แอมเนสตี้แถลงเด็กมีสิทธิในการชุมนุมและสิทธินี้จะต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐ

23 มีนาคม 2564

Amnesty International Thailand

ภาพโดย : กันต์ แสงทอง

สืบเนื่องจากการจับกุมและดำเนินคดีเด็กเจ็ดคนเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในระหว่างการชุมนุมของกลุ่มรีเดม (REDEM) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2564 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ใช้กำลังเกินขอบเขตและไม่ชอบด้วยเหตุผล ในการจับกุมและทำให้เด็ก ผู้สื่อข่าว และผู้ชุมนุมคนอื่นได้รับบาดเจ็บ 

นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยกล่าวว่า การจับกุมและทำร้ายเด็กระหว่างการชุมนุมเช่นนี้ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า รัฐบาลไทยไม่เคารพศักดิ์ศรีของประชาชน โดยเฉพาะของเด็ก เด็กมีสิทธิแสดงความเห็นเท่าเทียมกับบุคคลอื่นในสังคม และสิทธินี้ต้องได้รับการคุ้มครองจากสังคมและรัฐบาล แทนที่ผู้บังคับใช้กฎหมายจะคุ้มครองเด็ก แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับทำให้เด็กได้รับอันตรายเสียเอง 

“การจับกุมเด็กในที่ชุมนุมเป็นเรื่องที่รับไม่ได้และไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งตามมาตรฐานในประเทศและระหว่างประเทศ การปฏิบัติอย่างไร้เมตตาธรรมต่อผู้ชุมนุม จะยิ่งสร้างความแปลกแยกในสังคม  

“การปฏิบัติที่โหดร้ายต่อเด็กระหว่างการควบคุมตัวที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 และการที่ศาลเยาวชนไม่ไต่สวนอย่างรอบด้านต่อการจับกุมเช่นนี้ ทำให้เกิดข้อกังวลชั้นพื้นฐานต่อสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรมและอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก”  

 

ข้อมูลพื้นฐาน 

ในวันที่ 20 มีนาคม 2564 ผู้ประท้วง 32 คนรวมทั้งเด็กเจ็ดคนถูกจับกุมและดำเนินคดีจากการชุมนุมที่สนามหลวงและบริเวณใกล้เคียง  

สองในเจ็ดคนถูกตั้งข้อหาตามมาตรา 112 มาตรา 215-216 และมาตรา 217 ของประมวลกฎหมายอาญา จากการมั่วสุมชุมนุมอย่างผิดกฎหมาย และการวางเพลิงเผาทรัพย์ การฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อฯ เด็กอีกสองคนยังถูกดำเนินคดีข้อหาตามมาตรา 215-216 และมาตรา 138 ของประมวลกฎหมายอาญา จากการมั่วสุมชุมนุมอย่างผิดกฎหมาย ขัดขืนคำสั่งของเจ้าพนักงาน และทำร้ายเจ้าหน้าที่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่  รวมทั้งฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และพระราชบัญญัติโรคติดต่อฯ เด็กกลุ่มสุดท้ายสามคนยังถูกดำเนินคดีในข้อหาตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก 

นับแต่การชุมนุมการชุมนุมในปี 2563 มีเด็กอย่างน้อย 24 คนที่ถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาหนัก รวมทั้งมาตรา 112 (หมิ่นประมาทกษัตรย์) มาตรา 116 (ยุยงปลุกปั่น) เพียงเพราะการแสดงความเห็นและใช้เสรีภาพด้านการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุม เด็กหกคนถูกดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 112 โดยเด็กอายุน้อยสุดมีอายุเพียง 14 ปี นับแต่เดือนตุลาคม 2563 ตำรวจได้ปฏิบัติการหนักหน่วงขึ้นอย่างชัดเจนต่อเด็ก มีทั้งการจับกุมอย่างไม่เลือกหน้าในที่ประท้วง ไม่มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน และมีการใช้กำลังทางกาย นอกจากนั้น ตำรวจยังควบคุมตัวผู้ประท้วงที่ถูกจับที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ซึ่งมีการปิดกั้นอย่างมากต่อการเข้าถึงของทนายความและครอบครัว 

ศาลเยาวชนมักไม่เข้ามาไต่สวนในกรณีเช่นนี้ และไม่ได้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก และสิทธิที่จะคุ้มครองให้ปลอดพ้นจากอันตราย นอกจากนั้น ศาลยังไม่เข้ามาไต่สวนการจับกุมที่มีการใช้กำลัง 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย สนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อแนวปฏิบัติของคณะกรรมการว่าด้วยสิทธิเด็กและความเห็นทั่วไปที่ 37 ซึ่งเน้นถึงสิทธิที่จะมีเสรีภาพด้านการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุม และสิทธิที่จะได้แสดงความเห็น โดยเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมในการชุมนุมการชุมนุม เรายังคงเรียกร้องให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและรัฐปฏิบัติตามพันธกรณีเชิงบวก โดยจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตระหนักอย่างแท้จริงว่ามีเด็กเข้าร่วมในการชุมนุม 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยจึงเรียกร้องให้ยกเลิกการดำเนินคดีทุกข้อหากับเด็กและผู้เข้าร่วมการชุมนุมและใช้สิทธิของตน  ทั้งยังเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างรอบด้านต่อการใช้กำลังจนเกินกว่าเหตุ และการปฏิบัติที่โหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการเยียวยาและประโยชน์สูงสุดของเด็ก ควรเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของแนวปฏิบัติขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมด้วย