อิสราเอล/ดินแดนของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง: มีผู้ลงนามกว่าล้านคนในจดหมายของแอมเนสตี้ที่เรียกร้องให้หยุดยิง 

14 พฤศจิกายน 2566

Amnesty International Thailand

ประชาชนทั่วโลกกว่าหนึ่งล้านคนได้ร่วมกันลงชื่อในจดหมายของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิงทันที เพื่อยุติความขัดแย้งอย่างรุนแรงและอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในกาซาและอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 

เอริกา เกวารา-โรซาส์ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านงานวิจัย การผลักดันเชิงนโยบาย และการรณรงค์ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า ทั่วโลกต่างได้เห็นความน่ากลัวที่พลเรือนจำนวนมากต้องสูญเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ท่ามกลางการทิ้งระเบิดและปฏิบัติการรบทางบกที่ไม่หยุดหย่อนของอิสราเอล และหายนะด้านมนุษยธรรมที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในฉนวนกาซาที่ถูกยึดครอง ซึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของมนุษย์ด้วยกันเอง ชาวปาเลสไตน์กว่า 10,800 คนถูกสังหารในกาซา รวมทั้งเด็กอย่างน้อย 4,200 คนในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนในอิสราเอล ประชาชนอย่างน้อย 1,400 คนถูกสังหาร และกว่า 200 คนรวมทั้งเด็ก 33 คน ถูกจับเป็นตัวประกันโดยกลุ่มฮามาสและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

“การเพิ่มความเข้มงวดในการปิดล้อมอย่างผิดกฎหมายต่อกาซาของอิสราเอล ส่งผลให้ประชาชน 2 ล้านคนไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่ม อาหาร เวชภัณฑ์ และเชื้อเพลิงได้ ทำให้ระบบสาธารณสุขล่มสลาย ในขณะที่จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 25,000 คน ชาวกาซาอย่างน้อย 1.5 ล้านคนถูกบังคับให้ต้องโยกย้ายถิ่นฐาน เนื่องจากการโจมตี และเนื่องจากคำสั่งของกองทัพอิสราเอลที่บอกให้ประชาชนเคลื่อนย้ายไปสู่ทางใต้ของฉนวนกาซา

“ด้วยความโกรธเคืองต่อการที่พลเรือนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก สมาชิกและผู้สนับสนุนจากทั่วโลกของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ร่วมกันส่งเสียงเรียกร้องให้มีการคุ้มครองพลเรือนทุกคนที่เสี่ยงภัย พวกเขาได้ลงชื่อในแคมเปญออนไลน์ของเราที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้หยุดยิงโดยทันที ประชาชนหลายแสนคนยังคงชุมนุมประท้วงอยู่ทั่วโลก เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นที่รับฟังในประชาคมโลก เนื่องจากคู่สงครามยังคงแสดงความเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิงต่อชีวิตของพลเรือน” 

“ทางการอิสราเอลยังคงใช้คำพูดที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่อชาวปาเลสไตน์ ในขณะที่กองกำลังของอิสราเอลได้ทิ้งระเบิดค่ายผู้อพยพที่มีประชากรหนาแน่น ทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาล โรงเรียนขององค์การสหประชาชาติ ร้านขายขนมปัง มัสยิดและโบสถ์ ถนนหนทาง และบ้านเรือนของพลเรือน ทำให้หลายครอบครัวเสียชีวิตไปทั้งหมด พลเรือนที่ถูกจับเป็นตัวประกันโดยกลุ่มฮามาสและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ในกาซายังอยู่ในอันตราย และยังคงมีการยิงจรวดอย่างไม่เลือกเป้าหมายเข้าสู่อิสราเอล ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อพลเรือน 

“เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ประชาคมโลกไม่สามารถดำเนินการเพื่อรับมือกับสภาพการนองเลือดของพลเรือนที่เพิ่มระดับขึ้นอย่างมาก การทำลายล้าง และความทุกข์ยากอย่างยิ่งของมนุษย์ในกาซา ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเป็นจุดด่างพร้อยที่น่าอับอายของมนุษยชาติ ที่เลวร้ายกว่านั้น รัฐบางแห่งยังคงส่งอาวุธไปสนับสนุนคู่สงคราม และมีการนำอาวุธนั้นไปใช้เพื่อละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน

“หนทางเดียวที่จะป้องกันการสูญเสียชีวิตของพลเรือนเพิ่มเติม และเพื่อให้มีการส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อชีวิตให้กับผู้ที่มีความต้องการอย่างเร่งด่วนในกาซา คือการที่รัฐต่างๆ ต้องปฏิบัติการทันทีเพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันทีของคู่กรณีในความขัดแย้งในฉนวนกาซาที่ถูกยึดครอง การหยุดยิงจะเป็นโอกาสเพื่อให้มีการปล่อยตัวประกัน และเพื่อให้หน่วยงานอิสระระหว่างประเทศสามารถเข้าไปสอบสวนอาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นจากทุกฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหาการลอยนวลพ้นผิดที่เกิดขึ้นมายาวนาน สุดท้ายแล้ว ความยุติธรรมและการเยียวยาต่อผู้เสียหายและการทำลายระบบการแบ่งแยกกดขี่ที่ลึกซึ้งของอิสราเอลที่กระทำต่อชาวปาเลสไตน์ เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อยุติวงจรความโหดร้ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง”  

ข้อมูลพื้นฐาน

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้บันทึกข้อมูลที่เป็นหลักฐานว่า มีการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งอาชญากรรมสงคราม ที่เกิดขึ้นจากคู่กรณีทุกฝ่ายในความขัดแย้งครั้งนี้

อิสราเอลได้ตอบโต้กับการโจมตีที่โหดร้ายของกลุ่มฮามาสและกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ด้วยการระดมทิ้งระเบิดอย่างกว้างขวางในกาซา รวมทั้งการโจมตีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เลือกเป้าหมาย และการเพิ่มความเข้มงวดในการปิดล้อมอย่างผิดกฎหมายเป็นเวลา 16 ปีต่อฉนวนกาซา  

ในส่วนของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยได้มีการทำแคมเปญออนไลน์เพื่อชวนร่วมการลงชื่อเพื่อช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน คุณสามารถร่วมการลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิงโดยทันที ได้ที่นี่ https://act.amnesty.or.th/page/138030/petition/1

 

เพราะเสียงของทุกคนมีค่า มาสร้างแรงสะเทือนให้ผู้มีอำนาจได้ยิน

เพื่อยุติความโหดร้ายที่เกิดจากความขัดแย้งครั้งนี้