ความเป็นมา
ประเทศไทยเป็นประเทศภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR) และอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment หรือ CAT) โดยความเป็นอิสระจากการถูกบังคับให้สูญหายนั้นได้รับการคุ้มครองโดยอนุสัญญาทั้งสองนี้ และเนื่องจากการบังคับให้สูญหายมักจะก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิอื่น ๆ เพิ่มเติมเสมอ ได้แก่ สิทธิในชีวิต อิสระจากการถูกทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี สิทธิในเสรีภาพ และสิทธิที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลตามกฎหมาย นอกจากนี้ ยังเป็นการละเมิดสิทธิของสมาชิกในครอบครัวของผู้สูญหายที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานที่กระทำต่อเขาโดยเจตนาผ่านการทำให้พวกเขานั้นจำต้องอยู่กับความไม่แน่นอนด้วยไม่ทราบชะตากรรมและถิ่นที่อยู่ของบุคคลอันเป็นที่รัก
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ลงนาม แต่ยังมิได้ให้สัตยาบัน ต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance หรือ ICPPED) อนุสัญญาดังกล่าวได้ยืนยันถึงสิทธิอันเด็ดขาดที่บุคคลจะไม่ถูกบังคับให้สูญหาย อีกทั้งกำหนดให้รัฐมีพันธกรณีในการสืบสวนสอบสวนกรณีการบังคับให้สูญหาย และกำหนดให้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดทางอาญาและมีบทลงโทษที่เหมาะสมโดยต้องพิจารณาถึง “ความร้ายแรงอย่างมาก” ของการกระทำผิด และให้มีการดำเนินการที่จำเป็นใด ๆ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
รัฐบาลได้กล่าวว่าจะไม่ทำการภาคยานุวัติอนุสัญญาจนกว่าบทบัญญัติต่าง ๆ ของอนุสัญญาจะถูกบรรจุในกฎหมายภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะผ่านร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย (‘ร่าง พ.ร.บ.’) กลับหยุดชะงักไปหลังจากไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อนการเลือกตั้งในปีพ.ศ. 2562 ร่าง พ.ร.บ.ในปัจจุบันนั้นยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของประธานรัฐสภา ทั้งนี้ ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญา ในฐานะผู้ลงนามใน ICPPED ประเทศไทยยังคงมีข้อผูกพันที่จะไม่ทำการอันขัดต่อวัตถุประสงค์และเป้าหมายของสนธิสัญญาดังกล่าว
ประเทศไทยมีพันธกรณีระหว่างประเทศซึ่งผูกพันให้ต้องทำการสืบสวนสอบสวนกรณีที่ต้องสงสัยว่าเป็นการเสียชีวิตโดยมิชอบด้วยกฎหมายและการบังคับให้สูญหายอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ละอียดถี่ถ้วน อิสระ เป็นกลาง และโปร่งใส
จากบทบัญญัติของ ICPPED และพิธีสารมินนิโซต้าซึ่งถูกปรับปรุงแก้ไขในปี พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) โดยระบุถึงมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนกรณีที่ต้องสงสัยว่าเป็นการเสียชีวิตโดยมิชอบด้วยกฎหมายและการบังคับให้สูญหาย และได้มีการเปิดตัวพิธีสารดังกล่าวร่วมกับกระทรวงยุติธรรม ประเทศไทย เมื่อพฤษภาคม พ.ศ. 2560 ได้กำหนดว่าการสืบสวนสอบสวน “ต้องพยายามระบุไม่เพียงแต่ผู้กระทำความผิดโดยตรงเท่านั้น แต่รวมถึงบุคคลอื่นๆ ทั้งหมดที่รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตนั้น ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่ในสายบังคับบัญชาซึ่งสมรู้ร่วมคิดกับการเสียชีวิตดังกล่าว” (วรรค 26)
อ่านเพิ่มเติม
Thailand: special investigation into apparent enforced disappearance of “Billy” welcome, but much more is needed
Thailand: ICJ submits recommendations on draft law on torture and enforced disappearance amendments
Justice for Billy: Time for Thailand to Account for Activist’s Disappearance
ติดต่อ
สำหรับ ICJ: นายเฟรเดอริก รอว์สกี ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ICJ โทร.: +66 64 478 1121 อีเมล์: frederick.rawski(a)icj.org
สำหรับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล: นิโคลัส เบเคลัง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก โทร.: +852 9805 9120 อีเมล์: nicholas.bequelin(a)amnesty.org