แอมเนสตี้ ประเทศไทย จับมือ สวนกุหลาบ นนทบุรี ปักหมุด “ห้องเรียนสิทธิ” ในโรงเรียน 3 ปี ที่แรกในประเทศไทย ก้าวใหม่สิทธิมนุษยชนศึกษา

โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี จากนี้… ที่นี่จะไม่ได้มีเพียงบรรยากาศของการศึกษาแบบเดิมอีกต่อไป เพราะสถานศึกษาแห่งนี้อาจกลายเป็นประวัติศาสตร์ร์ลำดับต้นๆ ของแวดวงการศึกษาไทย ในเรื่องของการส่งเสริมการเรียนรู้เรื่อง “สิทธิมนุษยชนในรั้วโรงเรียนมัธยม” ตั้งแต่แรกเริ่มของการเติบโต 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จับมือกับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนให้กับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย นี่ถือเป็นครั้งแรกขององค์กรสิทธิมนุษยชนระดับโลก ที่ขยับขยายการทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา (Memorendum of Understanding หรือ MOU) จากมหาวิทยาลัยก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 

นี่ไม่ใช่แค่การเซ็น MOU ทั่วไป แต่คือก้าวสำคัญในการเริ่มต้นเรียนรู้สิทธิมนุษยชนผ่านเสียงของเยาวชนระหว่างที่พวกเขากำลังเติบโตและจะกลายเป็นกำลังสำคัญของประเทศ 

บัญชา ลีลาเกื้อกูล ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

“สวนกุหลาบนนท์” เน้นย้ำการเป็นโรงเรียนส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน 

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในสิทธิมนุษยชน หรือ MOU ครั้งนี้ มีระยะเวลาความร่วมมือ 3 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2571 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียน การสอน การพัฒนาบุคลากร นักเรียน และความร่วมมือทางวิชาการในด้านสิทธิมุษยชน โดยจะมีทั้งวิชาการในห้องเรียน กิจกรรมชมรมภายในโรงเรียน และการให้นักเรียนของโรงเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการด้านสิทธิมนุษยชน ผ่านการเข้ามาร่วมเป็นอาสาสมัครของ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน โดยหลังจากจบจากงานอาสาสมัคร นักเรียนที่ร่วมโครงการ จะได้รับประกาศนียบัตรจากทางแอมเนสตี้ ประเทศไทย ที่นอกจากจะเป็นเครื่องยืนยันถึงความุ่งมั่นในการเป็นหนึ่งของของบวนการขับเคลื่อนด้านสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังสามารถนำไปใช้เพื่อการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย  

“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนในสถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นการเตรียมความพร้อมให้เยาวชนมีความเข้าใจและตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพอย่างถูกต้องและสร้างสรรค์” 

ดังนั้นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ ภายใน 3 ปีข้างหน้านี้ แอมเนสตี้ ประเทศไทยและโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี จะดำเนินกิจกรรมสำคัญร่วมกัน ดังนี้ 

  • การแลกเปลี่ยนบุคลากร เครื่องมือ สื่อและเทคโนโลยีทางวิชาการ 
  • การส่งเสริมกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ 
  • การส่งสริมการพัฒนาองค์ความรู้และคุณวุฒิการศึกษาของบุคลากร 
  • การส่งเสริมกิจกรรมบริการวิชาการและพันธกิจ 
  • การส่งเสริมกิจกรรมชุมนุมนักประชาธิปไตยน้อย และชุมนุมบอร์ดเกมสังคมของนักเรียน 

เพราะสิทธิมนุษยชนไม่ใช่วิชา แต่คือประสบการณ์ชีวิต 

คำว่า “สิทธิมนุษยชน” อาจฟังดูไกลตัวเกินไปสำหรับนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นมันธยมศึกษาไม่ว่าจะตอนต้นหรือตอนปลาย แต่ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในสิทธิมนุษยชน ฉบับนี้ กำลังเสนอแนวทางใหม่ในการนำเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานมาเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของนักเรียน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์หลากรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นชมรมหรือการทำให้รั้วโรงเรียนเกิดพื้นที่ในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ส่งเสริมและให้ความรู้เรื่องสิทธิมนุษยชน อีกทั้งยังเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้พูด ได้คิด และได้ฝึกตั้งคำถามต่อสิ่งรอบตัวในชีวิตว่าเกี่ยวข้องกับสิทธิของตัวเองอย่างไร 

บัญชา ลีลาเกื้อกูล ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เน้นย้ำว่า ห้องเรียนสิทธิมนุษยชนศึกษา (Human Rights Education)  ไม่ใช่แค่ห้องเรียนเรื่องสิทธิที่เน้นหนักให้นักเรียนท่องจำเนื้อหาในตำราหรือตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน 30 ข้อเท่านั้น แต่ห้องเรียนสิทธิมนุษยชนของแอมเนสตี้ ประเทศไทย คือการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงและเป็นการฟังเสียงของผู้เรียนรู้แบบโอบรับทุกความคิดเห็นหรือข้อเสนอ บนเงื่อนไขของการเคารพกันและกัน 

หมุดหมายใหญ่ของการทำห้องสิทธิมนุษยชนคือการที่จะช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้นักเรียนทุกคนในห้องเรียนได้เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นผู้กำหนดทิศทางของสังคมในวันข้างหน้า เพื่อช่วยกันป้องกันกฎระเบียบที่ไม่เป็นธรรมและเลือกปฏิบัติกับเด็ก เยาวชน คนทั่วไป  

หัวใจของการเรียนรู้ไม่ใช่ผู้สอนเสมอไปแต่คือผู้เรียนรู้ที่สามารถทำร่วมกันได้ด้วย และเราต้องให้พื้นที่กับเสียงของเยาวชนที่จะบอกเราว่า โลกที่เขาอยากอยู่ควรเป็นแบบไหน”   

จากทฤษฎีสู่ชีวิตจริง การเรียนรู้ที่ขยับได้ 

การลงนาม MOU ฉบับนี้ไม่ใช่เพียงการปักหมุดทางกฎหมายเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนในรั้วโรงเรียน แต่คือการเปิดทางให้การเรียนรู้เรื่อง “สิทธิ” เคลื่อนไหวอยู่ในชีวิตประจำวันของนักเรียน ผ่านกิจกรรมที่จับต้องได้จริง โดยให้นักเรียนเรียนรู้การตั้งคำถามและได้ลองผิดลองถูกในโลกของสิทธิและเสรีภาพ โดยแอมเนสตี้ ประเทศไทย มองว่าสิทธิมนุษยชนศึกษาไม่ใช่แค่การศึกษาในห้องเรียนเท่านั้น แต่เป็นการนำเอากระบวนการความรู้นอกห้องเรียนมาหลอมรวมกันเพื่อหาวิธีการเรียนรู้ร่วมกันได้ระหว่างทางได้ในห้องเรียน 

ภายใต้แนวคิดนี้ การเรียนสิทธิมนุษยชนจึงไม่ใช่แค่การเรียนรู้ข้อกฎหมายระหว่างประเทศ หรือการจำคำว่า “สิทธิในชีวิต เสรีภาพ และความปลอดภัยของบุคคล” เท่านั้น แต่คือการฝึกคิดแบบมีเหตุผล เข้าใจความหลากหลาย เคารพเสียงที่แตกต่าง และสำรวจความเป็นธรรมในสังคมรอบตัวอย่างรอบด้าน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่เคารพในสิทธิมนุษยชนของผู้เรียน และมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนสามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้ และได้รับแรงบันดาลใจเพื่อลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิมนุษยชนของคนอื่นๆ ในสังคมได้อีกด้วย 

ความร่วมมือที่มีชีวิต: มากกว่าข้อตกลง แต่คือคำสัญญา 

ในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างสองหน่วยงาน แต่ยังเปิดทางสู่การสร้างกิจกรรมร่วมกัน พัฒนาศักยภาพของบุคลากร และกระตุ้นให้นักเรียนได้เข้าถึง “สิทธิ” ของตัวเองในฐานะพลเมืองคนหนึ่งในสังคมประชาธิปไตย นั่นทำให้การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือไม่ใช่แค่สอดแทรกความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนในหลักสูตรสิทธิมนุษยชนศึกษา แต่เป็นการวางโครงสร้างทางความคิดให้นักเรียนได้ฝึกใช้ความคิดอย่างเสรีและสร้างสรรค์ในรั้วโรงเรียน ขณะเดียวกันยังทำให้นักเรียนได้สัมผัสกับการอยู่ร่วมกันอย่างเคารพและไม่ละเมิดสิทธิซึ่งกันและกัน 

บัญชา บอกอีกว่าความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของแอมเนสตี้ ประเทศไทย และยืนยันว่าองค์กรจะดูแลและสนับสนุนนักเรียนของสวนกุหลาบ นนทบุรี ให้ได้มีพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชน ด้วยมาตรฐานขององค์กรที่ทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชนทั้งในไทยและทั่วโลก และถึงแม้ว่าห้องเรียนสิทธิมนุษยชนของแอมเนสตี้ดูจะเป็นเรื่องใหม่ในรั้วโรงเรียน แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี จะเป็นมากกว่าการทดลองเรื่องการให้ความรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนในระบบการศึกษาไทย  

เรามองว่าสิทธิมนุษยชนศึกษาไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงในห้องเรียน หากแต่ควรเปิดโอกาสให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง ผ่านกิจกรรมนอกห้องเรียน และร่วมกันค้นหารูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนมาก แอมเนสตี้เชื่อว่าผู้เรียนคือส่วนสำคัญของการเรียนรู้ และเยาวชนควรเป็นศูนย์กลางของการขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย 

การมีส่วนร่วมของเยาวชนไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้กับสังคม แต่ยังทำให้เราตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนในมิติของอนาคต เพราะเยาวชนในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ดังนั้น การลงนาม MOU ฉบับนี้ จึงถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเปิดพื้นที่การเรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนในระดับมัธยมศึกษา 

การศึกษาไม่เท่ากับโอกาส หากไร้ซึ่งสิทธิ 

ท่ามกลางความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษาไทย แอมเนสตี้ ประเทศไทย ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียนเป็นเรื่องสำคัญ ที่ไม่ใช่แค่เพื่อให้นักเรียนรู้จัก “สิทธิ” ของตัวเองอย่างเดียว แต่เพื่อให้พวกเขารู้ว่าเสียงของตัวเองมีคุณค่าและทรงพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างได้ นั่นคือความหวังและภาพฝันที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ร่วมกันวาดไว้บนพื้นฐานของความเชื่อว่า การศึกษาที่แท้จริง คือการปลดปล่อยศักยภาพของมนุษย์อย่างเสรีและมีศักดิ์ศรี” 

เรามองว่าสิทธิมนุษยชนศึกษาไม่ใช่แค่การเรียนในห้องเรียน แต่เป็นการนำกระบวนการความรู้นอกห้องเรียนมาผนวก เพื่อหาวิธีการเรียนรู้ร่วมกัน” 

แม้ว่าการเรียนรู้ในห้องเรียนจะเป็นฐานที่มั่นคงในเชิงทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติ เสียงของเยาวชนคือเสียงที่เราต้องฟังอย่างตั้งใจ เพื่อให้เราสามารถพัฒนาเนื้อหา หลักสูตร และกระบวนการเรียนรู้ด้านสิทธิมนุษยชนให้เหมาะสมกับบริบทของพวกเขาอย่างแท้จริง บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ คือหลักฐานความร่วมมือ ที่สะท้อนถึงความตระหนักรู้ร่วมกันในเรื่องสิทธิมนุษยชน 

บัญชา ลีลาเกื้อกูล ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย 

รู้จักและเรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนศึกษากับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เพื่อรู้จักเรื่องสิทธิมนุษยชนศึกษาว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ตัวฉัน ตัวคุณ ความตระหนักรู้ การเคารพ สิทธิ และความรับผิดชอบต่อสิทธิอย่างไร ได้ที่เว็บไซต์ https://hre.amnesty.or.th/  เพื่อมาทำให้เรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของทุกคน 

ปกป้องเสรีภาพการแสดงออก

สิทธิของบุคคลทุกคนที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และการแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิในระดับสากลที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายระหว่างประเทศ

สนับสนุนความเท่าเทียม

เราทุกคนต้องได้รับการปกป้องจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งการแสดงออกตามอัตลักษณ์ทางเพศ รสนิยมทางเพศและเพศวิธี ภายใต้หลักการด้านสิทธิมนุษยชน