การวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่สะท้อนถึงการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและการสมาคมของทางการไทย

22 กุมภาพันธ์ 2563

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

AFP/Getty Images

สืบเนื่องจากการรายงานข่าวว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ นิโคลัส เบเคลัง ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคอนาคตใหม่สะท้อนถึงการใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อข่มขู่ คุกคาม และโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยนี้ และฟื้นฟูสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการสมาคมในประเทศอย่างเต็มที่

 

การยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของทางการไทย ในการโจมตีหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรค ตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ทั้งก่อนและนับแต่การเลือกตั้ง ทางการใช้มาตรการทางกฎหมายที่ให้อำนาจอย่างกว้างขวางและมีเนื้อหาคลุมเครือ เพื่อยุบพรรค และตัดสิทธิไม่ให้หัวหน้าพรรคการเมืองดำรงตำแหน่ง สส.

 

รัฐบาลไทย สมาชิกรัฐสภา และพรรคการเมืองทุกพรรคของไทย ต้องสัญญาที่จะปกป้องสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการสมาคม ประชาคมระหว่างประเทศซึ่งดูเหมือนยังสงวนท่าทีต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย ต้องแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าไม่อาจยอมรับการสั่งยุบพรรคฝ่ายค้านครั้งนี้”

 

ข้อมูลพื้นฐาน

ศาลรัฐธรรมนูญของประเทศไทยวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศาลวินิจฉัยว่าการรับเงินจำนวน 191 ล้านบาทในรูปเงินกู้จากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เป็นการละเมิดมาตรา 66 และ 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ซึ่งห้ามการรับบริจาคเงินที่มีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ทั้งยังตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 16 คน ทำให้ไม่สามารถลงเลือกตั้งได้เป็นเวลา 10 ปี

ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 รัฐบาลเริ่มโจมตีอย่างต่อเนื่องต่อฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เมื่อเห็นว่าพวกเขาได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เห็นได้ชัดเจนจากคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติที่มีจุดประสงค์ทางการเมืองเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 โดยศาลยังสั่งห้ามคณะกรรมการบริหารพรรคดังกล่าวลงเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นองค์กรที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ได้ให้ความสนับสนุนหรือต่อต้านผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใด