ถ้าลูกยังอยู่ กลับมากินข้าวฝีมือแม่นะ : สยาม ธีรวุฒิกับผัดพริกแกงถั่วที่ไม่เคยเบื่อ

28 สิงหาคม 2566

Amnesty International Thailand

ในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปีเรามักจะนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงวันแม่แห่งชาติ และวันผู้สูญหายสากล แม่ของสยาม ธีรวุฒิ ผู้ถูกบังคับให้สูญหาย คนที่เรามักเรียกอย่างสนิทสนมว่าแม่กัญญา ธีรวุฒิ แม้เราจะคุยกับเธอมาหลายครั้งทั้งในเรื่องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกชายผู้ที่เธอไม่ได้พบเจออีกเลยตั้งแต่ที่เขาลี้ภัยไปประเทศเพื่อนบ้านจากคดีความทางการเมือง และครั้งสุดท้ายมีข่าวออกมาว่าสูญหายจากสนามบินที่ประเทศเวียดนาม เมื่อปี 2562 

สยาม ธีรวุฒิ (ไอซ์) หรือ “สหายข้าวเหนียวมะม่วง” เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของงาน #กลับมากินข้าวด้วยกันนะ ต้องยอมรับว่าชื่อหรือฉายาข้าวเหนียวมะม่วงทำให้เราสนใจถึงที่มาที่ไปไม่น้อย ว่าเป็นอาหารที่เขาชอบกินหรือไม่ แต่แม่กัญญาเล่าให้เราฟังว่าเป็นเรื่องประวัติศาสตร์การเมืองที่เขาสนใจมากกว่า ส่วนของที่ไอซ์ชอบกินจริงๆ คือผัดพริกแกงถั่ว อาหารง่ายๆ ที่กินเท่าไรก็ไม่เบื่อเสียที

 

ผัดพริกแกงถั่ว ที่แม่เบื่อจะทำแต่หนูไม่เบื่อจะกิน 

เขาสั่งบ่อย ‘แม่ ผัดพริกถั่ว’ โอ้ย กินไปวันก่อนนี้เอง กินอีกแล้วหรอ โอ้โหกินได้ตลอดอ่ะแม่ ทำได้ทุกวันผมก็กินได้ทุกวัน แม่ก็เลยจำฝังใจเลยว่าสยามกินผัดพริกถั่วไม่เลิก มันต้องเว้นบ้าง คนอื่นเขาเบื่อ  ‘โอ้ย จะเบื่อทำไม หนูไม่เข้าใจ’

แม่กัญญาเล่าอย่างออกอรรถรส และอดขำไม่ได้กับบทสนทนาที่ตนเคยมีกับลูก ถ้าให้เรื่องกินเป็นเรื่องรัก สยามคงจะเป็นคนที่รักเดียวใจเดียวเป็นแน่ เพราะความรักของเขาที่มีให้เมนูผัดพริกแกงถั่วสุดแสนธรรมดานั้นดูจะไม่เคยจืดชืดหรือเบื่อหน่ายได้ง่ายๆจนแม่ครัวประจำบ้านอย่างแม่กัญญาอดบ่นไม่ได้ว่าคนทำนั้นยังเบื่อจะทำ ทำไมคนกินถึงไม่เคยเบื่อเสียได้

ช่วงเวลาเลิกงาน หากมาบ้านธีรวุฒิ ก็จะได้กลิ่นข้าวสวยร้อนๆกับถั่วผัดพริกแกงฝีมือแม่กัญญา จัดรออยู่ เป็นแหล่งพลังงานทางท้องและทางใจอย่างดีเยี่ยมที่สยามและพ่อจะได้เติมพลังหลังจากจบงานที่เหนื่อยล้าจากนอกบ้านมา “ถั่วผัดพริกแกง ปกติจะกินมื้อเย็นหนัก เช้าก็ต่างคนต่างไปทำธุระกัน ไอซ์ไปทำงานกับพ่อเขา เขาก็ไปกินข้างนอกกันตอนเที่ยง ตอนเย็นนี่จะต้องเตรียมไว้ปกติอยู่แล้ว ไม่รู้ทำไมไอซ์ชอบเมนูนี้ มันง่าย มันชิน แม่ว่ามันกินง่าย คนกินง่าย อร่อย”

แม่กัญญาเล่าถึงกิจวัตรประจำวันแต่ก่อนด้วยใบหน้าที่ยิ้มบ้าง ขำบ้าง เศร้าบ้าง บนโซฟาที่ตั้งอยู่ข้างๆกับโต๊ะเหล็กตัวหนึ่งที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นโต๊ะทานอาหารตัวเดียวประจำบ้านแห่งนี้ แม่หันไปมองโต๊ะตัวนี้และเฉลยเราว่า โต๊ะตัวนี้คือโต๊ะที่บ้านธีรวุฒิใช้ทานข้าวกันมาตั้งแต่อยู่บ้านเก่า และนั่นรวมไปถึงสยามที่นั่งกินผัดพริกถั่วที่โต๊ะนี้ด้วยเช่นกัน

“ส่วนใหญ่ผัดพริกถั่วก็กินที่โต๊ะนี้แหละ ไม่ต้องไปไหนหล่ะ เมื่อก่อนแม่ไม่ได้อยู่หลังนี้ แต่โต๊ะตัวนี้กินข้าวตลอด เอามาจากหลังเก่าเลย เพราะว่าจ้างเขาทำตั้งแต่สยามอยู่ป.3-4 เพราะว่าชายคาที่ตึกน้ำจะรั่ว ถ้าเราใช้โต๊ะแบบโต๊ะไม้อย่างนั้นมันก็จะเอาอีกแล้ว หลุดอีกแล้ว มันก็เลยไม่คุ้มฝนชายคา ก็เปลี่ยนมาเป็นอย่างนี้ โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะกินข้าวของเรา”

 

 

แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม

นอกจากนี้แม่กัญญายังให้บัญชีรายชื่อของกินมาอีกเกือบสิบอย่าง ย้อนกลับไปตั้งแต่ยังเด็กจนโต หลายๆ คนอาจจะเคยได้เล่นเกมทดสอบรักแท้ที่จะมีคำถามลองใจ เช่น รู้หรือไม่ว่าอาหารที่อีกฝ่ายชอบกินคืออะไร และถ้าคนเล่นนั้นคือแม่กัญญา ธีรวุฒิ คงไม่ต้องทดสอบคำถามอื่นใดอีกเลย

ตั้งแต่สยามอยู่สักป.1 เแม่บอกเขาว่า ถ้าหนูเรียนได้เกรดดีๆ เรียนได้เลขตัวเดียว เดี๋ยวแม่พาไปเลี้ยงกุ้งเผา ตอนนั้นจะมีร้านสุกี้วันชัยอะไรอย่างนี้ เราก็กินสุกี้ธรรมดา แต่สยามบอกว่าอยากกินกุ้งเผา สั่งไปโลหนึ่ง เขาก็ว่าถ้าไม่พอเดี๋ยวค่อยสั่งใหม่ โอ้ย โลนึง ไอ้เราก็กินอย่างอื่นเข้าไปแล้ว สยามแกก็กินของแกคนเดียว พอแกสอบได้ ก็กินอย่างนั้นทุกปีเลยจนเข้าม.1 กุ้งเผาแกชอบมาก กินซะจนต้องอาเจียนทิ้งไปเลย

อีกหนึ่งเหตุผลที่แม่กัญญาสามารถเล่าถึงอาหารได้หลากหลายเมนูเช่นนี้ ไม่เพียงเพราะตนรู้จักการกินของลูกเป็นอย่างดี แต่อาจพูดได้ว่าอีกสาเหตุหนึ่งก็ด้วยเพราะความกินง่าย อยู่ง่าย ของสยาม ที่เด่นชัดจนแสดงออกผ่านลักษณะนิสัยการกินของเขา

“ชอบหมด กินหมด กินได้หมด ปลาร้าปลาจ่อม กินได้หมด ลาบเลือดลาบไม่เลือดกินได้หมด โอ้ว แปลก”

“เป็นคนกินได้ทุกอย่าง กินเก่ง แล้วก็ทำอาหารเก่งด้วย”

แม่กัญญายังเสริมอีกว่า สยามนั้นเป็นคนที่กินได้ทุกอย่างถึงขั้นไม่เคยแพ้อาหารชนิดใดเลย และแม้จะกำลังพูดถึงเรื่องอาหารอยู่ แม่กัญญาก็อดหวนนึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกของตนไม่ได้ “แม่ยอมรับเลยว่าสยามเป็นคนกินง่าย สยามไม่มีแพ้อะไรเลย แพ้อยู่อย่างเดียว แพ้ 112 เนี่ย อยู่ไม่ได้ อยู่ตายแน่” สยามผู้ไม่เคยแพ้(อาหาร) กลับต้องจำลี้ภัยก็เพราะความไม่เป็นธรรมที่ประเทศนี้มอบให้แก่ประชาชนคนหนึ่ง

 

ของฝากจากแม่ ในวันที่ลูกต้องเดินทางไกล

เวลาที่เราต้องเดินทางไกลหรือไปในที่ต่างถิ่นต่างแดน คนเป็นแม่มักจะอดไม่ได้ที่จะจัดการแพ๊คข้าวสารอาหารแห้งติดกระเป๋าลูกด้วยความเป็นห่วง กลัวลูกจะกินไม่อิ่มนอนไม่หลับยามต้องเดินทางไกล แม่กัญญาก็เช่นกัน เมื่อเธอได้โอกาสไปเยี่ยมสยามที่ลาว เธอก็อดไม่ได้ที่จะนำเสบียงไม่ว่าจะเป็นเครื่องแกงหรือปลาสดๆ ไปฝากลูกด้วยความเป็นห่วง

“ตอนที่เขาลี้ภัย ตอนที่ไปอยู่กับลุงสนามหลวง เมื่อปี 2559 แม่ไปหา แม่ก็เอาปลาอินทรีย์ตัวใหญ่ ตัวหนึ่ง 500 กว่า เอาไปให้เขาสี่ตัว (ขำ) เอาใส่กระเป๋าล้อลากที่เราไปต่างประเทศ เราเอารถไปจอดที่ท่าแล้วก็นั่งรถตู้ข้าม เขาเรียกข้ามแดนหน่ะ แดนก็คือแม่น้ำ ข้ามแม่น้ำไปฝั่งนู้น แสตมป์วีซ่า เขาก็รอรับฝั่งนู้น พูดถึงคนเราจ้องจะฆ่า คนหนึ่งก็หนีตาย ไอ่นี้ก็จ้องจะฆ่าให้ตาย เอ้อ (นิ่ง)”

แม่เล่าถึงปลาอินทรีตัวใหญ่สี่ตัวที่ตนได้แพ๊คใส่กระเป๋าเดินทางอย่างดีเพื่อนำไปฝากลูกชายผู้เป็นที่รัก และก็อดไม่ได้ที่จะตัดพ้อถึงความเลวร้ายที่ลูกตนต้องลี้ภัยและถูกบังคับให้สูญหาย และนั่นก็ทำให้แม่ย้อนนึกถึงวันที่สยามบอกลาเพื่อออกเดินทาง

“แต่มาระยะที่จะออกจากบ้านเนี่ย เขาดูดบุหรี่จัด พอไปทักเขาก็ตกใจ เหมือนเขากลัวอะไร แม่ว่าเขาคงรู้แล้วว่าโดนหมายจับ แต่เขาไม่รู้จะบอกแม่ว่ายังไงดี ไม่กล้าบอกไม่กล้าพูด แต่แล้วก็ต้องบอก เพราะว่าคนที่บอกกับเขาว่า อย่าอยู่บ้านนะ ถ้าอยู่บ้าน จะโดนรวบตัวนะ สายข่าวมาแล้ว ให้ออกจากบ้าน ไปไหนก็ได้ แต่ไม่ให้อยู่ที่บ้าน สยามก็ร้อนใจออกจากบ้าน ก็บอกกับแม่ว่า ‘อยู่ไม่ได้แล้วแม่ ผมโดนหมายจับ’ เขาก็ไปนั่งบอกแม่ข้างเตียง แม่นอนด้วยกันหมดเลย ก็ถามเขาว่าอ้าว แล้วทำไงอ่ะลูก ‘หนูก็ต้องหนีก่อนนะแม่ ผมไม่ยอมติดคุก’ เอ้าไป แม่บอกก็ไป ทั้งๆที่เราก็ห่วงเขานะ เอ้อ…”

แม้จะเป็นห่วงลูกอย่างมาก แต่แม่กัญญาก็จำต้องให้ลูกออกเดินทางไกล  และนับเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่สยามได้ถูกบังคับให้สูญหายไป การเดินทางนี้มันช่างยาวไกลนัก และแม่คนนี้ยังคงรอวันที่สยามจะกลับมากินข้าวด้วยกันอีกครั้ง

 

#แล้วกลับมากินข้าวด้วยกันนะ 

#RememberMe

#กลับสู่วันวาน