สิทธิมนุษยชนรอบโลกประจำสัปดาห์ 1 ตุลาคม – 7 ตุลาคม 2565

อินโดนีเซีย : สอบสวนการใช้แก๊สน้ำตาของตำรวจหลังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 130 รายหลังจากเหตุจลาจลในการแข่งขันฟุตบอล

2 ตุลาคม 2565

สืบเนื่องจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 130 รายหลังจากเหตุจลาจลในสนามกีฬากันจูรูฮันที่เมืองมาลัง จังหวัดชวาตะวันออก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

อุสมาน ฮามิด ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อินโดนีเซีย กล่าวว่า

“พวกเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของเหยื่อ ไม่ควรมีใครเสียชีวิตในการแข่งขันฟุตบอล”

อ่านต่อ: https://bit.ly/3ebKi56

———

เมียนมา : ผู้สร้างภาพยนตร์ญี่ปุ่นถูกจำคุกเป็นเวลาเจ็ดปีนับเป็นการโจมตีสื่ออิสระล่าสุด

6 ตุลาคม 2565

สืบเนื่องจากรายงานว่าศาลที่ทหารควบคุมในเมียนมาพิพากษานายโทรุ คุโบตะ ผู้สร้างภาพยนตร์ญี่ปุ่นให้รับโทษจำคุกเจ็ดปี

มิง ยู ฮาห์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานภูมิภาคฝ่ายรณรงค์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า

“คำตัดสินล่าสุดของกองทัพเมียนมาตอกย้ำชื่อเสียงของประเทศในฐานะประเทศที่มีการจำคุกนักข่าวมากที่สุดในโลก

อ่านต่อ: https://bit.ly/3CkbFCa

———

ฟิลิปปินส์ : การสังหารผู้บรรยายข่าววิทยุแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการวิสามัญฆาตกรรม

4 ตุลาคม 2565

วินเนอร์ ปาปา ผู้จัดการฝ่ายสมาชิกและนักกิจกรรม แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศ

ฟิลิปปินส์ เปิดเผยถึงกรณีการสังหารเพอร์ซี่ ลาปิด ซึ่งเป็นนักข่าวรายที่สองที่ถูกสังหารภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์

“การสังหารผู้ประกาศข่าววิทยุ เพอร์ซี่ ลาปิด แสดงให้เห็นถึงความน่าสลดใจอีกครั้ง ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นประเทศที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในโลกและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ล้มเหลวในการปกป้องนักข่าวและปกป้องสิทธิมนุษยชนรวมทั้งเสรีภาพสื่อ แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการวิสามัญฆาตกรรมและความพยายามที่จะปิดกั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล”

อ่านต่อ: https://bit.ly/3C5BZiY

———

ทวีปอเมริกา : รัฐบาลในภูมิภาคต้องใช้มาตรการเร่งด่วนในการแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันและการเลือกปฏิบัติ

3 ตุลาคม 2565

เพื่อต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมกันและการเลือกปฏิบัติ รัฐบาลในทวีปอเมริกาจะต้องใช้มาตราการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อรับประกันการได้รับสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในภูมิภาคอย่างเต็มที่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในจดหมายเปิดผนึกถึงประมุขของรัฐที่จะเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งองค์การรัฐอเมริกัน (OAS) ครั้งที่ 52 นอกจากนั้นยังต้องรับประกันความคุ้มครองของผู้ลี้ภัยและผู้อพยพที่ต้องเผชิญกับปัญหาความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติอย่างหนัก โดยมีพื้นฐานมาจากเพศสภาพ เชื้อชาติ หรือสัญชาติ ตลอดจนปัจจัยอื่นๆ

ตามที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้บันทึกไว้ การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้เน้นย้ำและทำให้ความไม่เป็นธรรมเชิงโครงสร้างที่ฝังอยู่ลึกในทวีปอเมริการุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งมีรากฐานมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ เชื้อชาติ และเพศสภาพ โดยผู้คนจำนวนมากในภูมิภาค ที่รวมทั้งผู้หญิง คนพื้นเมือง และผู้ที่มีเชื้อสายแอฟริกา เสียเปรียบในแง่ของสิทธิในชีวิต สุขภาพ การคุ้มครองทางสังคม และสิทธิในการเข้าถึงมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอและการทำงาน

อ่านต่อ: https://bit.ly/3V8eEpO

———

แคนาดา : การสร้างท่อส่งน้ำมันในเขตชนพื้นเมืองเป็นอันตรายต่อนักต่อสู้เพื่อที่ดินทำกิน

3 ตุลาคม 2565

กลุ่มนักต่อสู้เพื่อที่ดินทำกินเวทซูเวทเอ็นในแคนาดามีความเสี่ยงที่จะถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เนื่องจากมีรายงานว่าได้มีการเริ่มสร้างท่อก๊าซซีจีแอล (Coastal GasLink pipeline: CGL) ใต้ Wedzin Kwa (แม่น้ำมอร์ริส) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา

“การตัดสินใจอนุญาตให้มีการก่อสร้างท่อก๊าซซีจีแอลบนพื้นที่ของเวทซูเวทเอ็น โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมโดยสมัครใจล่วงหน้าและแจ้งข้อมูลต่อหัวหน้าของเวทซูเวทเอ็น นับว่าเป็นการละเมิดสิทธิชุมชนในการกำหนดอนาคตตนเองอย่างไร้ยางอายและยังเป็นก้าวถอยหลังที่น่าเศร้าในการเดินทางของแคนาดาในการไกล่เกลี่ยกับชนพื้นเมือง นอกจากนั้นการขยายตัวของการสกัดเชื้อเพลิงฟอสซิลและโครงสร้างพื้นฐานนับว่าเป็นการละเมิดต่อภาระผูกพันของแคนาดาในการปกป้องสิทธิมนุษยชนจากผลกระทบเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” เคตตี้ นิฟเวียบันดิ ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แคนาดา กล่าว

อ่านต่อ: https://bit.ly/3MiaWWv

———

เมียนมา : บริษัท Puma Energy ถอนตัวท่ามกลางการตรวจสอบการจัดหาเชื้อเพลิงการบิน

5 ตุลาคม 2565

สืบเนื่องจากการตัดสินใจของบริษัท Puma Energy ในการถอนตัวออกจากเมียนมาเกือบสองปีหลังจากการรัฐประหารในต้นปี 2564 มอนต์เซ เฟร์รัน นักวิจัยประเด็นธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า

“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลรับรู้ถึงการตัดสินใจของ บริษัท Puma Energy ในการย้ายออกจากประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการรณรงค์อันยาวนานโดยกลุ่มภาคประชาสังคมที่รวมถึง Burma Campaign UK และ Justice For Myanmar ที่ร่วมกับกลุ่มอื่นๆ ในการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับการจัดหาเชื้อเพลิงการบินที่อาจตกอยู่ในมือของกองทัพเมียนมา”

อ่านต่อ: https://bit.ly/3rDbPzv

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอมเนสตี้
บริจาคสนับสนุนแอมเนสตี้