ความเป็นมา
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2491 (ค.ศ.1948) สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (The Universal Declaration of Human Rights) และประกาศให้วันที่ 10 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันสิทธิมนุษยชนสากล (Human Rights Day) และนับตั้งแต่นั้นมากลไกและเครื่องมือด้านสิทธิมนุษยชนก็ได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อรับประกันการมีสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษยชาติและป้องกันมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้น ในวันสิทธิมนุษยชน ประชาคมต่างๆ ทั่วโลกจึงร่วมเฉลิมฉลองภายใต้แนวคิดหลักว่า “เราทุกคนเกิดมามีอิสระเสรี มีศักดิ์ศรี และสิทธิที่เสมอภาคกัน”
ในปัจจุบันคำว่า “สิทธิมนุษยชน” ได้มีการกล่าวถึงและนำไปใช้มากขึ้นในสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่ในบทละครหลังข่าวที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าคนจำนวนไม่น้อยไม่เข้าใจความหมายของคำดังกล่าวอย่างชัดเจนนัก จนหลายครั้งถูกนำไปสื่ออย่างผิดที่ผิดทาง ซึ่งนำไปสู่การมองเรื่องสิทธิมนุษยชนในแง่ลบ บ้างก็มองว่าสิทธิมนุษยชนเป็นแนวคิดตะวันตกที่แปลกแยก บ้างก็ว่าสิทธิมนุษยชนคือเสรีภาพอันไร้ความรับผิดชอบ บ้างก็อ้างสิทธิมนุษยชนเพื่อเอ่ยถึงสิทธิของตน ในขณะที่ไม่ยอมรับและเคารพในสิทธิของบุคคลหรือกลุ่มชนชาติอื่น เป็นต้น
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยซึ่งทำงานสื่อสารสาธารณะกับสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป เห็นว่าสื่อมวลชนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อประชาชนผู้เสพข่าวสารทั่วไป และมีสื่อมวลชนจำนวนไม่น้อยที่ทำหน้าที่ในการนำเสนอข่าวสารข้อเท็จจริงสู่สังคมและ ทำหน้าที่ในการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของคนทุกชนชั้นควบคู่กันไป ภายใต้ความเชื่อที่ว่า “ความยุติธรรมเพื่อทุกคน เพื่อทุกสิทธิ” (Justice for all rights for all people) อันมีความหมายว่า มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา เพศ หรือเป็นกลุ่มสังคมใด ก็ล้วนมีสิทธิมนุษยชนหรือสิทธิขั้นพื้นฐานทุก ๆ ประการที่จะทำให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ด้วยเล็งเห็นว่าสื่อมวลชนเหล่านี้เป็นบุคคลที่ควรได้รับการยกย่อง เพราะสื่อเหล่านั้นเป็นครูที่ดีในการร่วมกันบ่มเพาะคนในสังคมให้ตระหนักถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน และเคารพซึ่งกันและกันมากขึ้น และเพื่อให้การนำเสนอข่าวสารในเชิงปกป้อง ส่งเสริมประเด็นสิทธิมนุษยชนยังคงมีอยู่ต่อไปในสังคมไทย จึงเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างกำลังใจให้สื่อมวลชนที่ทำงานอย่างหนักในการนำเสนอข่าวสารในแง่มุมที่คำนึงถึงการเคารพ ส่งเสริม และปกป้องสิทธิมนุษยชน ด้วยการจัดมอบรางวัลสื่อมวลชนดีเด่นเพื่อสิทธิมนุษชน เพื่อสร้างความตระหนักให้กับคนในสังคม และสื่อมวลชนจะได้มีพลังในการยืนหยัดที่จะทำงานเพื่อปกป้องส่งเสริมสิทธิมนุษยชนต่อไป
วัตถุประสงค์
- เพื่อส่งเสริมให้สื่อมวลชนมีความตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิมนุษยชนและสนับสนุนการนำเสนอข่าวสารด้วยความเคารพ ส่งเสริม และปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
- เพื่อส่งเสริมการเคารพ และปกป้องสิทธิมนุษยชนให้เพิ่มมากขึ้นในสังคมไทย
ประเภทรางวัล
1.ข่าวและสารคดีเชิงข่าวประเภทสื่อสิ่งพิมพ์และออนไลน์
- รางวัลดีเด่น จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ
- รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ
หลักเกณฑ์การส่งผลงานเข้าประกวด
- ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องสื่อสารถึงความเคารพ ส่งเสริม และปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
- ผู้สื่อข่าว 1 คน สามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ 1 ชิ้น แต่ละสื่อสิ่งพิมพ์ส่งผลงานได้ไม่จำกัด กรณีข่าวชุดส่งได้ไม่เกิน 2 ชิ้น/เรื่อง (ในกรณีเกินกว่านั้นให้ส่งเป็นเอกสารแนบประกอบการพิจารณา)
- ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดต้องเป็นผู้ที่มีผลงานเผยแพร่ผ่านช่องทางของสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นนักข่าว คอลัมนิสต์ หรือฟรีแลนซ์ที่ผลิตเนื้อหาให้กับสื่อนั้น หรือเป็นผลงานที่ส่งโดยกองบรรณาธิการของสื่อโดยตรงก็ได้
- ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นผลงานที่ผลิตเองในกองบรรณาธิการหรือโดยนักข่าว คอลัมนิสต์หรือฟรีแลนซ์ของสำนักข่าวที่รายงานข่าวเป็นกิจลักษณะ และผลงานนั้นต้องไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งที่คัดลอกมาจากสื่ออื่นๆ
- หากเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ให้จัดทำสำเนาข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวตัวจริงเรียงลำดับตามวันเวลาโดยระบุวันที่ตีพิมพ์ทุกฉบับ แล้วส่งมาในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล (.jpg, .png หรือ .gif) พร้อมสำเนาเนื้อหาลงในหน้ากระดาษ A4 ความยาวรวมไม่เกิน 8 หน้า (ตัวอักษร Cordia New ขนาด 16) และแนบบทสรุปย่อของข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวนั้นมาด้วย โดยระบุถึงวัตถุประสงค์ที่จัดทำผลงานชิ้นนี้ เบื้องหลังการผลิตผลงาน ผลงานชิ้นนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับประเด็นสิทธิมนุษยชนและมีคุณค่าต่อสังคมอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร วันและเวลาที่เกิดข่าวดังกล่าว/วัน เวลา ช่องทางการเผยแพร่ ชื่อและเบอร์ติดต่อผู้ส่งผลงาน
- ข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่ตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ที่ตีพิมพ์ในประเทศไทย (ทั้งหนังสือพิมพ์ระดับชาติ หนังสือพิมพ์ระดับท้องถิ่นและนิตยสาร) ด้วยภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศ (สำหรับข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวภาษาต่างประเทศ ผู้ส่งเข้าประกวดจะต้องแปลเป็นภาษาไทย และส่งสำเนาการแปลมาพร้อมกับชิ้นงานที่ส่งเข้าประกวดด้วย)
- หากเป็นสื่ออนไลน์ให้จัดทำสำเนาเนื้อหาข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวจากหน้าเว็บไซต์ลงในหน้ากระดาษ A4 ความยาวรวมไม่เกิน 8 หน้า (ตัวอักษร Cordia New ขนาด 16) ส่งมาพร้อม URL หรือลิงก์หน้าข่าวที่ส่งเข้าประกวด และแนบบทสรุปย่อของข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวนั้นมาด้วย โดยระบุถึงวัตถุประสงค์ที่จัดทำผลงานชิ้นนี้ เบื้องหลังการผลิตผลงาน ผลงานชิ้นนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับประเด็นสิทธิมนุษยชนและมีคุณค่าต่อสังคมอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร วันและเวลาที่เกิดข่าวดังกล่าว/วัน เวลา ช่องทางการเผยแพร่ ชื่อและเบอร์ติดต่อผู้ส่งผลงาน
- สำหรับข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวภาษาต่างประเทศ ผู้ส่งเข้าประกวดจะต้องแปลเป็นภาษาไทย และส่งสำเนาการแปลมาพร้อมกับชิ้นงานที่ส่งเข้าประกวดเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
- ข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่ส่งเข้าประกวดจะต้องมีระยะเวลาในการเผยแพร่/ตีพิมพ์ ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 31 ตุลาคม 2568
- สามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 พฤศจิกายน 2568
- ประกาศรายชื่อผลงานที่ติดโผเข้าชิงวันที่ 23 ธันวาคม 2568
หลักเกณฑ์การพิจารณา
- จะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่มีลักษณะของข่าวที่ดีครบถ้วน สมบูรณ์เที่ยงตรงและไม่มีอคติ
- จะต้องเป็นข่าวที่ถือเอาเนื้อหาสาระเป็นคุณค่า มีประโยชน์และก่อให้เกิดผลกระทบหรือสร้างความเข้าใจในการให้ความสำคัญของสิทธิมนุษยชน อีกทั้งอยู่ในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์
- จะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่มีเนื้อหาสื่อสารถึงความเคารพ ส่งเสริม และปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
- ถ้าเห็นว่าไม่มีข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวใดดีเด่น คณะกรรมการตัดสินอาจจะให้รางวัลชมเชยหรือไม่ให้รางวัลเลยก็ได้
การตัดสิน ประกาศผล และมอบรางวัล
- การตัดสินของคณะกรรมการตัดสินซึ่งแต่งตั้งโดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ถือเป็นอันยุติ
- กรณีไม่มีข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวใดสมควรได้รับรางวัล คณะกรรมการตัดสินฯ อาจให้ได้รับรางวัลชมเชยหรืองดเว้นการให้รางวัลในแต่ละประเภทได้
- การประกาศผลการตัดสินและการมอบรางวัลจะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2569
คณะกรรมการตัดสินรางวัล
- สุภัตรา ภูมิประภาส มีเดีย อินไซด์ เอ้าท์
- ดร.พรรษาสิริ กุหลาบ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัย
- ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล ประธานกรรมการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
- สมชาย หอมลออ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายมูลนิธิผสานวัฒนธรรม
2. ข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวประเภทสื่อโทรทัศน์ (ความยาวรวมไม่เกิน 20 นาที)
- รางวัลดีเด่น จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ
- รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ
หลักเกณฑ์การส่งผลงานเข้าประกวด
- ผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่สื่อสารถึงความเคารพ ส่งเสริม และปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
- การผลิตจะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่ผู้ส่งเป็นผู้ดำเนินการผลิตเอง โดยแต่ละสถานีโทรทัศน์ส่งผลงานได้ไม่จำกัด แต่ผู้สื่อข่าว 1 คน สามารถส่งได้ 1 เรื่อง แต่ละสถานีโทรทัศน์ส่งได้ไม่จำกัดจำนวน โดยในแต่ละเรื่องอาจมีจำนวนผลงานมากกว่า 1 ชิ้นก็ได้ ทั้งนี้มีความยาวรวมของเรื่องไม่เกิน 20 นาที
- ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นไฟล์ mp.4 เท่านั้น โดยส่งพร้อม URL หรือลิงก์ผลงานที่ส่งเข้าประกวด พร้อมแนบบทสรุปย่อของข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวนั้นมาด้วย โดยระบุถึงวัตถุประสงค์ที่จัดทำผลงานชิ้นนี้ เบื้องหลังการผลิตผลงาน ผลงานชิ้นนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับประเด็นสิทธิมนุษยชนและมีคุณค่าต่อสังคมอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร วันและเวลาที่เกิดข่าวดังกล่าว/วัน เวลา และสถานีที่ออกอากาศ ชื่อและเบอร์ติดต่อผู้ส่งผลงาน
- ช่วงเวลาของผลงานจะต้องเป็นผลงานที่เผยแพร่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล หรือระบบเคเบิลท้องถิ่นในประเทศไทย ในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 31 ตุลาคม 2568 เท่านั้น
- สามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 พฤศจิกายน 2568
- ประกาศรายชื่อผลงานที่ติดโผเข้าชิงวันที่ 23 ธันวาคม 2568
หลักเกณฑ์การพิจารณา
- จะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่มีลักษณะคุณภาพของเนื้อหาสาระ คุณภาพของการผลิตและการนำเสนอ คุณค่าของผลงาน ความมีจริยธรรมในการเข้าถึงหรือได้มาซึ่งข้อมูล การผลิต และการนำเสนออย่างครบถ้วน
- จะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่ถือเอาเนื้อหาสาระเป็นคุณค่า มีประโยชน์และก่อให้เกิดผลกระทบหรือสร้างความเข้าใจในการให้ความสำคัญของสิทธิมนุษยชน
- จะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่มีเนื้อหาสื่อสารถึงความเคารพ ส่งเสริม และปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
- ถ้าเห็นว่าไม่มีข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวใดดีเด่น คณะกรรมการตัดสินอาจจะให้รางวัลชมเชยหรือไม่ให้รางวัลเลยก็ได้
การตัดสิน ประกาศผล และมอบรางวัล
- การตัดสินของคณะกรรมการตัดสินซึ่งแต่งตั้งโดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ถือเป็นอันยุติ
- กรณีไม่มีข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวใดสมควรได้รับรางวัล คณะกรรมการตัดสินฯ อาจให้ได้รับรางวัลชมเชยหรืองดเว้นการให้รางวัลในแต่ละประเภทได้
- การประกาศผลการตัดสินและการมอบรางวัลจะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2569
คณะกรรมการตัดสินรางวัล
- สุภาพร โพธิ์แก้ว อดีตอาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สังกมา สารวัตร อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มหาวิทยาลัยศิลปากร
- ปองขวัญ สวัสดิภักดิ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ธีระพล อันมัย กรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยและ อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
3. ข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่นำเสนอในรูปแบบคลิปวิดีโอออนไลน์ (ความยาวรวมไม่เกิน 15 นาที)
- รางวัลดีเด่น จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ
- รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ
หลักเกณฑ์การส่งผลงานเข้าประกวด
- ผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่สื่อสารถึงความเคารพ ส่งเสริม และปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
- การผลิตจะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่ผู้ส่งเป็นผู้ดำเนินการผลิตเอง และผลงานนั้นต้องเผยแพร่ครั้งแรกในสื่อดิจิทัล (Digital First)
- ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน หรือองค์กรต่างๆ สามารถส่งผลงานเข้าประกวดในประเภทนี้ได้ทั้งสิ้น โดยผู้ส่งเข้าประกวด 1 คนสามารถส่งได้ 1 ผลงาน แต่ละสื่อหรือองค์กรสามารถส่งได้ไม่จำกัด
- ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นไฟล์ mp.4 เท่านั้น โดยส่งพร้อม URL หรือลิงก์ผลงานที่ส่งเข้าประกวด พร้อมแนบบทสรุปย่อของข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวนั้นมาด้วย โดยระบุถึงวัตถุประสงค์ที่จัดทำผลงานชิ้นนี้ เบื้องหลังการผลิตผลงาน ผลงานชิ้นนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับประเด็นสิทธิมนุษยชนและมีคุณค่าต่อสังคมอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร วันและเวลาที่เกิดข่าวดังกล่าว/วัน เวลา ช่องทางการเผยแพร่ ชื่อและเบอร์ติดต่อผู้ส่งผลงาน
- ข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่ส่งเข้าประกวดจะต้องมีระยะเวลาในการ เผยแพร่/ตีพิมพ์ ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 31 ตุลาคม 2568
- สามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 พฤศจิกายน 2568
- ประกาศรายชื่อผลงานที่ติดโผเข้าชิงวันที่ 23 ธันวาคม 2568
หลักเกณฑ์การพิจารณา
- จะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่มีลักษณะคุณภาพของเนื้อหาสาระ คุณภาพของการผลิตและการนำเสนอ คุณค่าของผลงาน ความมีจริยธรรมในการเข้าถึงหรือได้มาซึ่งข้อมูล การผลิต และการนำเสนออย่างครบถ้วน
- จะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่ถือเอาเนื้อหาสาระเป็นคุณค่า มีประโยชน์และก่อให้เกิดผลกระทบหรือสร้างความเข้าใจในการให้ความสำคัญของสิทธิมนุษยชน
- จะต้องเป็นข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวที่มีเนื้อหาสื่อสารถึงความเคารพ ส่งเสริม และปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
- ถ้าเห็นว่าไม่มีข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวใดดีเด่น คณะกรรมการตัดสินอาจจะให้รางวัลชมเชยหรือไม่ให้รางวัลเลยก็ได้
การตัดสิน ประกาศผล และมอบรางวัล
- การตัดสินของคณะกรรมการตัดสินซึ่งแต่งตั้งโดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ถือเป็นอันยุติ
- กรณีไม่มีข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวใดสมควรได้รับรางวัล คณะกรรมการตัดสินฯ อาจให้ได้รับรางวัลชมเชยหรืองดเว้นการให้รางวัลในแต่ละประเภทได้
- การประกาศผลการตัดสินและการมอบรางวัลจะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2569
คณะกรรมการตัดสินรางวัล
- ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และประธาน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
- ดร.พรรษาสิริ กุหลาบ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัย
- จิรวัฒน์ เอื้อสังคมเศรษฐ์ อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มหาวิทยาลัยศิลปากร
- ดร. วัชรฤทัย บุญธินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา และกรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย