การเดินทางครั้งสำคัญ.. บนเรื่องราวสิทธิมนุษยชน : ชวนคุยกับนักศึกษาฝึกงานจากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

11 กรกฎาคม 2565

Amnesty International

ผลงานโดย นฤมล คงบก 

นักศึกษาฝึกงานแอมเนสตี้ ประเทศไทย

ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ เสมือนเป็นเส้นทางที่ไม่มีวันสิ้นสุดและเปิดกว้างอยู่เสมอ แต่ในฐานะนักศึกษาช่วงชั้นปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยแล้วนั้น การเรียนรู้ที่สำคัญในคราวนี้ คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการย่างก้าวเข้าสู่ประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับโลกแห่งความจริง จึงนำพาให้ “ศุทธหทัย หนูหิรัญ หรือ เม” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาตร์และนิติศาสตร์ เอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยบูรพา ได้ตัดสินใจเรียนรู้ในฐานะนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายอย่างคุ้มค่า

การเดินทางของเธอจึงเริ่มขึ้น ไปพร้อมกับการก้าวเดินบนเส้นทางที่ถูกโอบล้อมไปด้วยประสบการณ์ของสิทธิมนุษยชน ทำให้เธอได้พบกับแรงบันดาลใจที่ถูกซ่อนตัวไว้จากเรื่องราวต่าง ๆ วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเธอพร้อมกับมุมมองของการเป็นนักศึกษาฝึกงานตลอดระยะเวลาห้าเดือนที่ผ่านมา

 

ทำไมถึงเลือกเข้ามาฝึกงานกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย?

ในตอนนั้นเรามองหาที่ฝึกงานอยู่พอรู้จักแอมเนสตี้อยู่บ้างว่าเป็นองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และเป็นจังหวะที่เพื่อนเราเข้ามาชวนให้ไปฝึกงานกับแอมเนสตี้ด้วยกัน ทำให้เราเริ่มอยากรู้จักการทำงานของแอมเนสตี้ให้มากขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสนใจเลือกเข้ามาฝึกงานกับแอมเนสตี้ 

 

ประเด็นสิทธิมนุษยชนอะไรที่กำลังสนใจ?

ก่อนหน้านี้เรามีความสนใจเรื่องสิทธิสตรี สิทธิของ LGBTQ+ หรือความหลากหลายทางเพศ และตอนนี้มีอีกหนึ่งประเด็นที่เรากำลังสนใจคือ สิทธิชาติพันธุ์ เป็นเรื่องที่เราอยากศึกษาข้อมูลและอยากทำความรู้จักสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับชาติพันธุ์ให้มากขึ้น

 

การเข้ามาฝึกงานกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยทำให้ได้รู้จักสิทธิมนุษยชนมากขึ้นหรือไม่?

เราได้รู้จักสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ได้รู้ว่าสิทธิมนุษยชนกว้างมากมีองค์ประกอบหลายอย่าง บางเรื่องเราไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เรารู้จักสิทธิมนุษยชนอยู่บ้าง เช่น เรามีสิทธิในร่างกายและเป็นสิทธิมนุษยชนอย่างหนึ่งที่เรารู้ 

เมื่อเราได้เข้ามาฝึกงานกับแอมเนสตี้ ทำให้เรารู้สึกว่าคำว่าสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งที่กว้างและมีอะไรมากกว่านั้น การเข้ามาฝึกงานตรงนี้ยิ่งเป็นการส่งเสริมการได้เรียนรู้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้น

 

ในแต่ละวันของการฝึกงาน ได้รับมอบหมายงานหรือมีหน้าที่อะไรบ้าง?

เราทำงานทีมสื่อสารองค์กร มีการติดตามกระแสข่าวว่ามีอะไรบ้างเกิดขึ้นบ้างในแต่ละวัน จดสรุปการประชุมในแต่ละสัปดาห์ มีหน้าที่จัดการเอกสารที่ได้รับมอบหมาย สรุปงานเสวนาและนำมาต่อยอดเป็นบทความ โควทคำพูด เพื่อเผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดียหรือบางครั้งได้ช่วยติดต่อประสานงานด้วย

 

ในฐานะที่ฝึกงานฝ่ายสื่อสารองค์กร อนาคตคิดว่าจะทำอย่างไรให้ผู้คนเข้าถึงสิทธิมนุษยชนมากขึ้น?

ในอนาคตคิดว่าโลกน่าจะขับเคลื่อนไปในลักษณะนี้ และอาจจะมีการพัฒนาทางโซเชียลมากขึ้นเราคิดว่าการได้เป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่สิทธิมนุษยชนสามารถทำได้ด้วยตัวเรา อย่างน้อย ๆ เราสามารถบอกได้ว่าคนนี้โดนละเมิดสิทธิมนุษยชนและเขาโดนละเมิดอย่างไรบ้าง 

เราจะเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูลตรงนี้ ซึ่งทำให้คนรอบตัวเราได้รับรู้มากขึ้นว่าสิทธิมนุษยชนคืออะไร หรือแม้แต่คนรอบข้างเราอาจจะได้รู้ว่าตนเองกำลังโดนละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่ จากการเรื่องราวที่เราได้เผยแพร่ออกไป

 

อยากให้เล่าความประทับใจต่อการทำกิจกรรมที่ทำร่วมกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

เราประทับใจกิจกรรม Media Human Rights Tour เป็นกิจกรรมที่ทำให้เรามีโอกาสลงไปในพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งในพื้นที่มีประเด็นการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและพวกเขากำลังต่อสู้เรื่องนี้อยู่ เราได้ลงไปสัมผัสความรู้สึกพวกเขาด้วยตัวเอง จึงเป็นกิจกรรมที่เรารู้สึกว่าเป็นประโยชน์มากรวมถึงทำให้ได้ประสบการณ์เยอะมาก

และกิจกรรมที่สิ้นสุดโครงการ Write for Right อย่าง Let Freedom Shine เป็นอีกหนึ่งความประทับใจของเรา วันงานเรามีโอกาสได้เจอนักกิจกรรมหลายคน ได้ฟังประสบการณ์ในมุมมองของการเคลื่อนไหวต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นมุมมองจากการเป็นนักโทษของคุณสมยศ หรือนักกิจกรรมคนอื่น ๆ โดยที่พวกเขาเป็นผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน

 

ความท้าท้ายอะไรที่ต้องเจอระหว่างการฝึกงาน

เราเข้ามาฝึกงานในฐานะของนักศึกษาฝึกงานฝ่ายสื่อสารองค์กร มีความจำเป็นในการติดต่อประสานงานกับคนอื่น และแน่นอนว่าเราต้องคอยติดตามข้อมูลในสังคม นำเสนอข้อมูลเพื่อเอามาต่อยอดเป็นคอนเทนต์ ซึ่งเราเองไม่ค่อยมีทักษะทางการสื่อสารตรงนี้จึงถือเป็นข้อท้าทายในการทำงานของเรา 

รวมถึงการทำงานที่หลากหลายประเด็นของแอมเนสตี้เราจำเป็นต้องศึกษาข้อมูล เรื่องนี้ค่อนข้างยากเพราะว่าเราต้องอ่านและทำความเข้าใจไปด้วย บางทีมีความกังวลว่าสารที่ได้รับมีความถูกต้องแค่ไหน แต่ที่ผ่านมาเราก็พยายามปรับตัวในเรื่องนี้มาตลอด

 

ประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกงานกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

กิจกรรมต่าง ๆ ที่แอมเนสตี้จัดขึ้นและเราได้มีส่วนร่วมตลอดการฝึกงาน ทำให้เราได้เห็นภาพการทำงานมากขึ้น มีโอกาสได้ลงมือทำงานจริง ๆ เราเจอคนที่หลากหลายและที่สำคัญคือเราค้นพบว่าเราชอบวางแผนการทำงาน เราสนุกเวลาได้ทำ หรือแม้แต่อะไรที่ผิดพลาดเราได้เรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น บางทีเราคิดว่าถ้าไม่ได้ฝึกกับแอมเนสตี้เราคงไม่มีประสบการณ์ในการทำงานแบบนี้

 

ในฐานะที่เป็นคนธรรมดาหนึ่งคน เราจะช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมได้ยังไง

การสร้างความตระหนักรู้ พอเราได้รับรู้เรื่องต่าง ๆ และเห็นว่าเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นสังคมที่ดีขึ้น เราสามารถบอกเล่าได้ว่าสิ่งนี้ที่เกิดขึ้นในสังคมคือเรื่องที่ผิดปกติและเราต้องช่วยกัน 

การสร้างความตระหนักรู้ตรงนี้จึงเป็นเหมือนการสร้างฐานพลังให้สังคมเพื่อนำไปสู่การพัฒนา แม้จะเป็นการเริ่มต้นเล็ก ๆ แต่วันหนึ่งสังคมจะเปลี่ยนแปลงได้

 

ฝากข้อความถึงเพื่อนๆ ที่อยากฝึกงานกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่อยากไปฝึกงานกับหน่วยงานราชการ ซึ่งเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ทำให้เรารู้สึกว่า NGO เป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะมากกับการเรียนรู้ เพราะด้วยความที่เราจะได้เจอกับการทำงานที่หลากหลาย ในแต่ละวันเราจะได้รับประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำกันเลย 

ตลอดระยะเวลาห้าเดือนกับการฝึกงานที่ผ่านมา ทำให้เราได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายมากและเราได้ลงมือทำงานจริง ๆ จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนเข้ามาเปิดประสบการณ์การทำงานและเรียนรู้ไปกับแอมเนสตี้ 

 

สมัครฝึกงานกับแอมเนสตี้