ใช้ชีวิตให้เป็นตัวเอง ส่งต่อโอกาสให้กันและกัน เสียงจาก…แคส ณัฐพล เมี้ยนปลิก ผู้บริจาคแอมเนสตี้ ประเทศไทย

ตัดสินใจบริจาคและเป็นผู้บริจาคมาเกือบ 1 ปี รู้สึกมีความสุขที่ได้เป็นส่วนเล็กๆ ในการสนับสนุน Transgender ให้มีโอกาส และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

แคส – ณัฐพล เมี้ยนปลิก

เช้าในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด หลายคนอาจมีเพลงโปรดเริ่มต้นวันเหมือนสวิตช์ที่เปิดความสงบให้หัวใจ แต่แน่นอนว่าในเมืองยังคงเร่งรีบ รถยังคงแน่นหนา หากเป็นวันธรรมดาที่ทุกคนต่างต้องเดินทางออกไปทำงาน แต่สำหรับ “แคส ณัฐพล เมี้ยนปลิก” แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปและผู้บริจาคของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ทุกเช้าของแคสคือการย้ำกับตัวเองว่า ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นเรา ได้ทำงานที่รัก และยังเผื่อพื้นที่เล็กๆ ในใจไว้ให้ผู้อื่น

“กิจกรรมที่ชอบที่สุดคือการฟังเพลง ตื่นมาก็ฟัง ขับรถไปทำงานก็ฟัง เลิกงานกลับบ้านก็ฟัง การฟังเพลงทำให้จิตใจสงบ และได้รู้จักศิลปินใหม่ๆ บางครั้งมีโอกาสได้ไปดูคอนเสิร์ตศิลปินที่ชื่นชอบ แล้วรู้สึกว่าชีวิตเติมเต็ม”

ประเทศไทยถูกพูดถึงเสมอว่าเป็นดินแดนที่มองเห็นคนข้ามเพศในแทบทุกอาชีพ ทว่า “การมองเห็น” มิได้แปลว่าทุกคนได้รับโอกาสเท่าเทียม ชีวิตจริงยังมีรอยกั้นบางๆ ที่กดทับความฝันของใครหลายคน เรื่องราวของแคสจึงไม่ใช่แค่บันทึกชีวิตประจำวันของแพทย์คนหนึ่ง หากเป็นภาพสะท้อนว่า การเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ควรเป็นเรื่องปกติของสังคม

“ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไร คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ ไม่ควรมีใครต้องถูกลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์เพียงเพราะเกิดมาแตกต่าง”

ดนตรี การเดินทาง และงานที่รัก

แคสเล่าว่าเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตหมดไปกับการทำงานในฐานะแพทย์ แต่ทุกช่องว่างระหว่างวันที่ได้ทำงานจะมีบทเพลงที่ชื่นชอบคอยประคองจิตใจทั้งในชีวิตประจำวันและหน้าที่การงาน “ทุกวันตื่นมาต้องฟังเพลง ขับรถไปทำงานก็ฟัง เลิกงานกลับมาก็ฟัง” แคสบอกว่าเสียงดนตรีพาให้ได้รู้จักกับศิลปินใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มความหมายเล็กๆ ให้ชีวิต และเมื่อมีวันหยุดยาว แคสเลือกเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะเชื่อว่าการออกไปท่องโลกกว้าง จะทำให้กลับมามีแรงใจดูแลผู้คนต่อไป

“ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเราเอง ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้ทำตามความฝัน ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขแล้ว”

ความทรงจำในโถงโรงพยาบาล

เส้นทางอาชีพที่ดูมั่นคงไม่ได้เริ่มต้นอย่างราบเรียบ ปีแรกของการฝึกงาน แคสถูกสั่งห้ามแต่งกายตามเพศวิถีที่เป็นในโรงพยาบาล คำสั่งสั้นๆ แต่ทิ้งรอยยาวนาน “ตอนนั้นเราไม่เข้าใจ ทำไมไม่มองเราที่การทำงานมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก” กฎระเบียบอาจรักษาความเป็นระเบียบของสถานที่ แต่ไม่ควรถูกใช้เป็นกำแพงกั้นศักดิ์ศรีของผู้คน ท้ายที่สุด แคสตัดสินใจลาออกจากระบบราชการ เพื่อออกมาอยู่ในพื้นที่ทำงานที่เคารพตัวตนและให้คุณค่ากับความสามารถมากกว่าชุดที่สวม “คนเราทุกคนมีสิทธิในการเลือกใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และไม่ควรโดนลดทอนสิทธิ เพียงเพราะว่าเกิดมาเป็น Transgender” ประสบการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงเปลี่ยนเส้นทางอาชีพ แต่ทำให้เข้าใจชัดเจนว่า ความยุติธรรมต้องเริ่มจากพื้นที่เล็กที่สุดที่ซึ่งเรายืนอยู่ตอนนั้น

“ประเทศไทยขึ้นชื่อว่ามี Transgender ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เราพบเห็นในเกือบทุกอาชีพ แต่ยังน่าเสียดายที่ทุกคนไม่ได้รับโอกาสเท่าไหร่ บางพื้นที่ยังมีการกีดกัน แบ่งแยก และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ เพียงเพราะเกิดมาเป็น Transgender”

“คนเราทุกคนมีสิทธิในการเลือกใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ควรถูกลดทอนสิทธิ เพียงเพราะเกิดมาเป็น Transgender ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไร คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ ไม่ควรมีใครถูกลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์เพียงเพราะคุณเกิดมาแตกต่าง”

เหตุผลที่ทำให้แคสตัดสินใจเช่นนั้น เพราะการเห็นคนอื่นยังถูกลดทอนคุณค่าซ้ำๆ ทำให้ตระหนักว่าความยุติธรรมไม่ควรขึ้นกับมุมมองของใครคนเดียว และโอกาสไม่ควรเป็นของหายากในโลกที่มีความหลากหลายของผู้คน ไม่ว่าจะการใช้ชีวิตหรือการเป็นผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ

จากวันสตรีสากล สู่การยืนข้างสิทธิ

แคสรู้จักแอมเนสตี้จากการไปร่วมงานวันสตรีสากล International Women’s Day และตัดสินใจร่วมเป็นผู้บริจาคตั้งแต่นั้นมา เพราะเห็นว่าแอมเนสตี้ทำงานกับผู้คนที่หลากหลาย ทั้งวัย เพศ และประเด็นสิทธิมนุษยชนที่แตกแขนงออกไปในหลายแง่มุม หนึ่งในนั้นคือการสนับสนุนและส่งเสริมสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งกลุ่ม Transgender วันนี้ผ่านมาราวหนึ่งปี แคสบอกว่าการเป็นผู้บริจาคแอมเนสตี้ทำให้ตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า เงินจำนวนไม่มากนั้นเดินทางไปช่วยใครอย่างไรบ้าง แต่ท้ายที่สุดเพียงแค่เป็นส่วนหนึ่งในพลังเล็กๆ ในการขับเคลื่อนเรื่องสิทธิมนุษยชน ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขที่ได้ทำ

“ถึงแม้เงินบริจาคที่ให้แอมเนสตี้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็เชื่อว่าได้ช่วยเหลือสังคมจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”

ให้จากประสบการณ์ ให้ตามกำลัง

สำหรับใครที่ยังตัดสินใจอยู่ แคสชวนมองย้อนกลับไปยังวัยเด็ก ช่วงเวลาที่เราเคยฝ่าปัญหา ถ้าเราสามารถเป็นส่วนเล็กๆ ที่จะช่วยสังคมได้ ไม่อยากให้คิดมากเรื่องนี้ เพราะการบริจาคไม่ใช่การแข่งขัน ไม่ได้วัดกันที่จำนวน แต่คือการส่งต่อโอกาสในระดับที่ไหวและซื่อสัตย์ต่อชีวิตตัวเอง “เราสามารถบริจาคตามกำลังที่เราไหวได้เลย”

“ตัดสินใจบริจาคและเป็นผู้บริจาคมาเกือบ 1 ปี รู้สึกมีความสุขที่ได้เป็นส่วนเล็กๆ ในการสนับสนุน Transgender ให้มีโอกาส และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

“หลังจากเริ่มบริจาค คิดอยู่ตลอดว่าเงินที่เราให้ไปเป็นยังไงบ้าง แต่อย่างน้อยก็ได้ช่วยคนที่ถูกละเมิดสิทธิ เพราะตัวเราเองก็เคยผ่านความยากลำบากมาก่อน”

นี่คือเรื่องเล่าจากผู้บริจาคแอมเนสตี้ ประเทศไทยที่เชื่อในพลังความสม่ำเสมอ เชื่อว่า “โอกาส” ไม่ควรเป็นอภิสิทธิ์ของคนใดคนหนึ่งหรือเพศใดเพศหนึ่ง และเชื่อว่าการยืนข้างสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะเรื่องอะไร เริ่มจากการยืนข้างตัวเองให้มั่นคงก่อนได้เสมอ สามารถร่วมบริจาคสนับสนุนภารกิจแอมเนสตี้ ประเทศไทย ผ่านบัญชี สมาคมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 047-2-42617-5 หรือบริจาคออนไลน์ได้ที่: https://bit.ly/4dUfvUK เพื่อมาทำให้เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของทุกคน

ปกป้องเสรีภาพการแสดงออก

สิทธิของบุคคลทุกคนที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และการแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิในระดับสากลที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายระหว่างประเทศ

สนับสนุนความเท่าเทียม

เราทุกคนต้องได้รับการปกป้องจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งการแสดงออกตามอัตลักษณ์ทางเพศ รสนิยมทางเพศและเพศวิธี ภายใต้หลักการด้านสิทธิมนุษยชน