แอมเนสตี้แถลงหลังตำรวจระยองคุมตัวและตั้งข้อกล่าวหาสองแกนนำเยาวชนถือป้ายประท้วงนายก

16 กรกฎาคม 2563

Amnesty International Thailand

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยเรียกร้องทางการไทยยกเลิกข้อกล่าวหาต่อสองแกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 4 ข้อกล่าวหาทั้งสองว่า ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน และหลบหนีการคุมตัว

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมสองแกนนำเยาวชนกลุ่มตะวันออกระยองเพื่อประชาธิปไตยและบังคับนำตัวออกไปจากด้านนอกของโรงแรมหนึ่งในจังหวัดระยองก่อนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาถึงสถานที่ดังกล่าวในเวลาไม่นาน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้แสดงหมายจับในระหว่างการจับกุม และไม่ได้แจ้งข้อหาให้ผู้ประท้วงทั้งสองทราบ

ผู้ประท้วงทั้งสองคนถือป้ายประท้วงที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี การประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีการรายงานว่า ทหารอียิปต์พร้อมลูกเรือไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการกักตัวในการเข้ามายังประเทศไทย และพบคนหนึ่งในนั้นติดโรคโควิด-19 และทั้งคณะพากันไปเดินห้างสรรพสินค้าก่อนกลับเข้าโรงแรม

ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า เจ้าหน้าที่ต้องคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการรวมตัวกัน ไม่ใช่ลงโทษพวกเขาเพียงแค่ออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ

“เจ้าหน้าที่ไม่ควรปิดปากประชาชนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างสงบและมีการวางข้อจำกัดที่ไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับการชุมนุมโดยสงบโดยอ้างการควบคุมโรคโควิด-19 มาตรการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ควรเป็นไปอย่างสมเหตุผลและไม่จำกัดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออก”

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยขอย้ำให้เจ้าหน้าที่ทบทวนการใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้การใช้อำนาจดังกล่าวเป็นการชั่วคราว เป็นกรณีพิเศษ ได้สัดส่วน จำเป็นและไม่เลือกปฏิบัติ และไม่ใช้เพื่อจำกัดสิทธิโดยพลการ