GoT vs ชีวิตจริง : 5 ความจริงที่เลวร้ายยิ่งกว่าซีรี่ย์
22 เมษายน 2562
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
ภาพ Getty
แปลโดย Smiling Sun
ซีซั่น 8 ของซี่รี่ย์ Game of Thrones ที่รอคอยคอยกันมาอย่างยาวนานได้เริ่มฉายตอนแรกไปเมื่อวันที่ 15 เมษา ที่ผ่านมา โดยซีรี่ย์นี้ได้ช็อคคนดูมาตลอดด้วยความรุนแรงและฉากทางเพศ โดยเฉพาะกับผู้หญิงและเด็ก ทว่าโลกความเป็นจริงวันนี้มีสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าดินแดนเวสเทรอสหลายเท่าตัว
คำเตือน: บทความนี้เฉลยเนื้อหาของซีรี่ย์นี้ถึงตอนจบซีซั่น 2
1. การประหารชีวิต
Ned start prepares for an execution. Beheading is still used in Saudi Arabia. Photo credit: HBO / Sky Atlantic
Game of Thrones เริ่มต้นเรื่องราวจากตอนที่ขุนนางแดนเหนือ เน็ด สคาร์ค ประหารชีวิตทหารหนีทัพ แต่เพราะชะตาชีวิตตัวละครเรื่องนี้มันไม่เข้าใครออกใคร เจ็ดตอนต่อมาเน็ด สตาร์คก็สังเวยคมดาบกษัตริย์จอฟฟรีย์เสียเอง
เน็ด สตาร์ค กำลังเตรียมการประหาร โดยโทษตัดหัวยังคงถูกใช้ในซาอุดีอาระเบีย
แม้เรื่องนี้จะเต็มไปด้วยการประหัตประหาร แต่ยอดผู้เสียชีวิตในเวสเทรอสก็ยังต้องชิดซ้ายให้กับยอดประหารชีวิต 690 รายในปี 2018 ที่ผ่านมาตามรายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนล -- โดยยอดนี้ยังไม่รวมกับการประหารชีวิตในจีนที่เชื่อได้ว่ามีการสังหารในหลักพัน
วิธีประหารในหลายๆ ที่ทั่วโลกมีหลายอย่างเช่นการแขวนคอและฉีดยาพิษ ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียยังคงการประหารด้วยการตัดหัวอยู่
2. การทรมาน
Flaying people alive is a family tradition of the Boltons. In Saudi Arabia, blogger Raif Badawi has been living under sentence of flogging since 2014. Photo credit: HBO / Sky Atlantic
ที่มาของวิธีการทรมานที่โหดร้ายในซีรี่ย์ Game of Thrones ล้วนแต่สามารถหาได้ในชีวิตจริง ในปี 2019 โดยรายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้บันทึกการทรมานต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงซึ่งล้วนแต่คล้ายคลึงกับสารพัดวิธีที่ ธีออน เกรย์จอย ต้องเผชิญตลอดซีซั่น 2 ไม่ว่าจะเป็นการทุบตีและข่มขืนอย่างในลิเบีย บังคับให้ร้องเพลงในเวเนซุเอลา และการทรมานเด็กที่อวัยวะเพศในอียิปต์ หรือกระทั่งในเดือนนี้ที่บรูไนประกาศใช้การลงโทษปาหินคู่รักร่วมเพศและการตัดมือขโมย
วิถีตระกูลโบลตันคือการถลกหนังคนทั้งเป็น ส่วนในซาอุดีอาระเบีย นายราอิฟ บาดาวี ต้องโทษถูกเฆี่ยนทุกวันมาตั้งแต่ปี 2014
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังได้ออกรายงานการทรมานและล่วงละเมิดจากหลายๆ ที่รอบโลกที่มีวิธีการตั้งแต่การทุบตีข่มขืนไปจนถึงการทำร้ายเหยื่อด้วยสุนัข
3. การบังคับแต่งงานและความรุนแรงต่อผู้หญิง
The women in Game of Thrones rarely have a choice who they marry, a situation all too common for women and girls in the real world. Photo credit: HBO / Sky Atlantic
ซีรี่ย์ Game of Thrones ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากต่อฉากความรุนแรงทางเพศและผู้หญิง โดยมีทั้งฉากข่มขืน บังคับเป็นทาสทางความใคร่ หรือเป็นเหยื่อต่อความรุนแรงที่เจาะจงเพศ
สตรีชาวเวสเทรอสน้อยคนนักจะมีสิทธิเลือกคู่ครองของตัวเอง สถานการณ์ที่ผู้หญิงในชีวิตจริงหลายคนเองก็พบเจอเช่นกัน
ตัวละครเอกหลายตัวต้องถูกขายหรือบังคับให้แต่งงาน อย่างเช่นในตอนแรกสุดที่พี่ชายของแดเนรีส ทาร์เกเรียนบังคับเธอให้แต่งงานเพื่อสานต่อความทะเยอทะยานของเขา
แต่สิทธิสตรีในชีวิตจริงก็แทบจะไม่ได้ดีกว่ากันนัก รายงานของแอมเนสตี้จากสาธารณรัฐโดมินิแกนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาระบุว่าตำรวจลงโทษหญิงค้าประเวณีด้วยการข่มขืนและทรมานอย่างสม่ำเสมอ ส่วนในอิหร่านก็มีผู้สนับสนุนรัฐบาลทำการโจมตีผู้หญิงที่ประท้วงกฎบังคับสวมผ้าคลุมหัว
เราอาจจะไม่รู้สถิติจริงของการบังคับแต่งงาน แต่กลุ่ม GirlsNotBrides ระบุว่ามีผู้หญิงมากกว่า 650 ล้านคนที่แต่งงานก่อนอายุ 18 ปี หนึ่งในประเทศที่การบังคับแต่งงานยังคงแพร่หลายคือเบอร์กิน่า ฟาโซ โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2018 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนลมีรายงานมาว่ามากกว่าครึ่งของเด็กผู้หญิงในประเทศแต่งงานก่อนอายุ 18 ปี ในรายงานเดียวกันยังพบว่าเด็กหญิง 48 คนมีอาการแทรกซ้อนจากการขริบอวัยวะเพศหญิงภายในหนึ่งเดือน
แต่ผู้หญิงและเด็กทั้งในชีวิตจริงและเวสเทรอสกำลังลุกขึ้นตอบโต้ โครงการ #MeToo กระจายไปไกลจากจุดกำเนิดในลอสแองเจิลลิส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนลได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับสตรีชาวเนปาลสามคนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านความรุนแรงทางเพศในประเทศของพวกเธอ
4. การถูกสอดแนม
With characters like Littlefinger and their informants everywhere, there are few secrets in Game of Thrones. Photo credit: HBO / Sky Atlantic
ไม่มีถ้อยคำใดที่กล่าวในคิงส์แลนด์ดิ้งแล้วพ้นหูสายลับของลิตเติ้ลฟิงเกอร์ หรือเหล่านกน้อยของวาริสที่เล่าทุกเรื่อง “ที่สุดจะแปลกประหลาด” ให้เขาฟัง
เพราะตัวละครอย่างลิตเติ้ลฟิงเกอร์และสายลับของเขาที่แทรกซึมไปทุกที่ จึงมีเรื่องราวอันน้อยนิดที่เป็นความลับใน Game of Thrones
สายลับในวันนี้ไม่มีเหล่านกน้อยแต่อย่างใด แต่พวกเขามีโปรแกรมที่สามารถจับตาดูการสื่อสารบนโลกออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา
โปรเจ็คลับของกูเกิล “ดราก้อนฟลาย” ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรัฐบาลจีนสำหรับการสืบความลับผู้ใช้งานกูเกิลและช่วยต่อการเซ็นเซอร์ข้อมูลในประเทศ แม้ทางบริษัทกูเกิลจะถอยจากโครงการนี้เมื่อเดือนธันวาคม 2018 ทางบริษัทก็ยังไม่ได้ประกาศยกเลิกการพัฒนาอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
รายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เกี่ยวกับการเฝ้าจับตานักปกป้องสิทธิมนุษยชนในปากีสถานเปิดเผยถึงการจู่โจมพวกเขาทางดิจิตอล นักกิจกรรมตกเป็นเป้าของการส่งข้อความส่วนตัวที่เมื่อเปิดดู จะมีการจู่โจมเครื่องมือของพวกเขาด้วยมัลแวร์ หรือส่งต่อไปหน้าโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ปลอมแปลงขึ้นเพื่อขโมยรหัสผ่านโดยเฉพาะ
5. อาวุธชีวภาพและอาชญากรรมสงคราม
Greyworm, leader of child soldier army called the “Unsullied” Photo credit: HBO / Sky Atlantic
โลกยุคกลางใน Game of Thrones คือเขตสงครามที่มีการโจมตีพลเรือน อาวุธเคมีอย่าง “ไวล์ไฟร์” และกองทัพทาสที่ได้มาจากการลักพาตัวเด็ก นี่ยังไม่นับมังกรด้วยซ้ำ
เกร์ยวอร์ม หัวหน้ากองทัพทาสที่สร้างจากทหารเด็กนามว่า “ผู้ไร้มลทิน”
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังไม่เคยพบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยมังกรในปี 2019 แต่มีรายงานมากมายถึงอาชญากรรมสงครามอื่นๆ
หลักฐานใหม่ในปีที่แล้วระบุถึงการใช้อาวุธชีวภาพโดยรัฐบาลซีเรียแม้อาวุธดังกล่าวจะผิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีการใช้ก๊าซคลอรีนในเมืองซาราเค็บจนมีผู้บาดเจ็บสาหัส 11 คน จากการสัมภาษย์ผู้เห็นเหตุการณ์
อย่าให้ชีวิตจริงมาแข่งขันเรื่องความโหดร้ายและรุนแรงกับ Game of Thrones มาร่วมแสดงพลังและยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชนรอบโลกกันดีกว่า