ริตา คาราซาร์โตวา และจำเลยในคดีเคมเปียร์-อาบัดได้รับการตัดสินให้พ้นผิดแล้ว

การตัดสินให้พ้นผิดใน “คดีเคมเปียร์-อาบัด” ถือเป็นชัยชนะของความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน

มารี สตรูเทอร์ส ผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรปตะวันออกและเอเชียกลาง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า การพ้นผิดของจำเลยใน “คดีเคมเปียร์-อาบัด” เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ข้อกล่าวหาต่อพวกเขานั้นมีแรงจูงใจทางการเมือง คดีนี้ได้รับความเสียหายจากความไม่สอดคล้องกันและการละเมิดขั้นตอน และพวกเขาต้องทนรับการรักษาที่ไร้มนุษยธรรมเป็นเวลานานหลายเดือน รวมถึงการไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เพียงพอ กล่าวโดยสรุป คนเหล่านี้ไม่ควรถูกตั้งข้อหาและถูกดำเนินคดีตั้งแต่แรกจากการใช้สิทธิมนุษยชนโดยสงบ

“เราร่วมมือกับภาคประชาสังคมของคีร์กีซสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักปกป้องสิทธิมนุษยชนหญิงที่ทำงานอย่างหนักในคดีนี้ เราขอชื่นชมคำตัดสินที่เป็นธรรมนี้ และหวังว่าคำตัดสินดังกล่าวจะเป็นแบบอย่างสำหรับการปล่อยตัวบุคคลทุกคนที่ขณะนี้กำลังเผชิญกับการดำเนินคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมืองในคีร์กีซสถาน”

ขณะที่ ริตา คาราซาร์โตวา นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหนึ่งในจำเลยและบุคคลสำคัญของในแคมเปญ “เขียน เปลี่ยน โลก” ประจำปี 2566 (Write for Rights 2023) ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวกับองค์กรว่า “พวกเราไม่คาดไม่ถึงเลย เราร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น…เรารู้สึกขอบคุณมาก”

อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาต่อจำเลยใน  “คดีเคมเปียร์-อาบัด” มีแรงจูงใจทางการเมืองและตั้งอยู่บนข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลว่าพวกเขากำลังวางแผนก่อจลาจลครั้งใหญ่ คดีนี้ได้เน้นย้ำถึงประเด็นที่กำลังดำเนินอยู่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมและการปราบปรามสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกในคีร์กีซสถาน ซึ่งก่อนที่จะมีการตัดสินของศาลในกรณีนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้ออกแถลงการณ์ให้สื่อมวลชนพร้อมรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอมเนสตี้
บริจาคสนับสนุนแอมเนสตี้