สืบเนื่องจากการเสียชีวิตของเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง” นักกิจกรรมฝ่ายประชาธิปไตยชาวไทย ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 หลังประท้วงด้วยการอดอาหารอย่างยาวนานระหว่างถูกควบคุมตัว
ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตของเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง” ที่ได้อดอาหารประท้วงหลังจากเธอและบุคคลอื่นถูกควบคุมตัวโดยพลการ รวมทั้งผู้ที่ใช้สิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของตัวเองโดยสงบ
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า ทางการไทยใช้วิธีการปฏิเสธเพื่อไม่ให้นักกิจกรรมฝ่ายประชาธิปไตยได้รับเสรีภาพ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่ชัดเจนว่า มีความพยายามปิดปากการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกโดยสงบของผู้เห็นต่าง ซึ่งปัจจุบันหลายคนยังคงถูกควบคุมตัว และถูกปฏิเสธสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
ข้อมูลพื้นฐาน

เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง” ครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษ และนักกิจกรรม วัย 28 ปี เสียชีวิตในที่ 14 พฤษภาคม 2567 ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เธออยู่ระหว่างการอดอาหาร 110 วัน เพื่อประท้วงการควบคุมตัวโดยพลการของเธอและคนอื่นตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2567 ที่ผ่านมาเธอได้เรียกร้องให้นักกิจกรรมคนอื่นได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวมาโดยตลอด
ตำรวจได้เริ่มดำเนินคดีต่อเนติพรเมื่อเดือนมีนาคม 2565 หลังจากเธอได้ทำการสำรวจความเห็นคนทั่วไปในห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ เกี่ยวกับการปิดจราจรระหว่างมีขบวนเสด็จ เป็นเหตุให้เธอถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์และยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 116
เธอเคยถูกควบคุมตัวก่อนหน้านี้ระหว่างวันที่ 3 พฤษภาคม ถึง 4 สิงหาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่เธออดอาหารประท้วงเป็นเวลา 64 วัน ทางการได้ควบคุมตัวเธออีกครั้ง หลังศาลสั่งถอนประกันเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 และเธอถูกศาลสั่งจำคุกหนึ่งเดือนฐานละเมิดอำนาจศาล
ตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิในการมีชีวิต รัฐมีพันธกรณีที่สำคัญในการคุ้มครองชีวิตของบุคคลภายใต้การควบคุมตัวของรัฐ การเสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวของรัฐ มักเป็นเหตุให้เกิดข้อสันนิษฐานถึงความรับผิดของรัฐต่อการพรากชีวิตไปโดยพลการ ซึ่งต้องได้รับการชี้แจงโดยการสอบสวนอย่างเหมาะสม โดยทันที อย่างเป็นกลาง มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิตเช่นนี้
ทางการไทยได้สั่งปราบปรามอย่างกว้างขวางต่อการชุมนุมประท้วงโดยสงบ รวมถึงทางออนไลน์นับตั้งแต่มีการชุมนุมประท้วงเรียกร้องการปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตยโดยสงบ ที่เริ่มต้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563
เจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายที่มีเนื้อหาคลุมเครือเกี่ยวกับความมั่นคง สถาบันกษัตริย์ และความผิดทางคอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นเครื่องมือในการปราบปราม และมีการตีความว่าการใช้สิทธิมนุษยชนโดยสงบ เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ หรือเป็นความผิดต่อสถาบันกษัตริย์
แกนนำผู้ชุมนุมประท้วงถูกควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาคดีเป็นเวลาหลายเดือน มีการปฏิเสธสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว หรือบังคับให้ยอมรับเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งเป็นการจำกัดอย่างเข้มงวดต่อสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับเสรีภาพด้านการเดินทาง การแสดงออก และการชุมนุมประท้วงโดยสงบ ทางการไทยยังคงใช้กระบวนการยุติธรรมคุกคามประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมที่ถูกมองว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาชาติ ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิเสรีภาพด้านความคิดเห็นและการแสดงออก ผู้รายงานพิเศษว่าด้วยสิทธิในเสรีภาพการชุมนุมประท้วงโดยสงบและการสมาคม และคณะทำงานว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการ รวมทั้งรัฐบาลทุกประเทศที่เข้าร่วมการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนตามวาระกระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน (Universal Periodic Reviews หรือ UPR) ได้เรียกร้องมาอย่างยาวนานให้รัฐบาลไทยยุติการควบคุมตัวบุคคลโดยพลการ และการใช้คำสั่งจนเกินขอบเขตเพื่อควบคุมการใช้สิทธิมนุษยชนโดยสงบทั้งในด้านเสรีภาพในการเดินทางและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: [email protected]
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอมเนสตี้
บริจาคสนับสนุนแอมเนสตี้