มาเลเซีย: โศกนาฏกรรมเรือผู้อพยพ ตอกย้ำสถานการณ์เลวร้ายลงของชาวโรฮิงญา
มาเลเซีย – โจ ฟรีแมน นักวิจัยด้านเมียนมาของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงเหตุการณ์เรือล่มนอกชายฝั่งมาเลเซีย ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพชาวโรฮิงญาเสียชีวิตว่า
มาเลเซีย – โจ ฟรีแมน นักวิจัยด้านเมียนมาของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงเหตุการณ์เรือล่มนอกชายฝั่งมาเลเซีย ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพชาวโรฮิงญาเสียชีวิตว่า
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลชี้ว่า ชุมชนชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ตอนเหนือของเมียนมากำลังเผชิญกับการบังคับใช้แรงงาน วิกฤติด้านอาหารและสุขภาพ การจำกัดเสรีภาพในการเดินทางอย่างเข้มงวดและความขัดแย้งทางอาวุธที่ทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมเตือนถึงการตัดสินใจส่งผู้ลี้ภัยจากบังคลาเทศกลับเมียนมาอย่างเร่งร้อนนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
โจ ฟรีแมน นักวิจัยด้านเมียนมาของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แสดงความคิดเห็นต่อรายงานการโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมา ซึ่งกล่าวกันว่าคร่าชีวิตพลเรือนไปมากกว่า 20 ราย รวมถึงเด็ก เมื่อมีการทิ้งระเบิดหลายลูกจากนักบินพาราไกลเดอร์ (Paraglider) ที่ใช้ร่มบินติดเครื่องยนต์ (Paramotor) โดยกล่าวว่า
สืบเนื่องจากรายงานที่ระบุว่า กองกำลังอิสราเอลได้สกัดและยึดเรืออย่างน้อย 39 ลำ พร้อมควบคุมตัวลูกเรือหลายสิบคน ของกองเรือโกลบอล ซูมุด ฟอร์ทิลลา ซึ่งพยายามฝ่าการปิดล้อมที่ถูกมองว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นเข้าไปในฉนวนกาซาซึ่งถูกปิดล้อมอยู่แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่อิสราเอลยังคงถูกกล่าวหาว่ากำลังก่อ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยแอกเนส คาลามาร์ด เลขาธิการสากลของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า
ท่ามกลางรายงานที่เผยแพร่ออกมาเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน และบาดเจ็บกว่า 100 คนระหว่างการปราบปรามการชุมนุมประท้วงที่นำโดยเยาวชนต่อต้านการคอร์รัปชั่นและการแบนโซเชียลมีเดียในเนปาล
หลายปีแล้วที่ความรุนแรงเกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ยังคงดำเนินไปและยังหาจุดยุติไม่ได้ ส่งผลให้ปัจจุบันมีชาวปาเลสไตน์นับหมื่นคนต้องจบชีวิต หลายคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ขณะเดียวกัน การรับรู้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อผู้คน การกดขี่ และการปฏิบัติที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ยังคงเป็นที่รับรู้ในวงจำกัด
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องว่า รัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลอื่น ๆ ต้องหาเงินทุนอย่างเร่งด่วนสำหรับโครงการด้านการศึกษาในเมียนมา ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่สำหรับนักเรียน ครู และครอบครัวซึ่งอยู่ในประเทศที่กำลังเผชิญสงคราม พร้อมเตือนว่าหากไม่มีการดำเนินการใด ๆ อาจนำไปสู่ “ภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Lost Generation)”
นับเป็นเวลากว่า 8 ทศวรรษมาแล้ว ที่ประเด็นความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ปรากฏอยู่ในความรับรู้ของคนทั่วโลก เริ่มตั้งแต่ความพยายามของชาวยิวในการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ ภายใต้การชักนำของประเทศเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ ต่อเนื่องด้วยการตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นเมื่อปี 1948 หรือที่ชาวปาเลสไตน์เรียกว่าวันนักบา ซึ่งหมายถึงวันหายนะ จากการที่ชาวปาเลสไตน์ราว 7 – 8 แสนคน ต้องพลัดถิ่นอย่างถาวร ปัญหาในการแบ่งสรรปันส่วนดินแดนปาเลสไตน์ให้กับชนชาติต่างๆ ทั้งอาหรับและยิว ที่ไม่ลงตัว นำไปสู่การสู้รบเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์เหนือดินแดนแห่งนี้
ความรุนแรงที่ทวีขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนระหว่างอิสราเอล ฮามาส และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 ได้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อพลเรือน จำนวนผู้เสียชีวิตและขนาดของการทำลายล้างในฉนวนกาซาทำให้ชีวิตผู้บริสุทธินับไม่ถ้วนต้องแตกสลาย
นักกิจกรรมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลและประชาชนในประเทศไทยร่วมกันเรียกร้องทางการรัสเซียยุติการรุกรานและคุ้มครองพลเรือนยูเครน โดยนักกิจกรรมได้ยืนถือโปสเตอร์ข้อความและภาพความรุนแรง ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งจุดเทียนและยืนสงบนิ่งเพื่อรำลึกถึงผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้นยังมีการฉายภาพและวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่พลเรือนชาวยูเครน กำลังประสบอยู่ สำหรับกิจกรรมนี้ได้จัดขึ้นทั่วโลกเนื่องในวาระครบรอบหนึ่งเดือนที่รัสเซียรุกรานยูเครน