Amnesty International
จดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลไทย
กรณีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนายอี ควิน เบดั๊บ (Y Quynh Bdap) ผู้ลี้ภัยที่ได้รับสถานะ
จากองค์การสหประชาชาติ
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร
สํานักนายกรัฐมนตรี รัฐบาลไทย
ทำเนียบรัฐบาล
1 ถนนพิษณุโลก ดุสิต กรุงเทพฯ 10300 ประเทศไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาริษ เสงี่ยมพงษ์
กระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลไทย
443 ถ.ศรีอยุธยา กรุงเทพฯ 10400 ประเทศไทย
18 ตุลาคม 2567
เรื่อง ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยไม่ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกรณีนายอี ควิน เบดั๊บ (Y Quynh Bdap) ผู้ลี้ภัย ชาวเวียดนามที่ได้รับสถานะจากองค์การสหประชาชาติ
เรียน นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาริษ เสงี่ยมพงษ์
พวกเราเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมตามรายชื่อแนบท้าย เขียนจดหมายถึงท่านในวันนี้เพื่อแสดงความกังวลอย่างจริงจังต่อชะตากรรมของนายอี ควิน เบดั๊บ (Y Quynh Bdap) พลเมืองสัญชาติเวียดนามซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยที่ได้รับสถานะจากองค์การสหประชาชาติ และปัจจุบันถูกทางการไทยควบคุมตัวอยู่ เราขอเรียกร้องให้ท่านปฏิบัติตามพันธกรณีด้านกฎหมายในประเทศและระหว่างประเทศของไทยอย่างเคร่งครัด และไม่ให้ส่งตัวนายอี ควิน เบดั๊บเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปเวียดนาม ซึ่งอาจทำให้เขาเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะตกเป็นเหยื่อการทรมาน การควบคุมตัวโดยพลการเป็นเวลานาน และการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงอย่างยิ่งอื่น ๆ
วันที่ 30 กันยายน 2567 ศาลมีคำวินิจฉัยว่า รัฐบาลไทยอาจส่งตัวนายอี ควิน เบดั๊บเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปเวียดนามได้ หากทางการไทยเห็นว่าเหมาะสม นายเบดั๊บเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ผู้รณรงค์ เพื่อเสรีภาพด้านศาสนาและเป็นผู้ลี้ภัย หลังมีการอ่านคำพิพากษา ทนายความของนายเบดั๊บได้แจ้งต่อศาลว่าจะมีการอุทธรณ์คำสั่งนี้ ศาลจึงสั่งให้มีการฝากขังนายเบดั๊บ ระหว่างรอรัฐบาลไทยซึ่งจะวินิจฉัยในขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการส่งตัวเขาเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ตามมาตรา 22 ของพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต้องได้รับความเห็นชอบตามคำสั่งของศาลและรัฐบาลไทย ด้วยเหตุดังกล่าว รัฐบาลไทยจึงสามารถปฏิเสธที่จะส่งตัวนายเบดั๊บเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ในระหว่างที่กระบวนการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของศาลจะเกิดขึ้นต่อไป
นายเบดั๊บเป็นผู้ทำงานรณรงค์เพื่อเสรีภาพด้านศาสนาและสิทธิของชนชาติพันธุ์กลุ่มน้อยในเวียดนาม มาเป็นเวลานาน เขาหลบหนีจากเวียดนามเมื่อปี 2561 เนื่องจากต้องเผชิญกับการประหัตประหารทางศาสนา และเพื่อแสวงหาความคุ้มครองในประเทศไทย ต่อมาสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติได้มอบสถานะผู้ลี้ภัยให้กับเขา หน่วยงานสหประชาชาติด้านผู้ลี้ภัยได้พิจารณาแล้วว่า นายเบดั๊บมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัย เนื่องจากมีความกลัวที่ชอบด้วยเหตุผลว่า อาจต้องเผชิญกับการประหัตประหาร หากถูกส่งตัวกลับไปเวียดนาม
วันที่ 11 มิถุนายน 2567 นายเบดั๊บถูกจับกุมในประเทศไทย เป็นไปตามคำขอของรัฐบาลเวียดนามให้มีการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ในคำขอให้มีการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนรัฐบาลเวียดนามกล่าวหาว่านายเบดั๊บมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีเพื่อทำลายอาคารของราชการหลายแห่งในจังหวัดดั๊กลัก ประเทศเวียดนามในวันที่ 11 มิถุนายน 2566 แม้มีข้อเท็จจริงว่าขณะที่เกิดเหตุโจมตีเขายังอยู่ในประเทศไทยศาลในเวียดนามก็ได้ตัดสินว่านายเบดั๊บมีความผิดในข้อหาก่อการร้าย ในการพิจารณาลับหลังต่อจำเลยจำนวนมากในระหว่างวันที่ 16 มกราคม ถึง วันที่ 20 มกราคม 2567 ผู้เชี่ยวชาญแห่งสหประชาชาติได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการพิจารณาคดีครั้งนี้ ซึ่งศาลตัดสินว่าจำเลย 100 คนมีความผิดตามข้อหา โดยระบุว่าขาดหลักประกันเพื่อคุ้มครองการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม และการตัดสินว่านายเบดั๊บมีความผิดอาจมีแรงจูงใจทางการเมืองเกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ตามรายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์อย่างเป็นทางการของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (MPS) เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ทางการเวียดนามกล่าวหาว่านายเบดั๊บเป็นสมาชิกขององค์กร FULRO กลุ่มกองโจรต่อต้านรัฐบาลซึ่งองค์กรดังกล่าวได้ถูกยุบไปแล้วในปี 2535 ซึ่งเป็นปีเกิดของนายเบดั๊บ ในรายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (MPS) ยังได้แสดงภาพขณะที่เขาถือสิ่งที่ทางการเวียดนามกล่าวหาว่าเป็นอาวุธปืนอัตโนมัติ ทั้งที่ในความเป็นจริงอาวุธตามข้อกล่าวหานั้นเป็นปืนอัดลมของเล่น ซึ่งยิงกระสุนอัดอากาศและมักพบเห็นได้ทั่วไปในงานเทศกาลต่าง ๆ ในประเทศไทย นอกจากการกล่าวหาด้วยความเท็จแล้ว รัฐบาลเวียดนามยังไม่ได้เปิดเผยพยานหลักฐานอื่นใดที่สนับสนุนข้อกล่าวหาว่านายเบดั๊บมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีในจังหวัดดั๊กลัก และที่ผ่านมาเขาปฏิเสธอย่างต่อเนื่องว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
จากการบันทึกข้อมูลอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับปัญหาการประหัตประหารที่เกิดขึ้นกับนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนชาวมองตานญาดและนักปกป้องศาสนาของชนกลุ่มน้อยในเวียดนาม การทำกิจกรรมทางการเมืองของนายเบดั๊บในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่ม Montagnards Stand for Justice (MSFJ) ที่รณรงค์เพื่อสิทธิของชาวมองตานญาดที่เป็นชนพื้นเมืองในเวียดนาม การส่งตัวนายเบดั๊บเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปเวียดนาม ย่อมเป็นการละเมิดพันธกรณีของประเทศไทยที่มีต่ออนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (UNCAT) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง (ICCPR) ซึ่งห้ามการส่งกลับบุคคลไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงที่บุคคลนั้นจะต้องเผชิญกับการทรมาน นอกจากนั้น การส่งตัวนายเบดั๊บเป็นผู้ร้ายข้ามแดนยังเป็นบททดสอบสำคัญครั้งแรกต่อมาตรา 13 ของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายของประเทศไทยซึ่งห้ามการส่งตัวบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดน หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้นจะไปตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกกระทำทรมาน ถูกกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือถูกกระทำให้สูญหาย ผู้ชำนาญการด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และผู้เชี่ยวชาญแห่งสหประชาชาติ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน หากมีการส่งตัวนายเบดั๊บเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปเวียดนาม
นอกจากนั้น กรณีนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศไทยเพิ่งจะได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในวาระปี 2568-2570 ผลลัพธ์ของคดีนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในแง่ของพันธกิจที่จะคุ้มครองมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รวมทั้งพันธกิจตามถ้อยแถลงของคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2567
ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงพันธกิจที่น่าชื่นชมต่อผู้ลี้ภัยในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา และด้วยเหตุดังกล่าว การส่งตัวนายเบดั๊บเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปเวียดนาม ย่อมไม่สอดคล้องกับชื่อเสียงของประเทศไทย ในฐานะดินแดนที่หลบภัยของบุคคลซึ่งหลบหนีจากการกดขี่และความรุนแรง กรณีของนายเบดั๊บเป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้ลี้ภัยจากเวียดนาม ซึ่งมีชาวเวียดนามจำนวนหลายพันคนได้หลบหนีมายังประเทศไทยเพื่อให้รอดพ้นจากการประหัตประหารด้วยเหตุผลด้านศาสนา ชาติพันธุ์ และการเมือง แม้เราสนับสนุนการดำเนินงานอย่างจริงใจเพื่อแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย แต่เรากังวลว่าการส่งตัวนายเบดั๊บเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ย่อมเป็นการส่งเสริมหน่วยงานที่พุ่งเป้าและมุ่งลงโทษนักสิทธิมนุษยชนที่เคลื่อนไหวอย่างสงบ อย่างเช่นนายเบดั๊บ
เราขอขอบคุณที่ท่านให้ความใส่ใจต่อจดหมายนี้ และขอเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และรักษาชื่อเสียงระหว่างประเทศในฐานะผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชน ด้วยการไม่ส่งตัวนายเบดั๊บเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปเวียดนาม
- เครือข่ายปฏิรูปการโยกย้ายถิ่นฐาน Thailand Migration Reform Consortium (TMR)
- ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน Thai Lawyers for Human Rights
- กลุ่มด้วยใจ Duayjai Group
- องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี Patani Human Rights Organization (HAP)
- เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ JASAD
- สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน Human Rights Lawyers Association (HRLA)
- สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน Union for Civil Liberty (UCL)
- เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ Migrant Working Group (MWG)
- กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ MOKELUANG RIMNAM
- คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน Campaign Committee for People’s Constitution (CCPC)
- Sarawak Dayak Iban Association (SADIA)
- แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม United Front of Thammasat and Demonstration
- มูลนิธิศักยภาพชุมชน People’s Empowerment Foundation (PEF)
- มูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม Peace and Cuture Foundation
- สภาวัฒนธรรมแห่งเอเชีย Asian Cultural Forum on Development
- International Detention Coalition (IDC)
- Asia Human Rights and Labour Advocates (AHRLA)
- มูลนิธิผสานวัฒนธรรม Cross Cultural Foundation (CrCF)
- Manushya Foundation
- Milk Tea Alliance Thailand
- Thailand NOC for ASEAN Civil Society Conference/ASEAN People Forum
- มูลนิธิสิทธิเพื่อสันติภาพ Peace Rights Foundation
- Coalition for the Rights of Refugee and Stateless persons (CRSP)
- Boat People SOS (BPSOS)
- World Organisation Against Torture (OMCT), within the framework of the Observatory for the Protection of Human Rights Defenders
- International Federation for Human Rights (FIDH), within the framework, of the Observatory for the Protection of Human Rights Defenders
- Vietnamese Advocates for Change
- กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย 24 June Democracy
- คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล International Commission of Jurists
- มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา Human Rights and Development Foundation (HRDF)
- Viet Tan
- THAI for Palestine
- Amnesty International
- Asia Pacific Refugee Rights Network (APRRN)