เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา อาวดา อัล-ฮาทาลีน (Awda Al-Hathaleen) นักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนชาวปาเลสไตน์คนสำคัญ ถูกยิงเสียชีวิตในเวลากลางคืน ที่หมู่บ้านอุมม์ อัล-เคฮีร์ (Umm Al-Kheir) เขตเวสต์แบงก์ ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล
เอริกา เกบารา-โรซาส (Erika Guevara-Rosas) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายงานวิจัย ผลักดันเชิงนโยบาย และรณรงค์จากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การสังหารอาวดา นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและคุณพ่อของลูกเล็กสามคน ถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมและเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ที่สะท้อนถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง
อาวดา อัล-ฮาทาลีน เคยแจ้งเตือนไปยังสมาชิกรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรเมื่อไม่นานมานี้ ถึงภัยคุกคามที่มีต่อชีวิตของเขา เขาควรได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม แต่กลับถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งเป็นผลสะท้อนจากนโยบายที่ต่อเนื่องของทางการอิสราเอล ที่มุ่งใช้กำลังและการกดดันเพื่อขับไล่ชุมชนชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่เวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง รวมถึงพื้นที่มาสเฟอร์ ยาตต้า
การที่ทางการอิสราเอลเพิกเฉยต่อการสอบสวนอย่างจริงจังและเป็นกลางต่อเหตุโจมตีที่ผู้ตั้งถิ่นฐานกระทำต่อชาวปาเลสไตน์ ถือเป็นความล้มเหลวโดยเจตนา จำเป็นต้องมีการสอบสวนในระดับนานาชาติทันทีและอย่างเป็นอิสระ การสอบสวนนี้ควรครอบคลุมทั้งกรณีการสังหารอาวดา อัล-ฮาทาลีน รวมถึงเหตุการณ์โจมตีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง และในเยรูซาเลมตะวันออก การสอบสวนต้องครอบคลุมบทบาทของทางการอิสราเอล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง หรือมีบทบาทในการสนับสนุนหรือเพิกเฉยต่อการใช้ความรุนแรงโดยผู้ตั้งถิ่นฐาน นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบถึงความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องของรัฐในการป้องกันไม่ให้เกิดการสังหาร การทำร้ายร่างกาย และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ต่อชาวปาเลสไตน์”
“เราขอเรียกร้องความยุติธรรมให้กับอาวดา อัล-ฮาทาลีน และขอให้ยุติการลอยนวลพ้นผิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งฝังรากลึกมายาวนานในพื้นที่ที่ถูกยึดครอง ซึ่งเป็นเหตุทำให้ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่เคยต้องรับผิดต่อความรุนแรงของผู้ตั้งถิ่นฐานที่ได้รับการหนุนหลังจากรัฐมาเป็นเวลานาน และยิ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการใช้ความรุนแรงมากขึ้นต่อชาวปาเลสไตน์ ซึ่งไม่ได้รับความคุ้มครองและไม่ได้รับความยุติธรรมใด ๆ การสังหารอาวดา อัล-ฮาทาลีนไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ต้องเป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้าย”
ข้อมูลพื้นฐาน
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 อาวดา อัล-ฮาทาลีนถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดขึ้นขณะที่ผู้ตั้งถิ่นฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เดินทางมาพร้อมกับรถปรับหน้าดิน และได้เข้ามาทำลายท่อระบายน้ำเสีย และยังไถกลบต้นมะกอกในหมู่บ้านอุมม์ อัล-ไคร์ (Umm Al-Kheir) ในมาสเฟอร์ ยาตต้า (Massafer Yatta) ชาวบ้านในพื้นที่ได้พยายามเข้ามาขัดขวาง ทำให้ชาวบ้านคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากรถไถ โดยเกิดอาการกระทบกระเทือนทางศีรษะอย่างรุนแรง
ในวันนี้ ยินอน เลวี (Yinon Levy) ผู้ตั้งถิ่นฐานที่มาจากชุมชนที่ผิดกฎหมายในเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง และเป็นบุคคลที่อยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกคว่ำบาตรโดยสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร ได้ถูกจับกุม เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อการสังหารครั้งนี้ หลังเข้ารับการพิจารณาจากศาล ศาลได้สั่งปล่อยตัวเขาเพื่อให้ไปขังในบ้าน การสอบสวนในเบื้องต้นของแอมเนสตี้ชี้ว่า มีผู้พบเห็นยินอนขณะที่กำลังใช้ปืนขู่ที่จะยิงใส่ชาวบ้าน ในขณะที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารอิสราเอลติดอาวุธอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีบุคคลอื่นที่อาจมีส่วนรับผิดชอบด้วยหรือไม่ รวมทั้งไม่ชัดเจนว่าผู้สมรู้ร่วมคิดที่เกี่ยวข้องกับการสังหารได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนหรือถูกจับกุมหรือไม่
ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 เป็นต้นมา ความรุนแรงจากผู้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนได้เก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องว่า เจ้าหน้าที่อิสราเอลมักไม่สามารถปกป้องชาวปาเลสไตน์ได้ และยังไม่ดำเนินคดีกับผู้กระทำความรุนแรงเหล่านั้น สถานการณ์ที่ชาวปาเลสไตน์ถูกบังคับให้ต้องเผชิญกับความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบ เป็นปัจจัยผลักดันให้ชาวปาเลสไตน์ตัดสินใจละทิ้งถิ่นฐานของตนเอง ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมสงครามเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายประชากรอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นำทั่วโลกจึงต้องเร่งเพิ่มแรงกดดันต่ออิสราเอล เพื่อให้ยุติการยึดครองดินแดนอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย และยกเลิกระบบแบ่งแยกเชื้อชาติและกดขี่ชาวปาเลสไตน์ พร้อมทั้งต้องรับประกันว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมระหว่างประเทศและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ จะต้องถูกนำตัวมาดำเนินคดีอย่างจริงจัง