ปีการหายตัวไปกับ 6 เรื่องที่คุณอาจจำไม่ได้หรือไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับ “บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ

17 เมษายน 2563

Amnesty International Thailand

ภาพจาก ครอบครัวของบิลลี่

สรุปเหตุการณ์ 6 ปี ตั้งแต่ "บิลลี่" พอละจี รักจงเจริญ หายตัวไป กระทั่งดีเอสไอพบหลักฐานสำคัญและยืนยันว่าเป็นการฆาตกรรม จนนำมาสู่การออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรและพวกรวม 4 คน และท้ายสุดอัยการฝ่ายคดีพิเศษมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องทั้ง 4 คน ในข้อหาฆ่าบิลลี่ โดยสั่งฟ้องเฉพาะข้อหาเป็นเจ้าหน้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

1. “บิลลี่- พอละจี รักจงเจริญ” คือใคร

พอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและเป็นหลานชายของ “ปู่คออี้”* ที่เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงในผืนป่าแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี บิลลี่ถือเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยเรียกร้องในสิทธิชุมชน ซึ่งในหลายกรณีเป็นความขัดแย้งระหว่างกะเหรี่ยงกับเจ้าหน้าที่รัฐในประเด็นที่อยู่อาศัยและการไล่รื้อที่อยู่ของชาวบ้าน และเขาเป็นหนึ่งแกนนำในการเตรียมฟ้องคดีต่อเจ้าหน้าที่ กรณีการเข้ารื้อทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงกว่า 20 ครอบครัวที่ใจแผ่นดิน เมื่อปี 2554 

ด้านครอบครัวแต่งงานกับพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ มากว่า 10 ปี โดยมีลูก 5 คน ในวันที่เขาหายตัวไป ลูกคนโตอายุ 10 ขวบ และ 9, 7,4 ตามลำดับ ส่วนคนเล็กสุดอายุเพียง 1 ขวบกว่า

นอกจากนั้นเขายังเป็นสมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ในวันที่เขาหายตัวไปภรรยาของเขาเล่าว่า “ทุกวันนี้รายได้หลักของเราคือเงินเดือนของบิลลี่จากการเป็นอบต. เขาได้เดือนละ 6,800 บาท หากทางการไม่สามารถหาตัวบิลลี่เจอ ดิฉันและลูกๆ ก็ต้องพยายามอยู่ให้ได้ และช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด”

*สำหรับ “ปู่คออี้” วัย 107 ปี ผู้นำจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจานเสียชีวิตลงอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 เวลา 04.14 น.จากอาการเลือดออกในทางเดินอาหารรุนแรง

 92504186_2638851549717249_1228439308982026240_o.jpg

2. สิ่งที่บิลลี่เรียกร้องก่อนหายตัวไป

เมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ปู่คออี้รวมกับชาวบ้านบ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน จ.เพชรบุรี รวม 6 คน ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช คดีนำกำลังเข้ารื้อทำลายเผาบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงกว่า 20 ครอบครัว หลังจากใช้เวลาการต่อสู้ในกระบวนการเกือบ 3 ปี ศาลปกครองกลางจะเรียก “พยาน” เข้าให้ข้อมูลในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม 2557 แต่เพียง 1 เดือน ก่อนถึงวันนัดหมาย บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ แกนนำชาวกะเหรี่ยงซึ่งเป็นพยานปากเอกของคดีกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ

ด้านสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ ในขณะนั้นได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า 

“บิลลี่มีความสำคัญกับคดีเป็นอย่างมาก เพราะเป็นคนเดียวที่พูดและเขียนภาษาไทยได้ดี เป็นล่ามแปลภาษาให้ชาวกะเหรี่ยง เป็นแกนนำของชาวบ้านและเป็นหัวแรงหลักในการฟ้องร้องคดี การหายตัวไปของบิลลี่จึงเกี่ยวโยงกับคดีโดยตรง

ตลอดระยะเวลาการต่อสู้คดี เขาเป็นทั้งคนเก็บข้อมูล เป็นผู้ประสานงาน เป็นคนจัดกิจกรรม เป็นผู้จัดทำเอกสาร และในการให้ข้อมูลกับศาลปกครองกลางในเดือนหน้า บิลลี่ถือเป็นพยานปากเอก เป็นผู้ประสานกับพยานปากอื่นๆ รวมถึงเป็นคนจัดเตรียมยานพาหนะเพื่อการเดินทางด้วย 

สำหรับคดีที่มีการฟ้องร้องกัน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคนละประมาณ 50,000 บาท และระบุเพิ่มเติมว่าการกระทำของเจ้าหน้ากรมอุทยานแห่งชาติฯ เป็นการใช้อำนาจเกินความจำเป็นไม่สมควรแก่เหตุ แต่ไม่ได้ออกคำสั่งให้ชาวบ้านกลับไปอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ดั้งเดิมได้

 

3. บิลลี่หายตัวไปที่ไหน-อย่างไร

บิลลี่หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 เช้าวันนั้นเขาเดินทางออกจากหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย เพื่อไปตัวอำเภอแก่งกระจาน พยานที่พบเห็นบิลลี่เป็นครั้งสุดท้าย ระบุว่า เขาเห็นบิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานจับกุมตัวที่ด่านมะเร็ว อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แต่ไม่รู้ว่าพาไปไหนต่อ

18 เม.ย.2557 เวลา 06.00 น. คนในครอบครัวยืนยันว่า บิลลี่ยังไม่ได้กลับบ้านจนถึงเวลา 08.00 น.จากนั้นชาวบ้านได้ออกค้นหาจนถึงเวลา 20.00 น. ผู้ใหญ่บ้านบางกลอยเข้าแจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน  

“พี่บิลลี่เคยบอกว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งเขาเดินทางออกมาจากป่าเด็งมาถึงบางกลอยแล้วเขาหายไป ไม่ต้องเป็นห่วงเขานะ ไม่ต้องตามหาเขานะ ให้รู้เลยว่าเขาถูกฆ่าตาย เขาพูดให้ฟังนะ เพื่อนสนิทเขาก็พูดให้ฟังอย่างนี้” มึนอ-พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่เคยเล่าเอาไว้

 

4. ใครเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของบิลลี่บ้าง

ตามรายงานของสำนักข่าวไทยพีบีเอส ระบุว่าหลังจากผู้ใหญ่บ้านเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

“ต่อมาพนักงานสอบสวนตรวจสอบพบว่าชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะนั้น และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นำตัวบิลลี่ไป โดยยอมรับว่าควบคุมตัวบิลลี่ไว้จริง โดยให้เหตุผลว่าบิลลี่มีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครอง จึงเรียกไปตักเตือนและได้ปล่อยตัวไปแล้ว”

ต่อมาในวันที่ 21 เมษายน 2557 น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของบิลลี่ พร้อมผู้แทนชาวกระเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เขตตะนาวศรี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัด และผบภ.จว.เพชรบุรี ซึ่งชัยวัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหาว่ากักขังหน่วงเหนียวบิลลี่ ยอมรับว่ามีการควบคุมตัวบิลลี่จริง แต่ได้ปล่อยตัวไปแล้ว โดยมีน้องสาวบิลลี่เห็นบิลลี่ภายหลังปล่อยตัว

ในวันที่ 24 เมษายน 2557 ภรรยาของบิลลี่ พร้อมทนายยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน ตาม ป.วิอาญามาตรา 90 โดยถูกควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเชื่อว่าบิลลี่ยังคงถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แก่งกระจาน และหวังว่าศาลจะช่วยให้ทราบได้ว่าบิลลี่อยู่ที่ใด และหากยังคุมตัวไว้โดยที่ไม่มีอำนาจควบคุม ก็ขอให้ปล่อยตัวบิลลี่ออกมา

จนกระทั่งวันที่ กันยายน 2557 ศาลฏีกายกคำร้องในคดีอดีตหัวหน้าหน้าอุทยานฯ แก่งกระจานที่ถูกกล่าวหา ตาม ป.วิอาญามาตรา 90 ควบคุมตัวบิลลี่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยให้เหตุผลว่าหลักฐานไม่เพียงพอ

 

5. จุดเปลี่ยนของคดี-DSI ค้นพบอะไรและผลเป็นอย่างไร 

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2561 เมื่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ (DSI) ได้รับคดีการหายตัวไปของบิลลี่ไปเป็น “คดีพิเศษ” และเริ่มสอบสวนเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2561 เป็นต้นมา

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2562 ทางดีเอสไอ ได้ยืนยันว่า พบกระดูกมนุษย์ใกล้ถังน้ำมัน โดยกระดูกส่วนที่เป็นกระโหลกนั้นมีรอยไหม้และรอยแตกร้าว เจ้าหน้าที่ยืนยันด้วยว่า กระดูกนี้เป็นของบิลลี่จริงเพราะได้ตรวจสอบสารพันธุกรรม หรือ DNA จากกระดูกแล้วตรงกับมารดาของบิลลี่ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าเขาตายเพราะสาเหตุอะไร นายพอละจี รักจงเจริญ ที่เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่นำมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี เจ้าหน้าที่กล่าวในงานแถลงข่าว ด้านอธิบดี DSI พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง ย้ำว่า นี่คือคดีฆาตกรรม แต่กระดูกที่พบยังไม่ใช่หลักฐานที่เพียงพอในการชี้ตัวคนร้ายได้ จึงขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ไปสอบสวนเพิ่มเติม

ต่อมาวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวกรวม 4 คน คดีฆาตกรรมบิลลี่ใน 6 ข้อหา วันต่อมาชัยวัฒน์และพร้อมพวกรวม 4 คน เดินทางไปมอบตัวและยืนยันพร้อมต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม 

 

6. สรุปตอนนี้สถานะของคดีการหายตัวไปของบิลลี่คืออะไร

วันที่ 13 มกราคม 2563 ชัยวัฒน์ ได้เดินทางยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ร้องขอความเป็นธรรมอัยการในการสั่งคดี ต่อมาวันที่ 24 มกราคม 2563 อัยการฝ่ายคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องชัยวัฒน์ กับพวกรวม 4 คน ข้อหาฆ่าบิลลี่ โดยสั่งฟ้องเฉพาะข้อหาเป็นเจ้าหน้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

โดยระบุเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ดีเอสไอสามารถยื่นแย้งกลับมายังอัยการได้ โดยที่ไม่ต้องหาพยาน หลักฐานใดมาเพิ่ม เพียงแค่ทำเรื่องยื่นแย้ง โดยระบุว่าเอกสารพยาน หลักฐานที่มีอยู่มีน้ำหนักมากพอที่จะฟ้องในคดีนี้ โดยขั้นนี้อัยการสูงสุดจะเป็นผู้พิจารณา โดยกฎหมายไม่ได้ระบุระยะเวลาที่จะยื่นแย้ง แต่หากจะทำ ขอให้ดีเอสไอคำนึงถึงระยะเวลาของคดีความด้วย

ต่อมาวันที่ 27 มกราคม 2563 มึนอ พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของนายบิลลี่ได้เข้ามาร่วมรับฟังการชี้แจงของสำนักงานอัยการสูงสุด และได้ยื่นหนังสือต่อนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (รองโฆษกอสส.) เพื่อขอให้ชี้แจงเหตุผลที่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องชัยวัฒน์เป็นลายลักษณ์อักษร เพราะข้องใจว่าเหตุใดอัยการเร่งรัดสั่งไม่ฟ้องแทนที่จะสั่งให้ดีเอสไอไปสอบสวนเพิ่มเติม 

“เพราะคดีอาญาสามารถฟ้องได้ครั้งเดียว ถ้าอัยการฟ้องไป หลักกฎหมายใช้ระบบกล่าวหา อัยการต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นให้ได้ว่านายชัยวัฒน์กับพวกฆ่านายบิลลี่ ถ้าเรานำสืบไม่ได้ เพียงแต่สงสัยนิดเดียว ประโยชน์แห่งความสงสัย ศาลจะยกให้นายชัยวัฒน์กับพวก โอกาสจะยกฟ้องมีสูง ดังนั้นถ้าอัยการสั่งไม่ฟ้องกระบวนการของศาลยังไม่เริ่มต้น ภายในอายุความ 20 ปี หากมีพยานหลักฐานใหม่อัยการสามารถหยิบมาฟ้องใหม่ได้” 

นายประยุทธกล่าว

 

สรุป ผ่านไป 6 ปี บิลลี่ยังคงหายไปอย่างไร้ร่องรอย ครอบครัวยังคงต้องตามหาความยุติธรรมต่อไป เพราะทางการยังไม่สามารถนำตัวผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษได้

 

 

ที่มาข้อมูล

https://news.thaipbs.or.th/content/283675

https://thematter.co/brief/recap/recap-1567497600/84145

https://www.posttoday.com/politic/report/290464

https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_1922068

https://www.mcot.net/viewtna/5e2ab3abe3f8e40af34125fa

https://workpointnews.com/2020/01/27/belly/

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/861823

https://transbordernews.in.th/home/?p=3986&fbclid=IwAR0sucWRPnlIJXYfESD4a_GhHLb_zGY5eqq8jhx55d0SdIIsS37DH6WPrPg