แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลทำงานในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และให้คำมั่นที่จะดำเนินงานต่อไป เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนในประเทศนี้ แม้มีเสียงเรียกร้องให้ขับไล่องค์กรออกจากประเทศ
ไคลด์ วอร์ด รองเลขาธิการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ในฐานะที่เป็นขบวนการของคนธรรมดาที่เคลื่อนไหวรณรงค์เพื่อส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ที่มีการดำเนินงานในกว่า 70 ประเทศ มีสมาชิกและผู้สนับสนุนใน 150 ประเทศและดินแดน ไม่ว่าเป็นการดำเนินงานในที่ใด เราต่างมีภารกิจเดียวกันคือ การป้องกัน ตรวจสอบ และกระตุ้นให้รัฐ บรรษัท และหน่วยงานหรือบุคคลอื่นต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายระหว่างประเทศ
“เราให้ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ต่อทางการเกี่ยวกับการดำเนินงานที่ทำได้ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของตน เราจะยังคงดำเนินงานเช่นนี้ต่อไปอย่างเป็นอิสระและไม่ลำเอียง และตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ต่อกรณีที่มีการรณรงค์ต่อต้านแอมเนสตี้ และการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง เราพร้อมจะตอบคำถามที่รัฐบาลมีเกี่ยวกับการทำงานของเราในประเทศไทยต่อไป
ข้อมูลพื้นฐาน
ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เรียกร้องอย่างเปิดเผย ให้ขับไล่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้จัดทำการลงชื่อทางออนไลน์ สนับสนุนการรณรงค์ผ่านโซเชียลมีเดีย และการจัดประท้วงขนาดเล็ก
นายกรัฐมนตรีตอบสนองด้วยการประกาศให้มีการสอบสวนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นขบวนการของคนธรรมดามากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก ที่ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคมที่เท่าเทียมและยุติธรรมสำหรับทุกคน ประกอบด้วยสำนักเลขาธิการใหญ่ และเครือข่ายสมาชิกระหว่างประเทศและหน่วยงานที่เป็นสมาชิกระดับประเทศ รวมทั้งแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย แม้ว่าแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยและสำนักเลขาธิการใหญ่จะเป็นองค์กรนิติบุคคลที่แยกจากกัน แต่มีการร่วมมือทำงานอย่างใกล้ชิดภายใต้ธรรมนูญฉบับเดียวกัน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ [email protected]