"แก๊สน้ำตา" คืออะไร มีผลกระทบอย่างไร และสิ่งที่คุณต้องรู้

18 พฤศจิกายน 2563

Amnesty International 

teargas.amnesty.org

เรามักถูกทำให้เชื่อว่า แก๊สน้ำตาเป็นวิธีปลอดภัยเพื่อสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง และทุกวันนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธที่เสี่ยงน้อยกว่าที่จะทำให้เสียชีวิตที่กองกำลังความมั่นคงหลายแห่งนำมาใช้ เป็นอาวุธซึ่งเป็นทางเลือกนอกจากการใช้อาวุธปืน เราเรียกอาวุธเหล่านี้ว่าอาวุธที่เสี่ยงน้อยกว่าที่จะทำให้เสียชีวิต แทนที่จะเรียกว่าอาวุธที่ไม่ทำให้เสียชีวิต เพราะแม้ว่าเป็นอาวุธที่ไม่ถูกออกแบบมาเพื่อการสังหาร แต่ก็ยังอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ การมีแก๊สน้ำตาเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ตำรวจหลีกเลี่ยงการใช้อาวุธที่มีอันตรายมากกว่า แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ตำรวจกลับใช้แก๊สน้ำตาในลักษณะที่ไม่ตรงกับเป้าประสงค์เดิมของมัน โดยมักนำมาใช้ในปริมาณมากและใช้กับผู้ประท้วงอย่างสงบเป็นส่วนใหญ่ หรือมีการเล็งกระบอกแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชนโดยตรง  

การปฏิบัติอย่างมิชอบและกว้างขวางเช่นนี้ ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงการขาดการควบคุมให้มีการใช้อย่างเหมาะสม หรือการใช้สารพิษอย่างมีมาตรฐาน การตัดสินใจที่น่ากังขาของผู้บังคับบัญชาระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ และการขาดการฝึกอบรมของตำรวจจำนวนมากที่นำแก๊สน้ำตามาใช้ แม้ทางองค์การสหประชาชาติจะแสดงข้อกังวลร้ายแรงด้านมนุษยธรรม และได้ออกแนวปฏิบัติเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่การออกแบบ การผลิต และการซื้อขายแก๊สน้ำตายังคงขาดการควบคุมเป็นส่วนใหญ่ ในรายงานนี้ เราจะสอบสวนว่าเหตุใดการใช้แก๊สน้ำตาจึงก่อให้เกิดอันตราย และเราจะทำอะไรได้บ้างกับปัญหานี้  

 

ผลกระทบด้านสุขภาพ

การสัมผัสกับแก๊สน้ำตา ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนแผลไฟไหม้ น้ำตาไหล จาม แน่นหน้าอก และหายใจลำบาก รวมทั้งการระคายเคืองที่ผิวหนัง ในกรณีส่วนใหญ่ อาการเช่นนี้จะหายไปภายใน 10-20 นาที อย่างไรก็ดี แก๊สน้ำตาส่งผลกระทบต่อบุคคลแตกต่างกันไป โดยเด็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงวัย มักเสี่ยงจะได้รับผลกระทบมากกว่า ระดับสารพิษก็แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ ปริมาณที่ใช้ และสภาพแวดล้อมที่ใช้ การสัมผัสเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงด้านสุขภาพ เนื่องจากมีรายงานตีพิมพ์อย่างจำกัดเกี่ยวกับผลกระทบของแก๊สเหล่านี้ เราจึงไม่สามารถระบุผลกระทบทั้งหมดของมันได้ และจำเป็นต้องมีการศึกษาอย่างเป็นระบบเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน  

ต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่เราเน้นย้ำถึงข้อกังวลด้านสุขภาพ ตามข้อมูลของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention – CDC) สหรัฐฯ และ องค์กรแพทย์เพื่อสิทธิมนุษยชน (Physicians for Human Rights)

 

มีการนำไปใช้อย่างมิชอบอย่างไร?

ตามข้อมูลของ แนวปฏิบัติการใช้กำลังของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แก๊สน้ำตาอาจนำมาใช้ได้ในสถานการณ์ที่มีการใช้ความรุนแรงโดยทั่วไป โดยมีจุดประสงค์เพื่อสลายฝูงชน และให้ใช้ได้เฉพาะเมื่อแนวทางอื่น ๆ ไม่สามารถควบคุมความรุนแรงได้แล้ว โดยอาจใช้ได้เฉพาะเมื่อบุคคลมีโอกาสสลายตัวแต่ไม่ยอมสลาย ต้องไม่ใช้กับบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ที่ถูกปิดกั้น หรือพื้นที่ซึ่งมีการปิดกั้นถนนหรือเส้นทางหลบหนีอื่น ๆ ต้องมีการเตือนให้ประชาชนทราบว่าจะนำอาวุธนี้มาใช้ และบุคคลต้องได้รับอนุญาตให้สลายตัวได้ เจ้าหน้าที่จะต้องไม่ยิงกระบอกแก๊สน้ำตาที่มีสารเคมีระคายเคืองใส่บุคคลโดยตรง และหากนำมาใช้ ให้หลีกเลี่ยงการใช้ซ้ำซ้อนกันหรือต่อเนื่องเป็นเวลานาน และให้ใช้ขั้นตอนปฏิบัติเพื่อลดพิษของแก๊สโดยทันทีด้วย  

 

พื้นที่ที่ถูกปิดกั้น

แก๊สน้ำตาต้องไม่ถูกใช้ในพื้นที่ที่ถูกปิดกั้น หรือในสถานการณ์ที่บุคคลไม่อาจสลายตัวได้อย่างง่ายดาย เช่น ในสนามฟุตบอลหรือห้างสรรพสินค้า ในอาคาร สถานีรถไฟใต้ดิน หรือซอยตัน การได้รับแก๊สน้ำตาระหว่างอยู่ในพื้นที่ที่ถูกปิดกั้นและแทบไม่มีที่ระบายอากาศ เพิ่มความเสี่ยงจะได้รับอันตรายจากสารเคมีที่ใช้ ในสภาพเช่นนี้ บุคคลอาจมีปัญหาการทำงานของปอดติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง หลายวัน หรือหลายเดือน หลังถูกยิงด้วยแก๊สน้ำตา เมื่อนำมาใช้ในพื้นที่ที่ถูกปิดกั้น บุคคลย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงสารเคมีที่ระคายเคืองได้  

 

การยิงใส่บุคคลโดยตรง 

ไม่ควรขว้างกระบอกแก๊สน้ำตา ยิงกระสุนหรือกระป๋องที่บรรจุแก๊สน้ำตาใส่บุคคลโดยตรง หากใช้วิธียิง กระป๋องแก๊สเหล่านี้อาจกลายเป็นกระสุนที่ทำให้เกิดอันตราย และอาจส่งผลกระทบโดยตรง ทำให้เกิดบาดแผลแบบเจาะหรือทำให้ตาบอด โดยเฉพาะเมื่อยิงในระยะใกล้ หรือเล็งเป้าหมายไปที่อวัยวะบางส่วนของร่างกาย ทั้งยังไม่ควรยิงแบบกระดอนใส่พื้น เนื่องจากกระสุนที่กระดอนขึ้นมาอาจก่อให้เกิดอันตรายในลักษณะเดียวกับการยิงใส่โดยตรง ทั้งยังทำให้ไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้  

 

ปริมาณที่มากเกินขนาด 

หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไม่ควรปล่อยให้เป้าหมาย ต้องได้รับสารเคมีที่ระคายเคืองต่อเนื่องกันในระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากในสภาพที่ได้รับสารพิษจากสารเคมีเช่นนั้น อาจก่อให้เกิดอันตรายโดยไม่จำเป็น และอาจเพิ่มปัญหาด้านทางเดินหายใจ มาตรฐานสิทธิมนุษยชนกำหนดว่า ให้นำมาใช้เท่าที่จำเป็นและได้สัดส่วน เพื่อวัตถุประสงค์ในการบังคับใช้กฎหมาย เช่น การสลายฝูงชน จึงมีความจำเป็นต้องทบทวนสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ก่อนจะตัดสินใจยิงกระสุนสารเคมีที่สร้างความระคายเคืองเหล่านี้

 

การประท้วงอย่างสงบ

ไม่ควรนำแก๊สน้ำตามาใช้กับการชุมนุมอย่างสงบหรือสงบเป็นส่วนใหญ่ โดยควรใช้เฉพาะกับสถานการณ์ที่มีความรุนแรงเกิดขึ้นทั่วไป โดยมีเป้าประสงค์เพื่อสลายฝูงชน กรณีที่วิธีการอื่น ๆ ทั้งปวง ไม่สามารถควบคุมความรุนแรงได้แล้ว และกรณีที่มีเส้นทางหลบหนีอย่างเพียงพอ โดยควรนำมาใช้ในปริมาณต่ำสุดเท่าที่จำเป็น และเฉพาะเมื่อมีการให้สัญญาณเตือนอย่างชัดเจน ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้บุคคลต้องได้รับสารเคมีเหล่านี้ซ้ำซ้อนหรือต่อเนื่องเป็นเวลานาน เมื่อนำแก๊สน้ำตามาใช้ ตำรวจต้องคำนึงว่าเป็นอุปกรณ์ที่ส่งผลกระทบโดยไม่เลือกเป้าหมาย และอาจทำให้คนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงได้รับผลกระทบไปด้วย  

 

กลุ่มเสี่ยง 

โดยธรรมชาติแล้ว แก๊สน้ำตามีลักษณะที่ส่งผลกระทบโดยไม่เลือกเป้าหมาย และอาจกระทบต่อบุคคลแตกต่างกันไป บุคคลบางกลุ่ม อย่างเช่น ผู้สูงวัย หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ป่วย อาจกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากกว่าจากแก๊สน้ำตา และอาจมีปัญหาในการหลบหนีจากพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบ เด็กเล็กก็อาจได้รับผลกระทบจากสารพิษจนมากเกินขอบเขต เนื่องจากแก๊สน้ำตามักลอยตัวอยู่ใกล้พื้นดิน ทำให้บุคคลที่มีรูปร่างเล็ก อาจได้รับผลกระทบจากสารพิษมาก ไม่ควรนำแก๊สน้ำตามาใช้ในบริเวณใกล้หรือโดยรอบของโรงพยาบาล และต้องจัดให้บุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือด้านการแพทย์ได้รับบริการเหล่านั้น ตำรวจควรตระหนักเสมอว่า บุคคลที่มาเข้าร่วมการชุมนุมอาจเป็นบุคคลที่หลากหลาย พวกเขาอาจมีความสามารถในการหลบหนี หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแก๊สน้ำตาแตกต่างกันไป  

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแก๊สน้ำตา