GoT vs ชีวิตจริง : 5 ความจริงที่เลวร้ายยิ่งกว่าซีรี่ย์

ซีซั่น 8 ของซี่รี่ย์ Game of Thrones ที่รอคอยคอยกันมาอย่างยาวนานได้เริ่มฉายตอนแรกไปเมื่อวันที่ 15 เมษา ที่ผ่านมา โดยซีรี่ย์นี้ได้ช็อคคนดูมาตลอดด้วยความรุนแรงและฉากทางเพศ โดยเฉพาะกับผู้หญิงและเด็ก ทว่าโลกความเป็นจริงวันนี้มีสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าดินแดนเวสเทรอสหลายเท่าตัว

คำเตือน: บทความนี้เฉลยเนื้อหาของซีรี่ย์นี้ถึงตอนจบซีซั่น 2

1. การประหารชีวิต

Ned start prepares for an execution. Beheading is still used in Saudi Arabia. Photo credit: HBO / Sky Atlantic

Game of Thrones เริ่มต้นเรื่องราวจากตอนที่ขุนนางแดนเหนือ เน็ด สคาร์ค ประหารชีวิตทหารหนีทัพ แต่เพราะชะตาชีวิตตัวละครเรื่องนี้มันไม่เข้าใครออกใคร เจ็ดตอนต่อมาเน็ด สตาร์คก็สังเวยคมดาบกษัตริย์จอฟฟรีย์เสียเอง

เน็ด สตาร์ค กำลังเตรียมการประหาร โดยโทษตัดหัวยังคงถูกใช้ในซาอุดีอาระเบีย

แม้เรื่องนี้จะเต็มไปด้วยการประหัตประหาร แต่ยอดผู้เสียชีวิตในเวสเทรอสก็ยังต้องชิดซ้ายให้กับยอดประหารชีวิต 690 รายในปี 2018 ที่ผ่านมาตามรายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนล — โดยยอดนี้ยังไม่รวมกับการประหารชีวิตในจีนที่เชื่อได้ว่ามีการสังหารในหลักพัน

 วิธีประหารในหลายๆ ที่ทั่วโลกมีหลายอย่างเช่นการแขวนคอและฉีดยาพิษ ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียยังคงการประหารด้วยการตัดหัวอยู่

2. การทรมาน

Flaying people alive is a family tradition of the Boltons. In Saudi Arabia, blogger Raif Badawi has been living under sentence of flogging since 2014. Photo credit: HBO / Sky Atlantic

ที่มาของวิธีการทรมานที่โหดร้ายในซีรี่ย์ Game of Thrones ล้วนแต่สามารถหาได้ในชีวิตจริง ในปี 2019 โดยรายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้บันทึกการทรมานต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงซึ่งล้วนแต่คล้ายคลึงกับสารพัดวิธีที่ ธีออน เกรย์จอย ต้องเผชิญตลอดซีซั่น 2 ไม่ว่าจะเป็นการทุบตีและข่มขืนอย่างในลิเบีย บังคับให้ร้องเพลงในเวเนซุเอลา และการทรมานเด็กที่อวัยวะเพศในอียิปต์ หรือกระทั่งในเดือนนี้ที่บรูไนประกาศใช้การลงโทษปาหินคู่รักร่วมเพศและการตัดมือขโมย

วิถีตระกูลโบลตันคือการถลกหนังคนทั้งเป็น ส่วนในซาอุดีอาระเบีย นายราอิฟ บาดาวี ต้องโทษถูกเฆี่ยนทุกวันมาตั้งแต่ปี 2014

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังได้ออกรายงานการทรมานและล่วงละเมิดจากหลายๆ ที่รอบโลกที่มีวิธีการตั้งแต่การทุบตีข่มขืนไปจนถึงการทำร้ายเหยื่อด้วยสุนัข

3. การบังคับแต่งงานและความรุนแรงต่อผู้หญิง

 The women in Game of Thrones rarely have a choice who they marry, a situation all too common for women and girls in the real world. Photo credit: HBO / Sky Atlantic

ซีรี่ย์ Game of Thrones ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากต่อฉากความรุนแรงทางเพศและผู้หญิง โดยมีทั้งฉากข่มขืน บังคับเป็นทาสทางความใคร่ หรือเป็นเหยื่อต่อความรุนแรงที่เจาะจงเพศ

สตรีชาวเวสเทรอสน้อยคนนักจะมีสิทธิเลือกคู่ครองของตัวเอง สถานการณ์ที่ผู้หญิงในชีวิตจริงหลายคนเองก็พบเจอเช่นกัน

ตัวละครเอกหลายตัวต้องถูกขายหรือบังคับให้แต่งงาน อย่างเช่นในตอนแรกสุดที่พี่ชายของแดเนรีส ทาร์เกเรียนบังคับเธอให้แต่งงานเพื่อสานต่อความทะเยอทะยานของเขา

แต่สิทธิสตรีในชีวิตจริงก็แทบจะไม่ได้ดีกว่ากันนัก รายงานของแอมเนสตี้จากสาธารณรัฐโดมินิแกนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาระบุว่าตำรวจลงโทษหญิงค้าประเวณีด้วยการข่มขืนและทรมานอย่างสม่ำเสมอ ส่วนในอิหร่านก็มีผู้สนับสนุนรัฐบาลทำการโจมตีผู้หญิงที่ประท้วงกฎบังคับสวมผ้าคลุมหัว

เราอาจจะไม่รู้สถิติจริงของการบังคับแต่งงาน แต่กลุ่ม GirlsNotBrides ระบุว่ามีผู้หญิงมากกว่า 650 ล้านคนที่แต่งงานก่อนอายุ 18 ปี หนึ่งในประเทศที่การบังคับแต่งงานยังคงแพร่หลายคือเบอร์กิน่า ฟาโซ โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2018 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนลมีรายงานมาว่ามากกว่าครึ่งของเด็กผู้หญิงในประเทศแต่งงานก่อนอายุ 18 ปี ในรายงานเดียวกันยังพบว่าเด็กหญิง 48 คนมีอาการแทรกซ้อนจากการขริบอวัยวะเพศหญิงภายในหนึ่งเดือน

แต่ผู้หญิงและเด็กทั้งในชีวิตจริงและเวสเทรอสกำลังลุกขึ้นตอบโต้ โครงการ #MeToo กระจายไปไกลจากจุดกำเนิดในลอสแองเจิลลิส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนลได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับสตรีชาวเนปาลสามคนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านความรุนแรงทางเพศในประเทศของพวกเธอ

4. การถูกสอดแนม

With characters like Littlefinger and their informants everywhere, there are few secrets in Game of Thrones. Photo credit: HBO / Sky Atlantic

ไม่มีถ้อยคำใดที่กล่าวในคิงส์แลนด์ดิ้งแล้วพ้นหูสายลับของลิตเติ้ลฟิงเกอร์ หรือเหล่านกน้อยของวาริสที่เล่าทุกเรื่อง “ที่สุดจะแปลกประหลาด” ให้เขาฟัง

เพราะตัวละครอย่างลิตเติ้ลฟิงเกอร์และสายลับของเขาที่แทรกซึมไปทุกที่ จึงมีเรื่องราวอันน้อยนิดที่เป็นความลับใน Game of Thrones

สายลับในวันนี้ไม่มีเหล่านกน้อยแต่อย่างใด แต่พวกเขามีโปรแกรมที่สามารถจับตาดูการสื่อสารบนโลกออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา

โปรเจ็คลับของกูเกิล “ดราก้อนฟลาย” ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรัฐบาลจีนสำหรับการสืบความลับผู้ใช้งานกูเกิลและช่วยต่อการเซ็นเซอร์ข้อมูลในประเทศ แม้ทางบริษัทกูเกิลจะถอยจากโครงการนี้เมื่อเดือนธันวาคม 2018 ทางบริษัทก็ยังไม่ได้ประกาศยกเลิกการพัฒนาอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

รายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เกี่ยวกับการเฝ้าจับตานักปกป้องสิทธิมนุษยชนในปากีสถานเปิดเผยถึงการจู่โจมพวกเขาทางดิจิตอล นักกิจกรรมตกเป็นเป้าของการส่งข้อความส่วนตัวที่เมื่อเปิดดู จะมีการจู่โจมเครื่องมือของพวกเขาด้วยมัลแวร์ หรือส่งต่อไปหน้าโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ปลอมแปลงขึ้นเพื่อขโมยรหัสผ่านโดยเฉพาะ

5. อาวุธชีวภาพและอาชญากรรมสงคราม

 Greyworm, leader of child soldier army called the “Unsullied” Photo credit: HBO / Sky Atlantic

โลกยุคกลางใน Game of Thrones คือเขตสงครามที่มีการโจมตีพลเรือน อาวุธเคมีอย่าง “ไวล์ไฟร์” และกองทัพทาสที่ได้มาจากการลักพาตัวเด็ก นี่ยังไม่นับมังกรด้วยซ้ำ

เกร์ยวอร์ม หัวหน้ากองทัพทาสที่สร้างจากทหารเด็กนามว่า “ผู้ไร้มลทิน”

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังไม่เคยพบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยมังกรในปี 2019 แต่มีรายงานมากมายถึงอาชญากรรมสงครามอื่นๆ

หลักฐานใหม่ในปีที่แล้วระบุถึงการใช้อาวุธชีวภาพโดยรัฐบาลซีเรียแม้อาวุธดังกล่าวจะผิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีการใช้ก๊าซคลอรีนในเมืองซาราเค็บจนมีผู้บาดเจ็บสาหัส 11 คน จากการสัมภาษย์ผู้เห็นเหตุการณ์

อย่าให้ชีวิตจริงมาแข่งขันเรื่องความโหดร้ายและรุนแรงกับ Game of Thrones มาร่วมแสดงพลังและยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชนรอบโลกกันดีกว่า

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอมเนสตี้
บริจาคสนับสนุนแอมเนสตี้