มาเลเซีย: โศกนาฏกรรมเรือผู้อพยพ ตอกย้ำสถานการณ์เลวร้ายลงของชาวโรฮิงญา
มาเลเซีย – โจ ฟรีแมน นักวิจัยด้านเมียนมาของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงเหตุการณ์เรือล่มนอกชายฝั่งมาเลเซีย ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพชาวโรฮิงญาเสียชีวิตว่า
มาเลเซีย – โจ ฟรีแมน นักวิจัยด้านเมียนมาของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวถึงเหตุการณ์เรือล่มนอกชายฝั่งมาเลเซีย ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพชาวโรฮิงญาเสียชีวิตว่า
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลชี้ว่า ชุมชนชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ตอนเหนือของเมียนมากำลังเผชิญกับการบังคับใช้แรงงาน วิกฤติด้านอาหารและสุขภาพ การจำกัดเสรีภาพในการเดินทางอย่างเข้มงวดและความขัดแย้งทางอาวุธที่ทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมเตือนถึงการตัดสินใจส่งผู้ลี้ภัยจากบังคลาเทศกลับเมียนมาอย่างเร่งร้อนนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
‘บ้าน’ ไม่ได้เป็นเพียงที่อยู่อาศัยให้เราหลบนอนหนึ่งคืน แต่คือพื้นที่ที่เราหายใจ เติบโต รับฟังเสียงหัวเราะและเรื่องเล่าของผู้คน บ้านคือวัฒนธรรม วิถีชีวิต และสังคมเล็กๆ ที่โอบอุ้มเราไว้ตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงวัยผู้ใหญ่ หรืออาจตลอดอายุขัยในบ้านนั้น แต่หากวันหนึ่งบ้านหายไป เราจะอยู่ที่ไหน? วันนี้ ชุมชนทั่วประเทศกำลังเผชิญโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ เหมืองแร่ แลนด์บริดจ์ ป่าคาร์บอน บ้านที่เคยมั่นคงกลับอยู่บนความเสี่ยงที่จะถูกไล่รื้อทุกเมื่อ ทั้งที่สิทธิในที่อยู่อาศัยคือสิทธิขั้นพื้นฐานของเราโดยแท้จริง
หากเพียงแค่ลองจินตนาการว่าวันนึงที่ดินที่คุณอาศัยมามากกว่าทศวรรษ กำลังจะมีการสร้างพื้นที่ท่าเรือกว่า 6000 ไร่ และลองจินตนาการอีกครั้งว่าพื้นที่ที่คุณออกไปทำงานเลี้ยงชีพกำลังจะถูกปิดกั้นจากโครงการขนาดมหึมาของรัฐบาล เพียงแค่นั้นคุณจะทำอย่างไร
ในห้วงเวลาแห่งวันชนเผ่าพื้นเมืองโลก 9 สิงหาคม 2568 ในปีนี้ เสียงแสดงความยินดีจากหลายฝ่ายต่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. … ที่เพิ่งผ่านสภาด้วยคะแนนเอกฉันท์ 421 เสียง เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 ก้องกังวานไปทั่วประเทศในเครือข่ายพี่น้องชาติพันธุ์และทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้ ทว่าในอีกมุมที่เงียบกว่า กลับมีคำถามที่ต้องฟังให้ลึกกว่าเสียงปรบมือและคำยินดี นั่นคือ…อะไรที่กฎหมายยังไม่ได้พูดถึงหรือยังไม่มีความชัดเจนในการนำมาใช้จริง