"ความเป็นมนุษย์" คือคำตอบในการขจัดความกลัวและเกลียดชังอิสลาม หลังเหตุการณ์กราดยิงที่นิวซีแลนด์

2 เมษายน 2562

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

โดย โอซามา พุธทา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

แปลโดย Smiling Sun

คนที่เหยียดเชื้อชาติและคลั่งศาสนา มักมีความเชื่อว่าสังคมที่มีความหลากหลายนั้นเป็นไปไม่ได้ และเพราะความหัวเสียนั้น พวกเขาเลยพากันจับอาวุธเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็น แต่พวกเราจะมามัวแต่แสดงความตื่นตระหนกแล้วนั่งรอคอยเหตุการณ์ที่น่าโกรธเกรี้ยวครั้งต่อไปไม่ได้ ในปีที่แล้วเราพึ่งจะสะพรึงไปกับเหตุการณ์ที่นาซีคนหนึ่งบุกเข้าไปกราดยิงในโบสถ์ชาวยิวที่สหรัฐอเมริกาจนมีผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย แต่พอมีสัญญาณเตือนออกมาแบบนี้แล้ว ชาวโลกก็ใช้ชีวิตกันต่อไป

 

พวกผู้เกลียดชังเหล่านี้กำลังบ่อนทำลายสังคมของเราและเราจะต้องแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ลงกว่าเดิม

 

ต้องบอกกันก่อนเลยว่านี่ไม่ใช่แค่ในโลกตะวันตกเท่านั้น ชาวมุสลิมมากมายเห็นว่าเหตุการณ์ไครสต์เชิร์ชเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของคลื่นความเกลียดกลัวอิสลามที่ลุกลามไปทั่วโลกเพราะความไม่มั่นใจของประชากรส่วนมาก เพราะฉะนั้นมันถึงเวลาที่เราจะต้องหยุดยั้งความกลัวนี้ตั้งแต่ตะวันออกจวบจนตะวันตก

 

ในเมียนมา วาทะสร้างความเกลียดชังและการประหัตประหารได้สั่งสมจนปะทุขึ้นในปี 2017 เมื่อชาวมุสลิมโรฮิงญากว่า 700,000 คนต้องหนีจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปสู่บังกลาเทศ กองทัพเมียนมาที่เป็นผู้ลงมือนั้นได้รับการปกป้องโดยทางการจีนที่ภายในประเทศเองก็มีการกักขังชาวอุยกูร์ คาซัค และชาติพันธุ์มุสลิมมากถึงหนึ่งล้านคนในค่ายกักกันเพื่อบังคับ “สร้างความเปลี่ยนแปลงผ่านการศึกษา” ในเขตซินเจียง และนี่เป็นเพียงเรื่องๆหนึ่งในยุคสมัยแห่งการกดขี่ในระดับมโหฬารของช่วงเวลาปัจจุบัน

 

ประวัติศาสตร์ความหลากหลายทางศาสนาของอินเดียต้องเกิดความพลิกผันในยุคสมัยของนเรนทระ โมที บุรุษผู้ดำรงตำแหน่งมุขยมนตรีในปี 2002 ที่มีเหตุจราจลในคุชราตที่ทำให้ชาวมุสลิมหลายร้อยคนเสียชีวิต ความคลั่งชาติฮินดูของเขาทำให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มประชากร จนนำไปสู่ความรุนแรงและการวิวาทเกี่ยวกับวัวที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

 

นักการเมืองในยุโรปหลายคนก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นหลังชูนโยบายต่อต้านมุสลิม นางมารีน เลอ แปน จากพรรคแนวร่วมแห่งชาติฝรั่งเศสเปรียบชาวมุสลิมที่หลั่งไหลออกจากมัสยิดหลังการละหมาดวันศุกร์ว่าเหมือนสมัยที่นาซีครองเมือง ประเด็นสำคัญที่นำไปสู่เบร็กซิทก็คือ “ความเสี่ยง” ที่ตุรกีจะเข้าร่วมสหภาพยุโรป โดยนายไนเจล ฟาราจ แกนนำการรณรงค์เบร็กซิท เคยกล่าวหาว่าชาวมุสลิมอังกฤษเป็นเหมือน “นกสองหัว”

 

แต่คนที่ได้กำไรที่สุดจากการเล่นกับความเกลียดกลัวอิสลามก็คือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่หาเสียงด้วยการสัญญาที่จะ “ยุติการเข้าออกสหรัฐของชาวมุสลิมอย่างเด็ดขาด” โดยเขากล่าวว่านโยบายดังกล่าวจะมีผลไปจนกว่าผู้แทนของประเทศ “รู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรกัน” แต่น่าเสียดายที่แม้จะเขาแสนจะเฉลียวฉลาด แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทรัมป์ขึ้นมาสู่อำนาจได้ก็เพราะความเกลียดกลัวอิสลามที่โตมากับสงครามในอัฟกานิสถานและอิรัค ซึ่งแน่นอนว่าเราจะไม่พูดถึงยอดเสียชีวิตของชาวมุสลิมกว่าล้านชีวิตที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครพูดถึงกันไม่ได้

 

ในเมื่อภาพรวมทั่วโลกมันเลวร้ายขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่ชาวมุสลิมจะรู้สึกว่าต้องเตรียมพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา โดยเฉพาะทั้งๆที่พวกเขาได้รับความเสียหายอย่างสาหัส แต่ก็โดนชี้หน้าว่าเป็นพวกก่อความรุนแรงอยู่ดี

 

แต่อย่าพึ่งเหมารวมปัญหาทั้งหมดนี้ว่าเป็นสงครามศาสนา เพราะชาวมุสลิมนับล้านไม่ได้เสียชีวิตหรือถูกกักขังข่มขี่โดยปัญหาระหว่างศาสนาแต่อย่างใด ผู้ที่คุกคามพวกเขามีความหลากหลายทั้งที่มาและสาเหตุเกินกว่าจะเหมารวมแบบนั้นได้ รวมไปถึงเหยื่อเองก็เช่นกัน ชาวคริสเตียนก็ถูกเหมารวมเป็นเหยื่อความรุนแรงในจีน ปากีสถาน และอินโดนิเซียเช่นกัน ชาวปาเลสไตน์ทั้งคริสเตียนและมุสลิมถูกกดขี่อย่างเท่าเทียมกันโดยผู้รุกรานชาวอิสราเอล ฝรั่งเศสและเยอรมันเองก็พบกระแสต่อต้านชาวยิวมากขึ้น กระทั่งมีการวาดสัญลักษณ์นาซีไปทั่วสุสานชาวยิวในฝรั่งเศสตะวันออกด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น “สงครามต่อต้านอิสลาม” ไม่ใช่เรื่องจริง

 

ทั้งหมดนี้คือปัญหาการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยต่างหาก และมันก็เป็นปัญหาที่พบได้ในประเทศมุสลิมด้วย ซาอุดีอาระเบียมีชื่อเสียงฉาวโฉ่จากการที่ไม่มีศาสนสถานอื่นนอกจากอิสลามในประเทศ แต่ในอีกแง่ การปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยในซาอุดีอาระเบียก็ทำให้การที่มกุฎราชกุมารแห่งซาอุแสดงความสนับสนุนจีนในการกดขี่ชาวมุสลิมในซินเจียงก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเท่าไหร่นัก

 

แต่ความปรองดองก็ไม่ได้เกิดจากการสื่อสารระหว่างศาสนามากขึ้นหรือการเปิดมัสยิดหลายๆวัน การจะแก้ปัญหานี้ได้เราต้องรื้อวิธีการพูดถึงเสรีภาพ ความเท่าเทียม และความเคารพซึ่งกันและกันลงมาใหม่ทั้งหมด

 

ความแข็งแกร่งของชาติมาจากการปฏิบัติต่อปวงชน สัญญาณของความทรงพลังมาจากการที่เราปฏิบัติต่อทุกคนที่อยู่เคียงข้างเราอย่างเท่าเทียม เราจะเดินไปข้างหน้าได้ก็ต่อเมื่อทุกคนใช้ชีวิตของตนได้อย่างเสรี สนับสนุนสังคมอย่างที่พวกเขาสามารถทำได้ และเป็นบุคคลที่พวกเขาอยากจะเป็น

 

ตัวฉันเองเกิดและโตในสก็อตแลนด์ และฉันก็ภาคภูมิใจในเชื้อชาติและศาสนาของฉัน ชาวสก็อตมีคำกล่าวว่าผ้าลายสก็อตเกิดขึ้นได้เพราะด้ายหลากสี ประหนึ่งคนหลายชนิดที่รวมกันเป็นสก็อตแลนด์ ทุกวัฒนธรรมรอบโลกต้องตามหาภาษาของตัวเองที่นำผู้คนมารวมกัน ไม่ใช่ผลักไสพวกเขาออกไป เมื่อปี 1945 เราชนะนาซีด้วยสงคราม คราวนี้เราจะชนะความเกลียดชังด้วยพลังแห่งความรัก ความเมตตา และความเป็นมนุษย์ที่มีร่วมกัน