แคมเปญ "เขียน เปลี่ยน โลก" หรือ Write for Rights พลังจากปลายปากกาสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้

22 พฤศจิกายน 2565

Amnesty International Thailand

ภาพถ่าย : © Benjamin Girette / Hans Lucas

การอ่านข่าวในแต่ละวันอาจทำให้เกิดความเศร้าใจอย่างมากได้ ดูเหมือนโลกจะเต็มไปด้วยความโหดร้าย แนวคิดที่จะเปลี่ยนแปลงให้โลกดีขึ้น ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่แคมเปญ “เขียน เปลี่ยน โลก” หรือ Write for Rights ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลแสดงให้เห็นแล้วว่า คุณสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ “ยิ่งใหญ่” ด้วยการกระทำที่ “เล็กน้อย” ได้

การเขียนจดหมาย การทวีตข้อความ การลงชื่อเรียกร้องในแคมเปญต่างๆ เชื่อหรือไม่ ว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดีขึ้นได้ด้วยการกระทำที่ดูเรียบง่ายและเล็กน้อยเช่นนี้? ใช่ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้!

นับตั้งแต่เริ่มต้นแคมเปญ “เขียน เปลี่ยน โลก” ในปี 2544 ประชาชนหลายล้านคน รวมทั้งพวกคุณ ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของคนที่ถูกละเมิดสิทธิมากมาย คุณอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อทวีตข้อความ หรือเขียนจดหมาย ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ ซึ่งเป็นหนึ่งเคสที่ได้รับการสนับสนุนในงานรณรงค์ของเรา เฉพาะในปีที่ผ่านมา เราเห็นพัฒนาการในเชิงบวกเกิดขึ้นกับคนจำนวนมาก ที่ได้เป็นเคสเป้าหมายในการรณรงค์ของเรา 

 

นักปกป้องสิทธิมนุษยชนได้รับเสรีภาพ

เบอร์นาโด คาอัล ซอล (Bernardo Caal Xol) ครูและนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมชาวกัวเตมาลา ทุ่มเททำงานเพื่อปกป้องชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำคาฮาโบน ตอนเหนือของกัวเตมาลา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ศาลตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลากว่าเจ็ดปีในข้อหาที่ถูกกุขึ้นมา และมีเป้าหมายเพื่อขัดขวางการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนของเขา ในระหว่างที่จัดทำแคมเปญ “เขียน เปลี่ยน โลก” เมื่อปี 2564 ได้มีผู้เข้าร่วมปฏิบัติการกว่าครึ่งล้านครั้งเพื่อช่วยเหลือเบอร์นาโด จนเขาได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ในตอนหนึ่งของวิดีโอเขาพูดกับนักกิจกรรมของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ว่า

“ผม เบอร์นาโด คาอัล ซอล เป็นสมาชิกของชนเผ่ามายากัวจีแห่งกัวเตมาลา ผมรู้สึกขอบคุณพวกคุณทุกคน ที่มีส่วนช่วยทำให้ผมรู้สึกมีความหวังต่อความยุติธรรม เสรีภาพ และความเท่าเทียม ซึ่งควรเกิดขึ้นกับประชาชนทุกกลุ่มและในทุกประเทศ” 

© Anny Matzir
เบอร์นาโด คาล์ ซอลกับครอบครัวหลังจากได้รับการปล่อยตัวจากสถานที่คุมขังในเมืองโคบาน ประเทศกัวเตมาลา หลังจากถูกจำคุกนานกว่าสี่ปี

 

คุณพ่อลูกสามได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้ง

ในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เจอร์เมน รูกูกี (Germain Rukuki) นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวบุรุนดี ได้รับการปล่อยตัวออกมา หลังรับโทษจำคุกสี่ปี จากทั้งหมด 32 ปี ศาลตัดสินว่าเขามีความผิดในข้อหาที่ถูกกุขึ้นมา และเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนของเขา เขาถูกจำคุกตั้งแต่ก่อนจะมีโอกาสได้สวมกอดลูกคนเล็ก ซึ่งถือกำเนิดมาเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเขาถูกจับกุมเมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 ครอบครัวของเขาต้องลี้ภัยไปต่างประเทศเพราะกลัวการตอบโต้ ในตอนแรกหลังได้รับการปล่อยตัว เจอร์เมนยังไม่สามารถเดินทางออกจากประเทศบุรุนดีได้ แต่สุดท้าย เขาสามารถเดินทางไปอยู่ร่วมกับครอบครัวในเบลเยียมได้อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ผู้สนับสนุนจากทั่วโลกได้มีปฏิบัติการกว่า 436,000 ครั้ง เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวเจอร์เมน เขาบอกกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลว่า 

“โครงการ “เขียน เปลี่ยน โลก” ทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกอย่างแท้จริง ความสนับสนุนของพวกคุณได้ทำให้ผมเจอร์เมน รูกูกี ได้ออกจากเรือนจำ และยิ่งทำให้ผมมีจิตใจมุ่งมั่นมากขึ้นที่จะทำงานเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน”

© Private
ในวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 เจอร์เมน รูกูกี นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวบุรุนดีได้กลับสู่ครอบครัวในเบลเยียมในที่สุด หลังจากได้รับโทษจำคุกนานกว่าสี่ปี เจอร์เมนได้พบกับลูกชายคนสุดท้องเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เขาถูกจับกุมในขณะที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์

 

ถูกปล่อยตัวจากแดนประหาร

มากาย มาติออพ เอนกอง (Magai Matiop Ngong) เป็นนักเรียนอายุเพียง 15 ปีในซูดานใต้ ตอนที่ศาลตัดสินประหารชีวิตเขาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ในข้อหาฆ่าคนตาย มากายเล่าว่า เขาแจ้งต่อศาลว่าการเสียชีวิตครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะอุบัติเหตุ และตอนนั้นเขายังเป็นเด็ก ถึงอย่างนั้น มากายถูกดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตายที่มีโทษประหารชีวิต โดยไม่สามารถติดต่อหรือได้รับความช่วยเหลือในการต่อสู้คดีจากทนายได้ มีผู้ร่วมปฏิบัติการกว่า 700,000 ครั้งเพื่อมากาย โดยผ่านแคมเปญ “เขียน เปลี่ยน โลก” ในปี2562 และในเดือนมีนาคม 2565 ศาลสูงเห็นชอบว่า เมื่อพิจารณาถึงอายุของเขาขณะมีคำตัดสินแล้วนั้น เขาควรได้รับการปล่อยตัว ปัจจุบันมากายใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยอยู่นอกประเทศซูดาน และยังคงมุ่งมั่นมากกว่าเดิมที่จะช่วยเหลือบุคคลที่มีสภาพเดียวกับเขา สำหรับผู้ที่รณรงค์สนับสนุนเขานั้น มากายบอกว่า

“พวกคุณคือผู้ช่วยชีวิต…พวกคุณทำให้ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ในวันนี้…ฉันเชื่อว่าชีวิตของฉันไม่ใช่เพียงชีวิตเดียวที่พวกคุณช่วยไว้ได้ แต่พวกคุณยังได้ช่วยชีวิตของผู้คนอีกมากมายทั่วโลก”

© Amnesty International
มากาย มาติออพ เอนกอง ฉลองอิสรภาพของเขาที่สำนักงานภูมิภาคของแอมเนสตี้ในประเทศเคนยาเมื่อ 5 เมษายน 2565 และดูการ์ด พร้อมจดหมายบางส่วนที่เขาได้รับจากแคมเปญ “เขียน เปลี่ยน โลก” ในปี 2562

 

คุณเองก็สามารถเปลี่ยนโลกได้ และนี่คือวิธีการที่จะทำ

แคมเปญ “เขียน เปลี่ยน โลก” ปี 2565  เริ่มขึ้นแล้ว! ในปีนี้ เราได้ร่วมมือกับโครงการรณรงค์ “ปกป้องสิทธิในการชุมนุมประท้วง” ซึ่งเป็นแคมเปญระดับโลกของแอมเนสตี้ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา การชุมนุมประท้วงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง แต่รัฐบาลทั่วโลกกำลังปราบปรามการชุมนุม และจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน แคมเปญ “เขียน เปลี่ยน โลก” ปี 2565 จะนำเสนอเรื่องราวของบุคคล 13 คน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากความพยายามพูดความจริงกับผู้มีอำนาจ (ในส่วนของประเทศไทยเราจะรณรงค์เข้มข้นใน 3 เคส)

ถ้าคุณเกิดสงสัยว่าสิ่งที่เขียนหรือพูด จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร จานี ซิลวา  (Jani Silva) นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมจากโคลอมเบียยืนยันได้ว่า มันส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง การรณรงค์ต่อต้านการทำลายสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยไม่หวาดกลัวของจานี ทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา เธอถูกเจ้าหน้าที่รัฐติดตาม ถูกคุกคาม และขู่จะฆ่าให้ตาย ภายหลังแคมเปญ “เขียน เปลี่ยน โลก” ในปี 2563 จานีกล่าวว่า

“ดิฉันรู้สึกขอบคุณจดหมายเหล่านี้ ขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ การรณรงค์ครั้งนี้ช่วยให้ฉันมีชีวิตต่อไป ช่วยหยุดยั้งไม่ให้พวกเขาฆ่าฉันได้ เพราะพวกเขารู้ว่ายังมีพวกคุณที่ยังสนับสนุนพวกเราอยู่”

 

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญปี 2565 ได้ที่นี่