ความรักของในห้วงขณะของการเซ็นเซอร์: นักกิจกรรมชาวจีน "หลู วี่หวี่" และ "หลี่ ถิงวี่"

14 กุมภาพันธ์ 2564

Amnesty International

แปลโดย นางสาววีริสา ลีวัฒนกิจ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์ฯ เอกวารสารศาสตร์

ขณะ Lu Yuyu และ Li Tingyu กำลังไปรับกระถางต้นแคทนิพสำหรับ Stinker แมวของพวกเขา ทันใดนั้นความโรแมนติกของพวกเขาถูกทำให้จบลง เมื่อพบว่าคนที่รอพวกเขา ณ สถานที่นัดเจอกัน ก็คือตำรวจที่คอยสะกดรอยความสัมพันธ์พวกเขามาถึงสามปีเต็ม

“เจน (Li) ได้ไปรับของที่มา และผมรอเธออยู่ด้านนอก ทันใดนั้นมีชายฉกรรจ์มากมายปรากฏตัวขึ้นมา” Lu ได้เล่ากับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล จากบ้านของเขาในมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน

“แต่ก่อนผมเคยจินตนาการครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นจะเป็นอย่างไรเมื่อมันมาถึงและผมจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว สายเกินไปที่จะรู้สึกกลัว และผมถูกพาตัวไปในรถสีดำ มือทั้งสองข้างถูกรวบไว้ด้านหลังและมีฮู้ดสีดำครอบศีรษะ”

“ผมเคยคิดว่าพวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าเจนอยู่ภายในร้านเถาเป่า (ร้านค้าบริการออนไลน์) ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ซื่อเกินไป เธอถูกควบคุมตัวโดยตำรวจหญิงจำนวนมาก ตะโกนเรียกชื่อผมสุดลมหายใจขณะถูกพาตัวไปยังรถซีดานอีกคัน

นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ Lu Yuyu และ Li Tingyu พบกับและกัน

เรื่องราวของความรักอันโชคร้ายนี้เริ่มต้นในปี 2012 เมื่อนักกิจกรรมชาวจีน Lu เริ่มรวมรวมข้อมูลเกี่ยวกับการประท้วงในประเทศจีนและโพสต์ลงในสื่อออนไลน์ ข้อมูลที่เขาเผยแพร่รวมถึงการประท้วงของแรงงานโดยการหยุดงาน การประท้วงในประเด็นสิ่งแวดล้อม และการปะทะกันกับตำรวจ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่ควรจะเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกคนควรเห็น

แคมเปญของเขาได้ดึงดูดความสนใจของเพื่อนนักกิจกรรม Li นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกวางโจว ซึ่ง Lu เรียกเธอว่า “เจน”

“เจนเคยเขียนถึงผมว่าเธอสนใจในข้อมูลที่ผมค้นหาและพบว่ามันเป็นประโยชน์ต่อการค้นคว้าเรื่องการเคลื่อนไหวในสังคม เราคุยกันอย่างไม่รู้จบ” Lu กล่าว

“จนในที่สุดวันหนึ่งเจนพูดว่า ‘ฉันอ่านบล็อกของคุณตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และฉันก็ยังอ่านโปรไฟล์ QQ (แอพลิเคชันสนทนาของจีน) ของคุณด้วย’ เราตกหลุมรักกันและกันก่อนที่เราจะรู้ตัวเสียอีก”

 

 

เมื่อคนขบถพบเหตุผลของชีวิต

Lu Yuyu อธิบายตนเองว่าเป็นคนหัวขบถและเด็กเกเร เขาถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยจากกรณีทะเลาะวิวาท เขาเปลี่ยนงานไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ทั้งงานก่อสร้าง ผู้ดูแลเว็บในอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ช่างประปา ผู้จัดการโกดัง – จนกระทั่งเขาพบที่ของตนเองบนโลกออนไลน์

“ตอนที่ผมทำงานผมรู้สึกแย่มาก แต่เมื่อผมเข้าไปในเว่ยป๋อ (แพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ของจีน) ตอนปี 2011 และเห็นคนอย่างอ้ายเหว่ยเหว่ยหรือเฉินกวงเฉิน แล้วผมก็รู้ว่าชีวิตแบบไหนที่ผมอยากไปให้ถึง”

เขาเริ่มต้นการทำกิจกรรมด้วยการประท้วงขนาดเล็กต่าง ๆ ที่เห็นเขาตกเป็นเป้าหมายของตำรวจ ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผน

“วิธีการประท้วงด้วยป้ายทำได้แค่ฝึกความกล้าของคนเพียงเท่านั้น แต่จริง ๆ ผลกระทบที่ตามมาน้อยมาก” Lu กล่าว

ดังนั้นเขาจึงเริ่มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการประท้วงขนาดย่อมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศและเผยแพร่สิ่งที่พบผ่านเว่ยป๋อ โพสต์และบัญชีของเขาถูกลบแล้วลบอีก แต่เขายังมุ่งมั่นที่จะทำต่อ และหลังจากนั้นก็เริ่มได้รับข้อความให้กำลังใจจากผู้ที่ติดตามงานของเขา โดยหนึ่งในนั้นคือ Li Tingyu 

เดือนมิถุนายน ปี 2013 ตอนที่ Lu โพสต์ข้อความถึงปัญหาทางการเงินของเขา หลังจากที่ลาออกจากงานโรงงานเพื่อที่จะสามารถหาข้อมูลได้อย่างจริงจัง Li ตอบรับและเปิดเผยว่าเธอต้องการที่จะพบเขา และจะช่วยเผยแพร่ความสำคัญของผลงานของเขา

 

คู่หูผู้สมรู้ร่วมคิด

Li เข้าร่วมกับ Lu ในการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการประท้วงของมวลชนต่าง ๆ ทั่วประเทศจีน แล้วเธอตั้งชื่อโปรเจค: Non-News เพราะมันเป็นข่าวที่คุณจะไม่มีทางเห็นในสื่อหลัก 

Lu และ Li กลายมาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดภายใต้สายตาของรัฐบาลเผด็จการ พวกเขาถูกข่มขู่จากตำรวจความมั่นคงของชาติอยู่บ่อยครั้ง

ในปี 2014 ความสนใจที่พวกเขาไม่ได้ต้องการทำให้พวกเขาต้องย้ายไปที่ต้าหลี่ เมืองท่องเที่ยวที่เป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวมาหมายที่ตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน โดยอาศัยเงินบริจาคจากชาวเน็ตในการช่วยดำรงชีพ

Lu กล่าวว่า เขาได้ใช้ชีวิตอย่าง “มนุษย์ล่องหน” ในต้าหลี่ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกปลอดภัยเลย และในปี 2015 เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามสร้างบัญชีใหม่ในเว่ยป๋อ มันจะถูกลบทิ้งทันที

“ผมเตรียมตัวและบอกทุกคนล่วงหน้าถึงการถูกคุมขัง แต่ผมเลี่ยงการคุยเรื่องนี้กับเจนเสมอ ผมจะพูดประมาณว่า การพูดคุยเรื่องนี้มันจะทำให้เรากลัวมากขึ้นและไม่ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตที่เราเป็นอยู่”

แต่เมื่อมิถุนายน ปี 2016 ความหวาดระแวงก็กลายเป็นความจริง เมื่อการเดินทางไปเอากระถางต้นแคทนิพกลายมาเป็นลางร้าย ทั้งคู่ถูกจับและตั้งข้อหา “ยุยงปลุกปั่นและสร้างความไม่สงบขึ้นในสังคม”

 

ถูกคุมขังจากการแสดงออก

ทุกครั้งก่อนเผยแพร่ข้อมูล Lu Yuyu จะยืนยันความถูกต้องของข้อมูลเสมอ และความจริงจังในเรื่องนี้เองที่ทำให้ยากต่อการหาหลักฐานมาตั้งข้อหา ในที่สุดเพียงแค่ 8 ข้อความจาก 70,000 ข้อความที่เขาเคยโพสต์ถูกนำมาเป็นหลักฐานสำหรับข้อหา “นำเข้าข้อมูลเท็จ”

Lu ถูกพิพากษาจำคุกสี่ปี ขณะที่ Li ถูกตัดสินโทษเป็นเวลาสองปี รอลงอาญาเป็นเวลาสามปี

“ในตอนจบ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นถามผมว่าผมมีอะไรจะพูดหรือไม่ ผมพูดว่าผมได้บันทึกข้อมูลกว่า 70,000 เหตุการณ์มาตลอดเวลาหลายปี และหากใช้มาตรฐานการลงโทษจำคุกสี่ปีต่อแปดทวิต ผมควรจะถูกลงโทษเป็นเวลา 35,000 ปี ตอนนั้นผู้ที่ร่วมฟังการพิจารณาคดีแทบจะระเบิดทีเดียว” Lu กล่าว แต่ไม่ว่าท่าทีของเขาจะท้าทายเพียงไหน Lu ก็ต้องทนทุกข์ในอยู่เรือนจำ

“สภาพแวดล้อมแย่มาก พวกเขาแทบจะไม่ให้เนื้อสัตว์เลย ทำให้คุณต้องทนหิวอยู่เสมอ” เขาเล่า โดยเขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าระหว่างการรับโทษจำคุก ตั้งแต่เขาถูกปล่อยตัวในเดือนมิถุนายน ปี 2020 เขายังเห็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนไหวโดยผู้มีอำนาจ

“ตอนนี้ผมนั่งสมาธิและออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน และใช้เวลาบางครั้งกับการเรียนภาษาอังกฤษและอ่านหนังสือ - นั่นเป็นสิ่งทั้งหมดที่ผมทำได้” เขากล่าว

ตั้งแต่การออกมาจากคุก ความคิดของเขาจะมี “เจน” เสมอ ทวิตแรกของเขาหลังจากการปล่อยตัวคือการร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับเบาะแสของเธอ แต่เมื่อเขาติดต่อแม่ของเธอได้สำเร็จในอีกหลายสัปดาห์ต่อมา เขากลับถูกบอกว่าเจนได้ “มูฟออน” ไปแล้ว ต่อมาตัว Li เองก็ยืนยันสถานะของตัวเองผ่านบทสนทนาทางโทรศัพท์ที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา Lu Yuyu ได้ลบทวิตทั้งหมดที่เกี่ยวกับ “เจน” อย่างไรก็ตามเขาบอกว่า เขามีความสุขที่ได้รู้ว่าเธอยังอยู่ดี

การจองจำของ Lu จบลงแล้ว เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของเขา แต่เอกสารที่บันทึก 70,000 เหตุการณ์อันไม่เคยถูกนำเสนอยังคงอยู่เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ต่อไป