอิสราเอลอย่างน้อย 21 คนและพลเรือนอิสราเอลอีก 7 คนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้
 
แอมเนสตี้ยังเรียกร้องให้ทางการอิสราเอลยุติการบังคับขับไล่ในพื้นที่ของเชคญัรรอห์(ทันทีและยุติการบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ถูกขับไล่ออกจากเยรูซาเล็มตะวันออก
 
ในการยกระดับครั้งล่าสุดกลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ได้ยิงจรวดและขีปนาวุธใส่อิสราเอล ทำให้ชาวอิสราเอลบาดเจ็บอย่างน้อย 1 รายและมีรายงานผู้เสียชีวิตหลายคนในฉนวนกาซ่าจากการโจมตีตอบโต้ของอิสราเอล แอมเนสตี้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและใช้มาตรการป้องกันที่เป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายพลเรือน
 
Saleh Higazi รองผู้อำนวยการตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือของ Amnesty International กล่าวว่า:
“ การใช้ความรุนแรงของอิสราเอลครั้งนี้ (หมายถึงครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้น) เป็นการเริ่มการรณรงค์ตั้งถิ่นฐานอย่างยั่งยืนที่ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย(ระหว่างประเทศ) และการบังคับให้มีการขับไล่ชาวปาเลสไตน์เช่นใน เชคญัรรอห์(Sheikh Jarrah) เพื่อหลีกทางให้กับผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอล การบังคับขับไล่เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบต่อเนื่องในเชคญัรรอห์พวกเขาละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้งและจะก่อให้เกิดอาชญากรรมสงคราม
“ อิสราเอลจะต้องไม่ได้รับอนุญาตให้อาละวาดต่อไปต่อชาวปาเลสไตน์ที่เพียงแค่ปกป้องสิทธิในการดำรงอยู่และประท้วงต่อต้านการถูกบังคับให้พลัดถิ่น
 
“เราเรียกร้องให้สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดการประชุมสมัยวิสามัญอย่างทันที และให้ผู้ประสานงานพิเศษสำหรับกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางชี้แจงแก่ประเทศสมาชิก”
ประจักษ์พยานตลอดจนวิดีโอและภาพถ่ายที่ถ่ายโดยนักวิจัยภาคสนามของแอมเนสตี้ในเยรูซาเล็มตะวันออก – แสดงให้เห็นว่ากองกำลังอิสราเอลใช้กำลังที่ไม่สมสัดส่วน(disproportionate) และผิดกฎหมาย (unlawful force) ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อสลายกลุ่มผู้ประท้วงในระหว่างการบุกโจมตีมัสยิดอัลอักศออย่างรุนแรงและดำเนินการโจมตีผู้ชุมนุมอย่างสันติในเชคญัรรอห์
 
 
การใช้กำลังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ความตึงเครียดถึงจุดเดือดเมื่อวันศุกร์ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาเมื่อมีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 170 คนได้รับบาดเจ็บขณะที่กองกำลังอิสราเอลบุกโจมตีบริเวณมัสยิดอัลอักศอเพื่อสลายผู้กำลังละหมาดพร้อมกับผู้ประท้วง โดยยิง "กระสุนดัดแปลงแบบ KE" หรือ Kinetic Impact Projectiles - KIPs และระเบิดแสง ใส่ผู้ที่กำลังประกอบศาสนกิจในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน
 
นักข่าวชาวปาเลสไตน์คนหนึ่งที่อยู่ในที่เกิดเหตุบรรยายว่ากองกำลังอิสราเอลออกไปอาละวาดยิงขีปนาวุธและแก๊สน้ำตาได้อย่างไร นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกว่าพวกเขาบุกคลินิกที่มัสยิดและทุบตีผู้ประท้วง เขาบอกกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ว่า
“ ฉันปกปิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเยรูซาเล็มมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา…และฉันไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ทุกคนตกเป็นเป้าหมายฉันอยากจะบอกว่าการยิงเป็นไปอย่างสุ่ม แต่นั่นคงเป็นเรื่องโกหก พวกเขารู้แน่ชัดว่าใครเล็งกระสุนและระเบิดไปที่ใครและที่ไหน คนส่วนใหญ่มีเป้าหมายที่ร่างกายส่วนบน (ดวงตา ใบหน้าและหน้าอก)”
วันนี้ผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์มากกว่า 300 คนได้รับบาดเจ็บ เมื่อกองกำลังอิสราเอลบุกโจมตีบริเวณอัลอักซาเป็นครั้งที่สอง โฆษกสมาคมเสี้ยววงเดือนแดง (กาชาด) บอกกับแอมเนสตี้ว่าความรุนแรงดังกล่าว ทำให้ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 250 คนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเจ็ดคนยังไม่พ้นขีดอันตราย
 
ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งกล่าวว่า กองกำลังอิสราเอลเริ่มทำลายหน้าต่างและยิงแก๊สน้ำตาและระเบิดทำให้หลายคนต้องดิ้นรนหายใจ
“ พวกเขายังคงเดินหน้าผลักผู้คนเข้าไปในมัสยิดอัลอักศอล็อก [ประตู] ด้วยโซ่โลหะ…แล้วทุบหน้าต่างทิ้งแก๊สน้ำตาใส่ผู้คนที่ถูกขังโดยมีพื้นที่ให้หายใจไม่มากนัก หรือขอความช่วยเหลือทางการแพทย์…ด้านบน พวกเขาเริ่มยิงกระสุนยางใส่ผู้ปฏิบัติศาสนกิจที่อยู่ข้างใน”
 
เชคญัรรอห์
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวปาเลสไตน์ในย่านเชคญัรรอห์ (Sheikh Jarrah) ได้จัดการประท้วงทุกคืนภายหลังการบังคับขับไล่โดยชาวยิว แอมเนสตี้ได้บันทึกการจับกุมผู้ชุมนุมอย่างสันติโดยพลการ การใช้กำลังเกินกว่าเหตุ การใช้เสียงและระเบิดที่ทำให้ตกใจโดยพลการ รวมทั้งการพ่นปืนฉีดน้ำที่ไม่เหมาะสม (สกั๊งค์) โดยพลการต่อผู้ชุมนุมและบ้านเรือนในเชคญัรรอห์
 
ครอบครัวชาวปาเลสไตน์สี่ครอบครัวในละแวกใกล้เคียงอยู่ภายใต้การคุกคามของการบังคับให้ขับไล่ หลังจากศาลเยรูซาเล็มปฏิเสธคำอุทธรณ์คำสั่งขับไล่ โดยบริษัทนาฮาลัท ไซมอน (Nahalat Shimon International) บริษัทผู้ตั้งถิ่นฐานได้ยื่นฟ้องเพื่อยึดบ้านของหลายสิบครอบครัวในเชคญัรรอห์โดยใช้กฎหมายที่เลือกปฏิบัติ
 
เมื่อวานนี้(10 พ.ค.) นักวิจัยภาคสนามของแอมเนสตี้ได้เห็นการโจมตีของกองกำลังอิสราเอลต่อกลุ่มผู้ประท้วงอย่างสันติในเชคญัรรอห์ กองกำลังอิสราเอลมาถึงไม่นานก่อนที่จะมีการละศีลอด หลังจากการรับประทานอาหารอย่างสงบผู้ประท้วงได้รวมตัวกันเป็นวงกลมและเริ่มขอดูอาอฺ(ขอพร)ต่อต้านแผนการในการขับไล่ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้านของพวกเขาที่กำลังจะมาถึง ผู้ประท้วงอยู่ห่างจากกองกำลังอิสราเอลซึ่งประจำการใกล้บ้านของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลในบริเวณใกล้เคียงอย่างน้อย 10 เมตร ไม่นานต่อมากองกำลังอิสราเอลได้เปิดฉากการโจมตีเพื่อสลายกลุ่มผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ กองกำลังของอิสราเอลบนหลังม้าเริ่มวิ่งเข้าหาฝูงชน ชายคนหนึ่งที่เดินกะเผลกด้วยความเจ็บปวดกล่าวว่า เขาถูกม้าตำรวจเหยียบย่ำขณะพยายามวิ่งหนีออกจากพื้นที่ ผู้อยู่อาศัยถูกผลักเข้าไปในกำแพงบ้านของพวกเขาและชายห้าคนถูกจับโดยพลการ
 
กองกำลังอิสราเอลเริ่มบุกเข้าโจมตีกลุ่มคน - รวมถึงนักวิจัยของแอมเนสตี้ที่สังเกตการณ์การประท้วง ในเวลาประมาณ 22.00 น. พวกเขานำรถปืนฉีดน้ำแรงดันสูงโดยใช้น้ำที่มีกลิ่นเหม็นเหมือนสกั้งค์และระเบิดเสียงและเริ่มยิงใส่ผู้ชุมนุมโดยพลการ
 
นาบิล อัลกุรดฺ หนึ่งในประชาชนที่อยู่ใต้ความเสี่ยงถูกบังคับให้ออกไปจากเชคญัรรอฮฺกล่าวกับแอมเนสตี้ว่า
“เชคญัรรอฮฺกำลังส่งข้อความไปยังคนทั้งโลก รวมถึงรัฐสภาสหรัฐ รัฐสภาอังกฤษ รัฐสภาฝรั่งเศส รัฐสภาสหภาพยุโรป ศาลอาญาระหว่างประเทศ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราเป็นอาชญากรรมสงคราม ไม่ใช่แค่การขับไล่ แต่เป็นอาชญากรรมสงคราม จำไว้ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคนทั้งโลกถึงเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นและปล่อยให้อิสราเอลหนีไปกับมัน”