หลังจากที่ทางการไทยส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์จำนวน 40 คนกลับไปยังประเทศจีนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ชาวอุยกูร์อีกห้าคนกำลังเสี่ยงต่อการถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน ซึ่งพวกเขาอาจถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ชายทั้งห้าคนได้เดินทางมายังประเทศไทยในปี 2557 เพื่อหลบหนีการประหัตประหาร ทางรัฐบาลไทยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศและคุ้มครองสิทธิของพวกเขา รวมถึงสิทธิในการได้รับการคุ้มครองระหว่างประเทศ

พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับอะไร?
ผู้ลี้ภัยชายชาวอุยกูร์ทั้งห้าคนได้เดินทางมายังประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2557 เพื่อหลบหนีการประหัตประหาร การเลือกปฏิบัติ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน ในจำนวนนี้ มีสองคนที่ยังเป็นเด็กอายุ 16 ปี พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ลี้ภัยกว่า 300 คน ซึ่งรวมถึงผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และผู้สูงวัย ที่ถูกเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัวระหว่างปฏิบัติการสองครั้งในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2557 โดยมีเป้าหมายเพื่อกวาดล้างค่ายที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำพาผู้ลี้ภัยเข้าเมือง จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวพวกเขาไปยังสถานกักตัวคนต่างชาติภายใต้พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองของประเทศไทย ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวบุคคลที่อยู่ในประเทศไทยโดยไม่มีเอกสารอนุญาต โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลาสูงสุดของการควบคุมตัว
คุณจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร?
ร่วมกับเรา: เขียนจดหมายเรียกร้องด้วยถ้อยคำของท่านเองหรือใช้จดหมายตัวอย่างด้านล่างนี้
ทำเนียบรัฐบาลถนนพิษณุโลกดุสิตกรุงเทพฯ 10300
โทรสาร: (+66) 2618 2358
อีเมล: [email protected]
เรียนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
สืบเนื่องจากเหตุการณ์การส่งกลับชาวอุยกูร์ 40 คนไปยังประเทศจีนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมาโดยประเทศไทย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน และได้ข้อสรุปถึงความคลุมเครือในการตัดสินใจของรัฐบาลไทยว่า เป็นการละเมิดพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างชัดเจน ทั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงข้อขัดแย้งกับ “หลักการการไม่ส่งกลับ” (non-refoulement) ตามอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่า
“ห้ามมิให้ส่งตัวบุคคลไปยังประเทศหรือเขตอำนาจศาลใด ที่ทำให้พวกเขาอาจเผชิญกับความเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง”
นอกจากนี้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังมีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยชายชาวอุยกูร์อีกห้าคนที่ยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม กรุงเทพฯ ซึ่งอาจเผชิญความเสี่ยงในการถูกบังคับส่งกลับไปยังประเทศจีนดังที่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว
เป็นเรื่องที่น่าหนักใจอย่างยิ่งที่ก่อนการเนรเทศชาวอุยกูร์จำนวน 40 ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทยได้ปฏิเสธคำร้องขอของพวกเขา ในการเข้าถึงบริการจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และไม่ได้รับโอกาสในการประเมินความต้องการด้านความคุ้มครองของตนเอง พวกเขา ถูกจำกัดการติดต่อกับครอบครัว และไม่มีสิทธิเข้าถึงทนายความ
ความล้มเหลวในการจัดการสิทธิมนุษยชน ตามหลักปฏิบัติตามมาตรฐานสากล แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องมีการการจัดตั้งกลไกการคัดกรองแห่งชาติขึ้นใหม่ของประเทศไทย เพื่อคัดกรองบุคคลที่ต้องการความคุ้มครองระหว่างประเทศ ดังนั้น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจึงขอให้รัฐบาลแสดงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และดำเนินมาตรการดังต่อไปนี้
- ประกันว่าผู้ลี้ภัยชายชาวอุยกูร์ห้าคนที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำกลางคลองเปรม จะไม่ถูกบังคับส่งกลับไปยังประเทศจีนหรือประเทศที่สามที่อาจส่งตัวพวกเขากลับไปยังจีน ซึ่งพวกเขามีความเสี่ยงอย่างแท้จริงต่อการถูกประหัตประหาร การทรมาน หรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง ขอให้รัฐบาลอนุญาตให้พวกเขาเข้าถึงกระบวนการพิจารณาคำขอลี้ภัยที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และเป็นธรรม รวมถึงได้รับการดูแลด้านสุขภาพที่เพียงพอและเหมาะสม และมีสิทธิเลือกทนายความของตนเอง
- สอบสวนการบังคับส่งกลับผู้ลี้ภัยชายชาวอุยกูร์ 40 คนไปยังประเทศจีน และให้ผู้ดำเนินการส่งกลับต้องรับโทษตามกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม
- ยุติการควบคุมตัวโดยพลการต่อผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ และดำเนินการ แก้ไขกฎหมายและระเบียบข้อบังคับให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
ขอแสดงความนับถือ
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอมเนสตี้
บริจาคสนับสนุนแอมเนสตี้