เนปาล: จำเป็นต้องมีการสอบสวนอย่างเป็นอิสระและนำผู้กระทำผิดมารับผิดชอบหลังการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วง ‘เจน Z’ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต

ท่ามกลางรายงานที่เผยแพร่ออกมาเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน และบาดเจ็บกว่า 100 คนระหว่างการปราบปรามการชุมนุมประท้วงที่นำโดยเยาวชนต่อต้านการคอร์รัปชั่นและการแบนโซเชียลมีเดียในเนปาล

นิราจัน ธาปาลิยา ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เนปาล เผยว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประณามอย่างรุนแรงต่อการใช้กำลังอย่างมิชอบด้วยกฎหมายทั้งถึงแก่ชีวิตและไม่ถึงแก่ชีวิตโดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในเนปาล ซึ่งส่งผลให้ผู้ชุมนุมประท้วงหลายคนเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส เราเรียกร้องให้ทางการใช้ความอดกลั้นอย่างที่สุด หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต้องใช้กำลังเฉพาะในกรณีที่จำเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น และต้องได้สัดส่วนอย่างเคร่งครัดกับจุดมุ่งหมายที่ชอบธรรมที่ต้องการบรรลุ ทางการต้องใช้ความระมัดระวังทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กำลังและลดอันตรายให้น้อยที่สุดหากไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้คลี่คลายสถานการณ์ทันทีและเร่งรัดให้รัฐบาลนำแนวทางที่เคารพสิทธิมาใช้ในการควบคุมการชุมนุมประท้วง รัฐบาลเนปาลต้องดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด เป็นอิสระ และเป็นกลางต่อการเสียชีวิตในทันที และให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนรับผิดชอบอย่างเต็มที่ รวมถึงการดำเนินคดีอาญา เหยื่อของการใช้กำลังโดยมิชอบด้วยกฎหมายจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและกองกำลังความมั่นคงต้องได้รับการเยียวยาอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพจากรัฐ

ผู้ชุมนุมประท้วงมีสิทธิในเสรีภาพการชุมนุมประท้วงโดยสงบและแสดงความไม่พอใจและความโกรธแค้นต่อการคอร์รัปชั่นและการจำกัดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกของรัฐบาล รวมถึงการแบนโซเชียลมีเดียในเนปาล ทางการเนปาลมีภาระหน้าที่ที่จะต้องเคารพสิทธินี้ เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงรัฐธรรมนูญของตนเอง และปกป้องผู้ชุมนุมประท้วงทุกคนจากอันตราย รัฐบาลต้องรับฟังข้อเรียกร้องที่ชอบธรรมของเยาวชนอย่างจริงจัง เพื่อยุติการคอร์รัปชั่น สร้างความรับผิดรับชอบ และรับประกันเสรีภาพของพลเมือง แทนที่จะดำเนินการด้วยความรุนแรงอย่างไม่เหมาะสมต่อพวกเขา”

ข้อมูลพื้นฐาน

เมื่อวันที่ 4 กันยายน รัฐบาลเนปาลได้ประกาศแบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักที่ไม่ปฏิบัติตามกระบวนการลงทะเบียนที่บังคับใช้ภายใต้คำสั่งสำหรับการจัดการการใช้โซเชียลมีเดีย พ.ศ. 2566

เมื่อวันที่ 8 กันยายน ผู้ชุมนุมประท้วงส่วนใหญ่เป็นเจน Z ได้ออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้ยุติการคอร์รัปชั่นและยกเลิกการแบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของรัฐบาล สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากผู้ชุมนุมประท้วงบางส่วนได้ฝ่า “เขตหวงห้าม” และเข้าไปในบริเวณอาคารรัฐสภา ตำรวจตอบโต้ด้วยเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตา กระสุนยาง และกระสุนจริง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน และบาดเจ็บหลายร้อยคน

การใช้กำลังถึงแก่ชีวิตกับผู้ชุมนุมประท้วงที่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามถึงเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน มาตรา 3 รับรองสิทธิในการมีชีวิต เสรีภาพ และความมั่นคงของบุคคล ขณะที่กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง มาตรา 6 รับรองสิทธิในการมีชีวิตซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ไม่อาจละเมิดได้ หลักการพื้นฐานของสหประชาชาติว่าด้วยการใช้กำลังและอาวุธปืนโดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การใช้อาวุธปืนทำได้เฉพาะในกรณีที่จำเป็นต้องป้องกันภัยคุกคามที่ทำให้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น

ปกป้องเสรีภาพการแสดงออก

สิทธิของบุคคลทุกคนที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และการแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิในระดับสากลที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายระหว่างประเทศ

สนับสนุนความเท่าเทียม

เราทุกคนต้องได้รับการปกป้องจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งการแสดงออกตามอัตลักษณ์ทางเพศ รสนิยมทางเพศและเพศวิธี ภายใต้หลักการด้านสิทธิมนุษยชน