สิทธิมนุษยชน คืออะไร?
สิทธิมนุษยชน คือ สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เป็นของพวกเราทุกคน ไม่ว่าเราจะเป็นใคร หรืออยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ไม่ว่าคุณจะมีความเชื่ออะไร หรือใช้ชีวิตแบบไหนก็ตาม
สิทธิมนุษยชนไม่สามารถถูกพรากไปได้ แต่บางครั้งสิทธิมนุษยชนอาจถูกจำกัด เช่น ถ้าคุณทำผิดกฎหมาย หรือกระทำการที่อาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ทั้งนี้ สิทธิมนุษยชนนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณค่าความเป็นมนุษย์ เช่น ความมีศักดิ์ศรี ความยุติธรรม ความเท่าเทียม ความเคารพ และความเป็นอิสระ นอกจากนี้สิทธิมนุษยชนนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่แนวคิดที่เป็นนามธรรมเท่านั้น เพราะสิทธิมนุษยชนคือแนวคิดที่ได้รับการนิยาม และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (The Universal Declaration of Human Rights)
ในปี 2491 หลังเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง องค์การสหประชาชาติได้กำหนดปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขึ้นเพื่อเป็นกรอบในการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ได้แบ่งสิทธิและเสรีภาพออกเป็น 30 หมวด เช่น สิทธิในการแสวงหาที่ลี้ภัย สิทธิในการมีเสรีภาพจากการทรมาน สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และสิทธิในการศึกษา
ไม่มีใครสามารถพรากสิทธิและเสรีภาพนี้ไปจากเราได้ เพราะสิทธิและเสรีภาพนี้เป็นของพวกเราทุกคน
นับตั้งแต่มีการกำหนดปฏิญญานี้ขึ้นเมื่อเจ็ดสิบปีที่แล้ว ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนได้ถูกใช้เป็นรากฐานของกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศทุกฉบับ
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน มีอะไรบ้าง?
สิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นสิทธิที่ทุกคนควรจะได้รับในฐานะประชาชนของรัฐ ซึ่งจะได้มาตั้งแต่กำเนิด และเป็นสิทธิที่ไม่สามารถพรากออกไปได้ โดยสิทธิขั้นพื้นฐานจะเป็นสิ่งที่คอยช่วยให้ผู้คนมีชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งจะได้รับการรับรอง และคุ้มครองด้วยกฎหมาย สิทธิมนุษยชนมีคุณลักษณะเฉพาะ ซึ่งได้รับการยอมรับโดยประชาคมโลก ดังนี้
- มีความเป็นสากล: สิทธิมนุษยชนเป็นของมนุษย์ทุกคน
- พรากไปไม่ได้: สิทธิมนุษยชนไม่สามารถถูกพรากไปจากเราได้
- ไม่สามารถแบ่งแยกได้ เพราะสิทธิทุกสิทธิล้วนเกี่ยวข้องกัน: รัฐบาลไม่สามารถเลือกที่จะเคารพสิทธิใดสิทธิหนึ่งได้ สิทธิทุกสิทธิต้องได้รับการเคารพอย่างเท่าเทียมกัน
สิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยมีอะไรบ้าง?
สิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทย คือสิทธิที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญไทยและกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งครอบคลุมสิทธิและเสรีภาพที่สำคัญเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและคุณภาพชีวิตที่เหมาะสม สิทธิขั้นพื้นฐานหลัก ๆ ได้แก่
- สิทธิในความเป็นมนุษย์ คือการให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แก่บุคคล โดยห้ามไม่ให้ปฏิบัติต่อมนุษย์อย่างทาส หรือสัตว์ ซึ่งบุคคลจะกระทำการใดๆ ก็ได้ตามสิทธิเสรีภาพของตน แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
- สิทธิที่จะได้รับความเสมอภาค คือการที่บุคคลจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่าจะด้วยเพศ ศาสนา เชื้อชาติ อายุ หรือสถานภาพทางสังคมอื่นๆ
- สิทธิในทรัพย์สินส่วนบุคคล คือการที่บุคคลจะได้รับการคุ้มครองในทรัพย์สิน และมรดกของตน โดยจะมีใครมาเอาไปไม่ได้ หากแต่มีการเวนคืนเพื่อการพัฒนาผังเมือง คุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม หรือการป้องกันประเทศ ก็จะสามารถถูกเวนคืนได้ แต่จะต้องได้รับการชดเชยที่เหมาะสมอย่างเป็นธรรม และจะไม่สามารถถูกนำเอาไปได้โดยพลการ
- สิทธิในการศึกษาหาความรู้ โดยมนุษย์ทุกคนมีสิทธิ และเสรีภาพที่จะได้รับการศึกษา และการเรียนรู้ โดยมีรัฐเป็นผู้สนับสนุนให้ประชาชนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างน้อย 12 ปี เพื่อการพัฒนาบุคคล และเพื่อคุณภาพชีวิต
- สิทธิการรักษาพยาบาล ทุกคนในสังคมจะต้องได้รับการรักษาพยาบาล และสามารถใช้บริการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม โดยไม่มีการแบ่งแยก รวมทั้งจะต้องได้รับข้อมูลข่าวสาร และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคภัย ความเจ็บป่วย และสิทธิในการรักษาของตนด้วยเช่นกัน
- สิทธิในการรับรู้ข่าวสาร ประชาชนทุกคนล้วนมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นสาธารณะอย่างเท่าเทียม รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิต และความเป็นอยู่ เช่น การพัฒนาโครงการต่างๆ ตลอดจนมีส่วนที่จะได้แสดงความคิดเห็น หรือสามารถทำประชาพิจารณาได้
- สิทธิในการร้องทุกข์ หากบุคคลรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือเสียผลประโยชน์ในด้านใดด้านหนึ่ง ก็มีสิทธิที่จะฟ้องร้อง หรือเรียกคืนความเป็นธรรมให้แก่ตนเองได้
- สิทธิในการนับถือศาสนา ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้ โดยจะต้องไม่ขัดต่อความสงบ ความเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศชาติ
- สิทธิในการประกอบอาชีพ บุคคลมีอิสระที่จะเลือกประกอบอาชีพที่สุจริต โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย เพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ
สิทธิในทางการเมือง ประชาชนล้วนมีสิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง สามารถจัดกิจกรรมทางการเมือง ก่อตั้งพรรคการเมืองได้ ซึ่งการแสดงออก และการจัดกิจกรรมทางการเมืองจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทำไมคุณต้องสนใจสิทธิมนุษยชน?
สิทธิมนุษยชนไม่ได้เป็นเพียงแค่กฎหมาย แต่สิทธิมนุษยชนคือการตัดสินใจ และสิ่งที่เราประสบพบเจอในแต่ละวัน
ถ้าเรารู้สึกไม่ชอบใจในสิ่งที่รัฐบาลทำ ส่วนใหญ่แล้วพวกเราคงไม่รีรอที่จะเอาไปพูดกับเพื่อนไม่ว่าจะในอินเตอร์เน็ต หรือในร้านเหล้า การกระทำนี้อาจดูไม่มีความหมาย แต่มันคือสิทธิมนุษยชน คือ สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก
โดยส่วนใหญ่แล้วคนจะไม่ให้ความสำคัญมื่อมีการเคารพสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้น เด็กๆ หลายคนไม่ยอมตื่นนอนไปโรงเรียนทั้งๆ ที่พวกเขาได้รับสิทธิในการศึกษา แต่เด็กๆ ที่ต้องอพยพออกจากประเทศตัวเอง และถูกปฏิเสธไม่ให้ได้รับการศึกษาคงมีความสุขที่ได้ไปโรงเรียนทุกวัน
สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นภาคีสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว จำนวน 7 ฉบับ จากทั้งหมด 9 ฉบับ ทําให้ประเทศไทยมีพันธะผูกพันในการปฏิบัติตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี รวมไปถึงข้อตกลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการประชุมระดับโลก โดยองค์กรของรัฐที่มีหน้าที่หลักในการทำงานเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย คือ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน (พ.ศ. 2560) ได้ระบุถึงการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไว้หลายมาตราด้วยกัน เช่น ในมาตรา 4 นั้นระบุว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง” และ ในหมวดที่ 3 ซึ่งเป็นหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตราที่ 25 ถึง 49 ยังได้บรรยายขอบเขตของสิทธิและเสรีภาพของประชาชนไว้ในหลายด้านด้วยกัน เช่น ความยุติธรรมทางอาญา การศึกษา การไม่เลือกปฏิบัติ เสรีภาพในการแสดงออก การไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เป็นต้น
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดทำ แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งจัดทำฉบับแรกในปี 2551 ในขณะที่ฉบับปัจจุบันเป็นฉบับที่ 3 พ.ศ.2557-2561 โดยรัฐบาลได้จัดทำแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้นเพื่อให้ทุกภาคส่วนนําไปใช้ในการส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิของประชาชนในประเทศต่อไป
การต่อสู้กับการละเมิดสิทธิมนุษยชน
พวกเรามักละเลยความสำคัญของสิทธิมนุษยชน เพราะสิทธิมนุษยชนเป็นแนวคิดที่อยู่บนพื้นฐานของหลักการเรื่องความมีศักดิ์ศรี ความยุติธรรม ความเท่าเทียม ความเคารพ และความเป็นอิสระ หลายครั้งเราจะลุกขึ้นมาต่อสู้และให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนก็ต่อเมื่อสิทธิของเราถูกละเมิด
ในความเป็นจริง สิทธิมนุษยชนนั้นถูกละเมิดตลอดเวลา ยังมีคนนับพันทั่วโลกที่ไม่ได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม และถูกจำคุกเพียงเพราะความคิดหรือความเชื่อบางอย่างของพวกเขา อีกทั้ง พลเมืองยังตกเป็นเป้าโจมตีในสงคราม เด็กๆถูกบังคับให้ออกไปรบ การข่มขืนถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำร้ายคน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่ควรละเลยความสำคัญของสิทธิมนุษยชน และทำไมสิทธิมนุษยชนจึงควรถูกคุ้มครองตามกฎหมาย เพื่อที่เราจะได้เอาผิดและดำรงความยุติธรรมเมื่อรัฐหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งละเมิดสิทธิมนุษยชน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอมเนสตี้
บริจาคสนับสนุนแอมเนสตี้


