แอมเนสตี้ ประเทศไทยย้ำ ยังมีผู้ต้องขังทางการเมืองที่ยังรอคอยอิสรภาพ ชวนเขียน จดหมายถึงเพื่อนในเรือนจำผ่านแคมเปญฟรีราษฎร
วันที่ 27 สิงหาคม 2568 ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพฯ เต็มไปด้วยบรรยากาศของการรอคอย เมื่ออัญชัญ ปรีเลิศ อดีตข้าราชการวัย 69 ปี ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ หลังถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 รวม 8 ปี 4 เดือน 15 วัน จากการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก เธอถูกจำคุกใน 2 ช่วงเวลา โดยเธอถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมในวันที่ 25 มกราคม 2558 ก่อนถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างการสอบสวนและพิจารณาคดี จนกระทั่งศาลทหารกรุงเทพฯ อนุญาตให้ประกันตัวในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 รวมเป็นเวลา 3 ปี 9 เดือนเศษ
ต่อมา คดีของเธอถูกโอนย้ายไปยังศาลยุติธรรม ในวันที่ 19 มกราคม 2564 ศาลอาญาได้พิพากษาลงโทษจำคุกอัญชัญกระทงละ 3 ปี จากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ รวมโทษจำคุก 87 ปี แต่เนื่องจากรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือกระทงละ 1 ปี 6 เดือน จึงเหลือโทษจำคุกรวม 29 ปี 174 เดือน (หรือประมาณ 43 ปี 6 เดือน)
ในวันนี้มีประชาชนเดินทางมาร่วมยืนหยัดเคียงข้างอัญชัญ ปรีเลิศ พร้อมมอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจ โดยเจ้าหน้าที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ยังได้มอบจดหมายที่เขียนถึงเธอผ่านแคมเปญฟรีราษฎร และในแคมเปญ ‘เขียน เปลี่ยน โลก’ หรือ Write for Rights 2023 เพื่อยืนยันว่าไม่มีใครควรถูกจำคุกเพียงเพราะใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก
เสียงจากแอมเนสตี้: “เรายืนหยัดเคียงข้างป้าอัญชัญเสมอมา”
ณธกร นิธิศจรูญเดช เจ้าหน้าที่อาวุโส ฝ่ายรณรงค์เชิงสาธารณะ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่าที่ผ่านมา แอมเนสตี้ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมยืนหยัดเคียงข้างอัญชัญ ปรีเลิศ เสมอมา ไม่ว่าจะผ่านการรณรงค์ เขียนจดหมาย หรือการส่งเสียงข้อเรียกร้องไปยังทางการไทย นอกจากนี้ เครือข่ายนักกิจกรรมแอมเนสตี้ในต่างประเทศ ยังเคยร่วมแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับอัญชัญ
“วันนี้คือวันที่เราได้ยืนอยู่เคียงข้างอัญชัญ ปรีเลิศ หลังจากที่เธอถูกปล่อยตัว แต่ในขณะเดียวกัน เราไม่ลืมว่า ยังมีเพื่อนในเรือนจำอีกหลายสิบคนที่ยังคงถูกคุมขัง เพียงเพราะใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ”
แอมเนสตี้ ประเทศไทยขอย้ำเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทยว่า ต้องยุติการดำเนินคดี และปล่อยตัวประชาชนทุกคนที่ถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้สิทธิมนุษยชนโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข ขณะเดียวกัน ระหว่างที่ยังไม่ยกเลิกคำตัดสินและการดำเนินคดี ต้องมีการรับรองสิทธิให้ผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และต้องรับประกันว่าเงื่อนไขการประกันตัวจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือจำกัดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ
“ประเทศไทยต้องก้าวไปข้างหน้า ด้วยการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายที่ถูกใช้เพื่อปิดกั้นสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่รัฐบาลไทยได้ลงนามไว้ และถึงแม้อัญชัญจะได้รับการปล่อยตัวแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่เราขอย้ำคือ ‘สิทธิในการประกันตัว’ ที่ทุกคนควรได้รับ เพราะนี่ไม่ใช่เพียงข้อบังคับทางกฎหมาย แต่คือฐานของความยุติธรรมที่แท้จริง ที่ทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียมและได้รับการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และไม่ควรมีใครถูกดำเนินคดีเพียงเพราะใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบอีกต่อไป”
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยขอย้ำข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทย ดังนี้
- ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคนโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข
- รับรองสิทธิการประกันตัวและการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม
- แก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายที่ถูกใช้เพื่อจำกัดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ
ในวันเดียวกันนี้ ยังมีการปล่อยตัวผู้ต้องขังการเมืองอีก 4 คน ได้แก่ สมบัติ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, ขนุน สิรภพ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, ทีปกร เรือนจำจังหวัดอยุธยา และ ธนพร ทัณฑสถานหญิงธนบุรี แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ชวนร่วมเขียนจดหมายหรือข้อความถึงเพื่อนผู้ต้องขังทางการเมืองที่ยังอยู่ในเรือนจำ ผ่านเว็บไซต์ freeratsadon.amnesty.or.th หรือร่วมกันติดแฮชแท็ก #FreeAnchan #FreeRatsadon เพื่อบอกทุกคนที่ยังถูกจองจำว่า “พวกเขาไม่ได้ต่อสู้อยู่เพียงลำพัง”
ประวัติและการต่อสู้ของอัญชัญ ปรีเลิศ
เรื่องราวของป้าอัญชัญไม่ใช่แค่เส้นทางของบุคคลหนึ่ง แต่เป็นภาพสะท้อนของปัญหาการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกในประเทศไทย เพราะเธอถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ถูกตัดสินจำคุกรวม 29 ปี 174 เดือน (หรือประมาณ 43 ปี 6 เดือน) จากการถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในคนที่อัปโหลดและเผยแพร่คลิปเสียงของ “บรรพต” ดีเจผู้จัดรายการวิทยุใต้ดิน ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทกษัตริย์ รวมทั้งหมด 29 ครั้ง มีความผิด 29 กระทง (ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน)
- การจับกุมครั้งแรก (2558)
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2558 อัญชัญ ปรีเลิศ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวในระหว่างประกาศกฎอัยการศึก โดยถูกกักตัวอยู่ในค่ายทหารที่จังหวัดกาญจนบุรีนาน 5 วัน ก่อนจะถูกส่งเข้าสู่กระบวนการในศาลทหาร - การฝากขังและการถูกปฏิเสธสิทธิประกันตัว
ในวันที่ 30 มกราคม 2558 เธอถูกส่งตัวไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง และไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว แม้จะยื่นหลักทรัพย์สูงถึง 1 ล้านบาทเพื่อขอปล่อยชั่วคราว กระบวนการพิจารณาคดีส่วนหนึ่งยังถูกดำเนินการเป็นการลับ - การย้ายคดีสู่ศาลอาญา (2562)
หลังจากฝากขังยาวนานเกือบ 4 ปี ในที่สุดเธอได้รับการประกันตัวในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 ด้วยหลักทรัพย์ 5 แสนบาท ก่อนคดีจะถูกโอนย้ายจากศาลทหารมาสู่ศาลอาญาในปี 2562 - การพิพากษา (2564)
วันที่ 19 มกราคม 2564 ศาลมีคำพิพากษาให้จำคุกอัญชัญรวม 87 ปี จากข้อหาตามมาตรา 112 ทั้งหมด 29 กระทง จากคลิปเสียงที่เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ แม้โทษจะลดลงเหลือ 43 ปี 6 เดือนเนื่องจากเธอรับสารภาพ แต่ก็ทำให้คดีนี้ถูกบันทึกว่าเป็นหนึ่งในโทษจำคุกที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของมาตรา 112 - อัญชัญ ปรีเลิศ ชื่อที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้
ชื่อของอัญชัญ ปรีเลิศ ถูกนำมาพูดถึงบนเวทีระหว่างประเทศ ผ่านการรณรงค์ขององค์กรสิทธิมนุษยชน รวมถึงแคมเปญ “เขียน เปลี่ยน โลก” ประจำปี 2566 หรือ Write for Rights 2023 และแคมเปญ FreeRatsadon ของแอมเนสตี้ ซึ่งมีผู้คนนับหมื่นส่งจดหมายเพื่อบอกว่าเธอไม่ได้ต่อสู้อยู่เพียงลำพัง