#14ปีสมชาย จดหมายจากครอบครัวนีละไพจิตร

12 มีนาคม 2561

เรื่อง: อังคณา นีละไพจิตร ในนามครอบครัวนีละไพจิตร

 

อันที่จริงหลังศาลฎีกายกฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นายในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวสมชาย นีละไพจิตร เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 ดิฉันตั้งใจว่าจะเลิกทวงถามการดำเนินการติดตามหาตัวทนายสมชายจากรัฐ แต่ในฐานะพลเมืองที่ถูกละเมิดสิทธิ ดิฉันจะเฝ้ามองการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของรัฐในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่สมชายและครอบครัว

 

ดิฉันรู้สึกผิดหวังและเสียใจอย่างยิ่งเมื่อปีที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีหนังสือถึงครอบครัวเพื่อแจ้งงดการสอบสวนคดีสมชาย หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีการฆาตกรรมสมชายเป็นคดีพิเศษ และใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนยาวนานถึง 12 ปี โดยหนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งครอบครัวให้ทราบด้วยข้อความเพียงสั้นๆเพียงว่า “การสอบสวนคดีสมชายได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นควรงดการสอบสวนเนื่องจากไม่ปรากฏตัวผู้กระทำผิด” พูดง่ายๆ คือเมื่อหาคนผิดไม่ได้ ก็จบๆ ไป

 

ที่ผ่านมานับแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับคดีสมชายเป็นคดีพิเศษ ดิฉันเชื่อว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษไม่เคยมีความเต็มใจในการคลี่คลายคดีสมชาย ซึ่งมีผู้ต้องสงสัยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้ายังจำกันได้เมื่อปลายปี 2556 อดีตผู้อำนวยการสำนักคดีอาญาพิเศษ ได้ให้ข่าวแก่สาธารณะว่า แฟ้มเอกสารคดีสมชายหายไป แต่ต่อมาอีกไม่ถึงสัปดาห์ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกมาให้ข่าวอีกครั้งว่าแฟ้มคดีสมชายไม่ได้หายไปไหน การไม่ให้ความสำคัญว่า การที่คนๆหนึ่งถูกอุ้มฆ่าโดยเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเรื่องร้ายแรงที่รัฐต้องรีบเร่งดำเนินการ ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษงดการสอบสวนคดีสมชายโดยไม่ใส่ใจความรู้สึกของครอบครัวและสังคม

 

ดิฉันเห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการคลี่คลายคดีอาชญากรรมโดยเจ้าหน้าที่รัฐ รัฐบาลจำเป็นต้องให้ความสำคัญ รัฐบาลต้องมีเจตจำนงทางการเมือง (Political Will) ต้องมีเจตนาที่แน่วแน่มั่นคงในการที่จะไม่ปกป้องผู้กระทำผิด สำหรับคดีสมชาย นีละไพจิตร ดังที่ได้กล่าวข้างต้นแล้วว่า ดิฉันเฝ้าติดตามคดีโดยตลอดว่ารัฐจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวอย่างไร แต่ผ่านมา 14 ปี ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่ารัฐบาลพลเรือน หรือรัฐบาลทหาร รัฐบาลคนดี หรือคนไม่ดี การอำนวยความยุติธรรมแก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรมโดยรัฐไม่เคยเกิดขึ้นจริง และการงดเว้นโทษกรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป

 

ที่ผ่านมา การเยียวยาด้วยตัวเงินที่รัฐให้แก่ครอบครัวสมชาย จึงเป็นแค่การสงเคราะห์ มากกว่าการสำนึกผิดในสิ่งที่รัฐได้กระทำไป สำหรับดิฉันแล้ว สิ่งที่เหยื่อและครอบครัวต้องการคือความรับผิดชอบจากรัฐ ความรับผิดชอบหมายถึงการเปิดเผยความจริงถึงที่อยู่และชะตากรรมของผู้สูญหาย การนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และการฟื้นฟูเยียวยาครอบครัว อาชญากรรมที่เกิดจากรัฐ รัฐต้องร่วมรับทุกข์กับเหยื่อ ไม่ใช่ปล่อยให้เหยื่อเผชิญความยากลำบากแต่เพียงลำพัง รัฐต้องไม่มืดบอดในการรับรู้ความทุกข์ยากของประชาชน การให้เงินชดใช้ความเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ได้หมายความว่ารัฐและหน่วยงานความมั่นคงจะหลุดพ้นจากหน้าที่ที่ต้องนำตัวผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ที่สำคัญ การให้ค่าชดเชยด้วยเงินจำนวนมากก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าการละเมิดเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต

 

14 ปีการสูญหายทนายสมชาย นีละไพจิตร ได้แสดงให้เห็นถึงการแปรเปลี่ยนจากอาชญากรรมโดยเจ้าหน้าที่รัฐ มาสู่ความความไม่เป็นธรรมจากการละเลยเพิกเฉยในการอำนวยความยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรมไทยบนพื้นฐานและการขาดเจตจำนงทางการเมืองเห็นได้จากการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษงดการสอบสวนคดีสมชาย และสภานิติบัญญัติแห่งชาติไม่รับรองพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ....

 

ในช่วง 14 ปีของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แม้จะขมขื่นและผิดหวังแต่ดิฉันไม่เคยอาฆาตแค้น ไม่เคยมีอคติหรือความเกลียดชัง เวลาที่ผ่านไปทำให้รู้จักอดทน มีเมตตา และยืนหยัดในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมที่ไม่ใช่แค่เพียงตัวเองและครอบครัว แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทุกคนเสมอภาคกันทางกฎหมาย และผู้กระทำผิดต้องรับโทษตามกระบวนการยุติธรรม

 

12 มีนาคม 2561 เป็นวันครบรอบ 14 ปีที่ สมชาย นีละไพจิตร ถูกทำให้เป็นบุคคลสูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ สมชายไม่ต่างจากผู้สูญหายอีกมากมายที่ไม่มีใครทราบที่อยู่และชะตากรรม ไม่มีหลุมศพให้รำลึกถึง วันนี้ ดิฉันจึงขอวางช่อดอกไม้เพื่อรำลึกถึงสมชายนีละไพจิตร ทนายความสิทธิมนุษยชนไว้ข้างถนนเพื่อให้คนที่ผ่านไปมาที่อาจมีโอกาสได้พบเขา ได้โปรดฝากความรักและความระลึกถึงจากครอบครัวไปยังเขาด้วย

 

ด้วยความรัก ความหวัง และมิตรภาพ
อังคณา นีละไพจิตร
ในฐานะครอบครัวสมชาย นีละไพจิตร
12 มีนาคม 2561