‘เจน’ เจนจิรา สายกุณทอง นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (IR) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นหนึ่งคนที่ตระหนักถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับนานาชาติผ่านการศึกษาในชั้นเรียน โดยประเด็นที่เธอให้ความสนใจเป็นพิเศษคือสิทธิผู้หญิงสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศทั้งในเพศชายและเพศหญิง
สำหรับนักศึกษาในคณะรัฐศาสตร์อย่างเธอมักจะเห็นบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศ ในการกำหนดทิศทาง และการแก้ปัญหาต่าง ๆ ในระดับโลก โดยเฉพาะในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เป็นหนึ่งในประเด็นที่องค์กรต่าง ๆ รวมถึงแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ให้ความสำคัญ แม้เจนจิราจะไม่ได้เป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนโดยตรง แต่เธอก็ให้ความสำคัญกับประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และมักจะทำการหาข้อมูลเกี่ยวกับถึงปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยนอกเหนือไปจากบทบาทของนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์แล้ว เธอยังมีอีกบทบาทหนึ่งคือการเป็นนักเขียนนิยายอีกด้วย

ความสนใจในด้านนี้ทำให้เธอตัดสินใจเข้าฝึกงานกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ในฝ่ายรณรงค์เชิงสาธารณะ (Public Campaign) โดยคาดหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเข้าใจและการรับรู้ถึงปัญหาการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ในช่วงแรกของการฝึกงานเธอได้เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจถึงบทบาทและความสำคัญของแคมเปญ Write for Rights หรือ เขียน เปลี่ยน โลก แคมเปญรณรงค์ระดับโลกที่ชักชวนให้ผู้คนเขียนจดหมายและโปสการ์ดถึงผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ก่อนที่เธอจะใช้ทักษะในฐานะนักเขียน และนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ผู้ชื่นชอบในการหาข้อมูล มารังสรรค์เป็นบทความแนะนำแคมเปญดังกล่าว
เธอเล่าต่อว่า DNA ของการทำงานฝ่ายรณรงค์เชิงสาธารณะคือการสร้างสรรค์กิจกรรมที่ทำให้คนธรรมดาสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับการรณรงค์ หรือแคมเปญของแอมเนสตี้ โดยงานเขียนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการชักชวนผู้คนให้เกิดความสนใจต่อกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญ ‘Write for Rights หรือ เขียน เปลี่ยนโลก’ ‘Free Ratsadon’ หรือ ‘เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน’ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกออฟไลน์ ทำให้เธอมีอีกหนึ่งบทบาทเพิ่มเข้ามา นั่นคือการเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลกิจกรรม
เธออธิบายถึงเวิร์กชอปหนึ่งที่เธอรู้สึกประทับใจ ซึ่งมีชื่อว่า ‘AN UNTOLD FLORAL WORKSHOP’ ซึ่งเป็นเวิร์กชอปแรกที่เธอได้ร่วมจัดกิจกรรมในฐานะนักศึกษาฝึกงาน โดยเวิร์กชอปดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้แคมเปญ FREE RATSADON ที่ชักชวนให้ผู้คนร่วมกันเขียนจดหมายถึงผู้ถูกคุมขังในเรือนจำ จากการใช้งสิทธิขั้นพื้นฐานของตัวเอง อย่างสิทธิในเสรีภาพการแสดงออก (Freedom of Expression)
โดยกิจกรรม ‘AN UNTOLD FLORAL WORKSHOP’ ได้ชักชวนผู้คนให้มาจัดช่อดอกไม้ในแบบ Natural Hand Tied ผนวกเข้ากับการเล่าความรู้สึกในเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพผ่านการแสดงออกผ่านการเขียนข้อความส่งต่อให้คนที่รัก รวมไปถึงการเขียนให้กำลังใจนักกิจกรรมและนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจและสร้างความหวังแก่มนุษย์ทุกคน
เจนจิราเล่าว่า การทำงานในแคมเปญดังกล่าว เป็นประสบการณ์ที่ดีในการได้เรียนรู้กระบวนการจัดงาน ตั้งแต่ การศึกษาที่มาที่ไปของกิจกรรม การทำคอนเทนต์ประชาสัมพันธ์ การจัดเตรียมงาน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตลอดจนทำคอนเทนต์สรุปผลของกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ผลลัพธ์ของกิจจกรรม ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หาในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ได้
“ที่ผ่านมาเรายังขาดประสบการณ์ในการสร้างการมีส่วนร่วมกับคนภายนอก ที่เป็นคนที่เราไม่รู้จัก แต่จากการที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในฐานะนักศึกษาฝึกงานที่ร่วมจัดกิจกรรมนี้ เราได้รู้กระบวนการขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ อย่างละเอียด จึงรู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ทำงานที่ดีมากๆ” เธอเล่าถึงความรู้สึก
การได้ทำงานร่วมกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยยังทำให้มุมมองที่มีต่อคำว่า “สิทธิมนุษยชน” ของเธอเปลี่ยนไป จากที่เคยมองสิทธิมนุษยชนเป็นเพียงสิทธิขั้นพื้นฐานที่ไม่สามารถถูกรบกวนหรือถูกละเมิดเพื่อให้ชีวิตสามารถดำเนินต่อไปได้ด้วยอย่างมีเสรีภาพแต่การได้ก้าวเข้ามาเป็นนักศึกษาฝึกงานในองค์กรที่ทำงานเพื่อขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชน ทำให้เธอได้โฟกัสกับประเด็นนี้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก สิทธิในการเรียกร้องอย่างสงบ ทำให้เธอเข้าใจถึงความสำคัญของสิทธิเหล่านี้อย่างถ่องแท้
ในฐานะของคนรุ่นใหม่ที่ยังอยู่ในวัยเรียน และมีความเข้าใจเกี่ยวกับความสนใจของคนวัยเดียวกัน เจนจิราได้เรียนรู้ที่จะการประยุกต์ใช้เทรนด์เพื่อดึงดูดให้คนเข้าร่วมกิจกรรมและแคมเปญ และได้นำความเป็นตัวเองมาผสมผสานในกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกประเด็นหรือการออกแบบเวิร์กชอป
“หากเราชอบฟังเพลงสากลและมีความชื่นชอบในศิลปินอย่าง Taylor Swift การนำสไตล์การฟังเพลงหรือแนวคิดเหล่านี้มาปรับใช้ในการออกแบบกิจกรรม ก็จะสามารถช่วยดึงดูดคนที่มีความสนใจคล้าย ๆ กันเข้ามาร่วมกันสร้างชุมชนที่มีความชอบเหมือนกัน” เธอกล่าว
ชสุดท้าย เจนจิราได้ฝากถึงคนที่สนใจในประเด็นสิทธิมนุษยชนด้านต่างๆ ที่มองเห็นถึงความสำคัญของการเรียกร้องความเท่าเทียมและเสรีภาพในสังคม และอยากที่จะร่วมขับเคลื่อนปกป้องสิทธิมนุษยชน ให้ลองมาร่วมงานกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย โดยหวังว่าคนที่มีโอกาสจะได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่าและมีความหมายในการเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องสิทธิมนุษยชน
“สำหรับใครที่อยากได้ประสบการณ์จริงในงานด้านสิทธิมนุษยชนที่ลึกซึ้งและมีความหมาย เชิญชวนให้มาร่วมงานกับแอมเนสตี้ไม่ว่าจะเป็นการสมัครเป็นอาสาสมัครหรือฝึกงาน คุณจะได้ทำงานร่วมกับทีมงานที่มีความมุ่งมั่นในการปกป้องสิทธิและทำให้โลกนี้เป็นที่ที่ดีกว่าเดิม” เธอกล่าวทิ้งท้าย

สุดท้าย เธอได้ฝากถึงคนที่สนใจในประเด็นสิทธิมนุษยชนด้านต่างๆ ที่มองเห็นถึงความสำคัญของการเรียกร้องความเท่าเทียมและเสรีภาพในสังคม และอยากที่จะร่วมขับเคลื่อนปกป้องสิทธิมนุษยชน ให้ลองมาร่วมทำงานกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย โดยหวังว่าคนที่มีโอกาสจะได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่าและมีความหมายในการเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องและคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์
“สำหรับใครที่อยากได้ประสบการณ์จริงในงานด้านสิทธิมนุษยชนที่ลึกซึ้งและมีความหมาย เชิญชวนให้มาร่วมงานกับแอมเนสตี้ไม่ว่าจะเป็นการสมัครเป็นอาสาสมัครหรือฝึกงาน คุณจะได้ทำงานร่วมกับทีมงานที่มีความมุ่งมั่นในการปกป้องสิทธิและทำให้โลกนี้เป็นที่ที่ดีกว่าเดิม” เธอกล่าวทิ้งท้าย