สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายนยังคงไม่ได้รับการปกป้องเท่าที่ควรหรือเปล่า?

การชุมนุมไทยไตรมาส 2/2568 พุ่ง 226 ครั้ง สะท้อนความเข้มข้นหลายประเด็น: สิทธิชุมชน-ที่ดิน, สมรสเท่าเทียม, การเมืองสองขั้ว และการเมืองโลก

ช่วงเดือนเมษายน–มิถุนายน 2568 ประเทศไทยมีบรรยากาศการชุมนุมที่กระตือรือล้อเต็มไปด้วยหลากหลายประเด็น โดยมีการชุมนุมเกิดขึ้นอย่างน้อย 48 ครั้ง และหากนับการชุมนุมปักหลักค้างคืนต่อเนื่องเป็นครั้งแรก จะรวมสูงถึง 226 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกถึงร้อยละ 172 หรือ 143 ครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงความเข้มข้นของการเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้

โดยประเด็นหลักของการชุมนุมในไตรมาสนี้ประกอบไปด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (Economic, Social and Cultural Rights หรือ ESCR) เป็นจำนวน 21 ครั้ง ครอบคลุมประเด็นปัญหาที่ดิน การบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ การไล่รื้อ และสิทธิในที่อยู่อาศัยของชุมชน

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน เนื่องจาก Pride Month ซึ่งถึงแม้ พรบ. สมรสเท่าเทียมแล้ว ก็ยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังต้องสู้เพื่อสิทธิความหลากหลายทางเพศ เนื่องจากยังมีข้อเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียมทางกฎหมายและสังคมอีกหลายแง่มุมที่ต้องนำมาพูดคุยกันต่อไป โดยการชุมนุมในประเด็นเกิดขึ้นถึง 12 ครั้ง ในพื้นที่ครอบคลุมอย่างน้อย 12 จังหวัด

ส่วนประเด็นทางการเมืองก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ โดยจุดที่น่าสนใจคือการที่มีการชุมนุมเกิดขึ้นจากทั้งขั้วการเมืองสองฝ่าย รวมเป็นจำนวน 12 ครั้ง โดยหัวข้อก็ครอบคลุมทั้งการเรียกร้องสิทธิประกันตัวของผู้ต้องขังคดีการเมือง และการกดดันให้นางสาวแพรทองธาร ชินวัตรลาออก โดยเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่ม เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วย ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรมที่คัดค้านการบรรจุร่างกฎหมายกาสิโน ต่อมา มีการเพิ่มข้อเรียกร้องให้ แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการชุมนุมปักหลักค้างคืน แม้ต่อมาจะมีการกระจายตัวแยกทำกิจกรรมในพื้นที่อื่นๆ แต่ยังเป็นกลุ่มผู้จัดเดียวกันและข้อเรียกร้องเดียวกันจึงนับเป็นการชุมนุมต่อเนื่อง 1 การชุมนุม

สำหรับประเด็นสุดท้าย คือการชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืนต่อเรื่องการเมืองระหว่างประเทศต่อสถานการณ์ปาเลสไตน์–อิสราเอล และเหตุการณ์ในอิหร่าน รวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง

รัฐยังใช้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 ปิดกั้นเสรีภาพ ขัดหลักสากล แม้การเคลื่อนไหวของประชาชนจะหลากหลาย

ถึงแม้จะมีความหลากหลายของการเรียกร้อง รวมถึงกลุ่มการเมืองที่แตกต่างกัน การใช้กฎหมายของผู้มีอำนาจก็อาจพูดได้ว่ายังตามไม่ทันความหลากหลายและยังคงปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมดังกล่าว โดยยังมีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 อย่างเข้มงวดในการปิดกั้นการชุมนุมทั้งนี้ยังเป็นกฎหมายที่ยังไม่สอดกับหลักการระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกติกาสากลระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง หรือ ICCPR ที่ประเทศไทยเป็นภาคี โดยเฉพาะการใช้มาตรา 7 ในการประกาศห้ามการชุมนุมรัศมี 50 รอบทำเนียบรัฐบาลซึ่งขัด “หลักการมองเห็นและได้ยิน” เช่นในเดือนเมษายนยังคงมีผลบังคับใช้ของคำสั่ง 151/2568 จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ห้ามชุมนุมในรัศมี 50 เมตรรอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 โดยให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันความวุ่นวายจากกลุ่มที่มีแนวโน้มจะปักหลักชุมนุมใกล้พื้นที่ราชการ ซึ่งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ยังคงส่งผล โดยในวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 สถานีตำรวจนครบาลดุสิตแจ้งข้อกล่าวหาผู้ชุมนุมรวม 15 คน จาก 6 คดี แบ่งเป็นคดีจากการชุมนุมของกลุ่ม พีมูฟ และเครือข่ายป่าไม้ที่ดิน 4 คดี คดีจากการชุมนุมของกลุ่มแรงงานยานภัณฑ์ 2 คดี คดีทั้งหมดถูกส่งฟ้องต่ออัยการในเวลาต่อมา ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นจากการฝ่าฝืนคำสั่งสถานที่ห้ามชุมนุมที่ออกคำสั่งภายใต้ มาตรา 7 พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558

สามารถดูสรุปภาพรวมการชุมนุมรายเดือนได้ที่แผนภูมิด้านล่าง

Freedom of Assembly Q2 Report
Freedom of Assembly Q2 Report
การชุมนุมยังคงเกิดขึ้นเพราะข้อเรียกร้องไม่ถูกแก้ไข ไม่ใช่เพราะรัฐส่งเสริมสิทธิมนุษยชน

นายเฝาซี ล่าเต๊ะ เจ้าหน้าที่รณรงค์เชิงนโยบาย แอมเนสตี้ ประเทศไทย ได้ให้ความคิดเห็นต่อสถานการณ์การชุมนุมในปัจจุบันเอาไว้ว่า “การชุมนุมที่เกิดในไตรมาสสองโดยส่วนใหญ่เป็นการชุมนุมในประเด็นเดิมซึ่งสะท้อนถึงข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่ไม่ได้รับการแก้ไขโดยเฉพาะประเด็นของการเมกะโปรเจคที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิในที่อยู่อาศัยและสิทธิมนุษยชนอื่นๆ หรือแม้กระทั้งประเด็นเรียกร้องสิทธิการประกันตัว จึงเป็นผลให้ยังคงมีการชุมนุมอยู่ แม้จะมีการชุมนุมยังเกิดขึ้นก็ไม่ได้สะท้อนถึงการส่งเสริมสิทธิมนุษชนภายในประเทศ ซึ่งกลับกันจากสถานการการปิดกั้นการชุมนุม การดำเนินคดีสะท้อนให้เห็นว่าจำนวนการชุมนุมที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติของสังคมประชาธิปไตย แต่ไม่ได้เกิดจากการที่รัฐบาล เคารพ ปกป้อง ส่งเสริม สิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง ”

บทสรุปของไตรมาสสอง

ไตรมาส 2/2568 เป็นช่วงเวลาที่ความเคลื่อนไหวภาคประชาชนขยายตัวทั้งในปริมาณและความหลากหลายของประเด็น โดยเฉพาะ ESCR และสิทธิความหลากหลายทางเพศ การเมืองระดับชาติ และการเมืองระหว่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จุดกระแสการชุมนุม ขณะที่รัฐยังใช้มาตรการจำกัดพื้นที่และดำเนินคดีต่อผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามใกล้ชิดต่อไป

อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่

รายงานสถานการณ์สิทธิในเสรีภาพในการชุมนุม ไตรมาสสอง ปี 2568 [TH]

แบบสำรวจเพื่อปรับปรุงรายงาน

ปกป้องเสรีภาพการแสดงออก

สิทธิของบุคคลทุกคนที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และการแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิในระดับสากลที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายระหว่างประเทศ

สนับสนุนความเท่าเทียม

เราทุกคนต้องได้รับการปกป้องจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งการแสดงออกตามอัตลักษณ์ทางเพศ รสนิยมทางเพศและเพศวิธี ภายใต้หลักการด้านสิทธิมนุษยชน