อันนา: "เราถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงเพราะกล้าที่จะส่งเสียง"

8 ธันวาคม 2566

Amnesty International Thailand

โดยอันนา นักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนวัย 18 ปี

เด็กและเยาวชนทั่วประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเสี่ยง เพียงเพราะยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิของตนและนำการชุมนุมหลายครั้งแม้จะถูกทางการปราบปรามอย่างโหดร้ายก็ตาม เด็กอย่างน้อย 286 คนถูกตั้งข้อหาทางอาญาและทางแพ่งจากการเคลื่อนไหวโดยสงบในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้จะมีการปราบปรามที่น่าตกใจ แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวของเยาวชนที่มุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้

อันนา วัย 18 ปี เผยการต่อสู้ของเธอในฐานะนักกิจกรรมเยาวชนด้านสิทธิมนุษยชน...

 

เมื่อตอนเด็ก เราเจอกับระบบการศึกษาที่เข้มงวดของประเทศไทย ตอนเป็นนักเรียนในโรงเรียนมัธยม ต้องไว้ผมยาวตามที่กำหนดไว้ ห้ามทำสีผม และถุงเท้าก็ต้องยาวตามที่กำหนด การใช้ชีวิตในครอบครัวเรือนคนชั้นกลางมีความคาดหวังสูง ต้องเรียน 7 วันต่อสัปดาห์เพื่อจะได้เข้าโรงเรียนดีๆ และเข้ามหาวิทยาลัยได้

การต้องทำตามกฎเกณฑ์มากมายตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิด เลยทำให้อยากเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ พอตอนอายุ 11 ปี มีข่าวนักกิจกรรมเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยซึ่งตอนนั้นเราอยู่ใต้คณะรัฐประหาร ก็สงสัยว่าทำไมเราถึงจัดการเลือกตั้งที่ยุติธรรมไม่ได้

ตอนที่เข้าเรียนมัธยมปลาย มีรัฐบาลทหารและการเซ็นเซอร์มากมาย ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความแตกต่าง จึงเข้าร่วมกลุ่มเยาวชน “นักเรียนเลว” ที่เริ่มต้นในปี 2563 เป็นที่พูดคุยเกี่ยวกับสิทธินักเรียนและสนับสนุนเด็กๆ ที่ประสบปัญหา ขณะนี้เรากำลังรณรงค์เพื่อการเปลี่ยนแปลง โดยจัดทำหนังสือเกี่ยวกับวิธีเอาตัวรอดในโรงเรียนมัธยม และเรียกร้องให้รวมการศึกษาด้านสิทธิมนุษยชนไว้ในหลักสูตรของโรงเรียน

หากนักเรียนรู้สึกหมดหนทางหรือหงุดหงิดกับสถานการณ์ของตนเองที่โรงเรียน ทางกลุ่มมีพื้นที่ปลอดภัยในการแบ่งปันความรู้สึกทั้งแบบมาด้วยตนเองหรือทางออนไลน์ จากนั้นเราจะแนะนำพวกเขาว่าจะขอความช่วยเหลือได้ที่ไหน ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง เราจะติดต่อกับกระทรวงศึกษาธิการหรือองค์กรภาคประชาสังคม นักเรียนควรได้รับสิทธิมนุษยชนแทนความเสี่ยงที่จะถูกละเมิด มีการคุ้มครองเด็กๆ ที่โรงเรียนอยู่ไม่กี่อย่าง และเรามีหน้าที่รับผิดชอบในการช่วยเหลือพวกเขาเท่าที่เราจะทำได้

 

การฆ่าตัวตายของนักเรียน

นักเรียนคนหนึ่งเล่าให้เราฟังว่าครูตัดผมต่อหน้าทุกคนอย่างไร ซึ่งทำให้เด็กอับอายต่อหน้าเพื่อนๆ สำหรับบางคนแล้ว ผลที่ตามมาและความอับอายจากการไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดของโรงเรียนได้นั้นกระทบกระเทือนจิตใจมากจนต้องฆ่าตัวตาย

กฎเกณฑ์ที่น่ากลัวและมากเกินไปเหล่านี้คงเหลืออยู่เพียงในกองทัพรวมถึงระบบโรงเรียนของไทย เราเข้าใจถึงความสำคัญของเครื่องแบบ แต่นี่มันเกินไป ตอนอากาศหนาว นักเรียนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้สวมเสื้อกันหนาว ในขณะที่บางคนไม่มีเงินซื้อเครื่องแบบ และหากนักเรียนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้ ก็จะมีการลงโทษที่รุนแรง

รวมทั้งหมดแล้ว ปีนี้มีเด็กฆ่าตัวตาย 3 คน เพราะสิ่งที่ปฏิบัติต่อพวกเขาภายในระบบโรงเรียน เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก เพื่อทำการประท้วง เด็กหญิงวัย 15 ปีคนหนึ่งตัดสินใจต่อสู้และย้อมผมของเธอเพื่อรำลึกถึงนักเรียนอีกคนที่ฆ่าตัวตายหลังจากถูกโรงเรียนทำให้อับอายและลงโทษเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับทรงผมของโรงเรียน เธอถูกไล่ออกจากโรงเรียน นักเรียนจำนวนมากสิ้นหวังเพราะโรงเรียนเป็นสถานที่ที่น่ากลัว

 

ตกเป็นเป้าหมายของทางการ

เราเป็นหนึ่งในผู้โชคดี เนื่องจากเป็นนักกิจกรรมและเป็นผู้พูดถึงสถานการณ์ ครูจึงไม่เข้ามายุ่ง แม้ว่าครูบางคนจะกลัวงานของเรา แต่หลายคนก็สนับสนุนเรา โดยถามว่าพวกเขาจะเป็นครูที่ดีขึ้นได้อย่างไรและให้กำลังใจเด็กๆ ในชั้นเรียนมากขึ้น แต่เราก็ยังรู้สึกกดดันที่ต้องเรียนอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนในเวลาที่ไม่ได้ทำกิจกรรมเพราะไม่อยากทำให้ครอบครัวผิดหวัง

เราเคยเจอกับปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวเองมาแล้ว เคยถูกบังคับให้ตัดผม ตกเป็นเป้าหมายของทางการ และถูกตำรวจคุกคามเพราะเป็นนักกิจกรรมด้านการศึกษา เคยถูกจับกุม ควบคุมตัว และอยู่ในรายชื่อเฝ้าระวัง ซึ่งตอนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตามไปที่โรงเรียนและรออยู่นอกอพาร์ตเมนต์ เราถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงเพราะกล้าที่จะส่งเสียง พวกเขายังมีแม้กระทั่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราและครอบครัวด้วย สุดท้ายแล้ว เรายังเป็นแค่เด็กวัยรุ่น และมันน่ากลัวที่ต้องใช้ชีวิตแบบนี้

เราพยายามไม่ปล่อยให้ความกลัวมาครอบงำ และขอการสนับสนุนจากองค์กรภาคประชาสังคมเมื่อทำได้ เช่น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ เราได้รับเชิญให้ไปประชุมร่วมกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนเยาวชนคนอื่นๆ และแบ่งปันเกี่ยวกับชีวิตในประเทศไทยที่เวียนนาและเจนีวา เป็นเรื่องดีที่ได้พบกับนักเรียนที่เป็นนักกิจกรรมคนอื่น ๆ ที่ต้องเผชิญความเสี่ยงทุกวัน แต่ก็เป็นเรื่องท้าทายที่จะแบ่งปันปัญหาที่เราเผชิญเนื่องจากชีวิตพวกเราแตกต่างกันมาก

 

การยอมรับการเคลื่อนไหวของเรา

พ่อกับแม่เคยมีปัญหาในการยอมรับการเคลื่อนไหวของเรา พวกท่านเริ่มให้การสนับสนุนมากขึ้นอย่างช้าๆ แต่ยังพูดไม่ได้ว่าพวกท่านภูมิใจในตัวเรา เราได้เลือกเส้นทางอื่นแล้ว

การต่อสู้เพื่อสิทธิของคุณในประเทศไทยเป็นเรื่องยาก และแทบไม่มีการปกป้องนักกิจกรรมเลย เราเคยได้ยินเรื่องราวของนักกิจกรรมทางการเมืองที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหนีออกนอกประเทศ แล้ววันหนึ่งก็พบว่าพวกเขาถูกเทปูนซีเมนต์ทับและจมอยู่ในแม่น้ำ เราไม่ต้องการที่จะพบกับชะตากรรมแบบเดียวกัน แต่ไม่มีอะไรที่จะหยุดเราไม่ให้ต่อสู้เพื่อสิทธิของเราได้

ในการก้าวไปข้างหน้า ความหวังที่ดีที่สุดสำหรับเยาวชนคือการมีรัฐบาลใหม่ การต่อสู้กลายเป็นเรื่องยากเมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นช้ามาก แต่เรามุ่งมั่นที่จะเรียนจบด้านกฎหมายเพื่อทำงานในองค์กรสิทธิมนุษยชนอย่างแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล พวกเขามีบทบาทสำคัญในงานของเราในฐานะนักปกป้องสิทธิมนุษยชนเยาวชน และเราอยากจะให้การสนับสนุนแบบเดียวกันนี้กับคนอื่นๆ ในสักวันหนึ่ง

 

ทุกคน รวมทั้งเด็กๆ มีสิทธิที่จะพูดและชุมนุมโดยสงบ

เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติการปราบปรามเด็ก

ร่วมลงชื่อ