แม่ผู้ลี้ภัย’ ผลกระทบทางเพศสภาพ แผลที่ถูกทำร้ายซ้ำจากความขัดแย้ง
บทบาทของผู้หญิงในฐานะแม่เป็นบทบาทซึ่งถูกยกย่องทั่วโลก ในฐานะผู้ให้กำเนิดชีวิต ปกป้องเลี้ยงดูบุตรของตน
บทบาทของผู้หญิงในฐานะแม่เป็นบทบาทซึ่งถูกยกย่องทั่วโลก ในฐานะผู้ให้กำเนิดชีวิต ปกป้องเลี้ยงดูบุตรของตน
วันนี้ (2 ก.ย. 58) ศาลจังหวัดเพชรบุรีอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ยกฟ้องคดีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญหรือนายบิลลี่ ชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย เนื่องจากผู้ร้องไม่มีพยานหลักฐานทำให้ศาลเชื่อได้ว่านายบิลลี่จะถูกอดีตหัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน ควบคุมตัวจริง
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่าการยกฟ้องคดีต่อนักข่าวสองท่านในไทยในการพิจารณาคดีที่มีการนำบางส่วนของบทความเกี่ยวกับการค้ามนุษย์มาตีพิมพ์ซ้ำ นับเป็นแนวโน้มที่น่ายินดีสำหรับเสรีภาพในการแสดงออก แต่อันที่จริงบุคคลทั้งสองไม่ควรต้องเข้ารับการไต่สวนตั้งแต่แรก
จากการที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้มีมติรับรองนโยบายคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของ Sex Workers(ผมขอใช้ทับศัพท์ไปก่อน) เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2558 ในการประชุม International Council Meeting ณ กรุงกรุงดับลิน สาธารณรัฐไอร์แลนด์ โดยมีผู้แทนจากทั่วโลก ซึ่งผมและคณะจากประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ซึ่งมติดังกล่าวเน้นไปที่การยกเลิกโทษทางอาญา(decriminalization)จึงมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยตามมาอย่างมากมาย และบางส่วนยังสงสัยในแนวนโยบายนี้ นั้น ผมจึงขอนำขอสงสัยที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้รับและประมวลเป็นคำถามคำตอบมาเสนอโดยย่อ ดังนี้
สำนักงานเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อัพเดทปฏิบัติการด่วนกรณีจับกุมนักศึกษาและนักกิจกรรมในประเทศไทย เรียกร้องสมาชิกทั่วโลกส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทย เรียกร้องทางการให้ยกเลิกข้อกล่าวหาต่อนักศึกษาและนักกิจกรรมเยาวชนทั้ง 16 คนที่ถูกตั้งข้อหาเนื่องจากการชุมนุมประท้วงอย่างสงบ โดยระบุว่าถึงแม้นักศึกษาและนักกิจกรรมทั้ง 14 คนซึ่งก่อนหน้านี้ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ ได้รับการปล่อยตัวแล้ว โดยพวกเขาและนักศึกษาอีกสองคนได้รับการประกันตัวออกมา แต่ทั้งหมดยังต้องเข้าสู่การพิจารณาคดีโดยศาลทหาร ซึ่งการรณรงค์ดังกล่าวจะมีไปถึงวันที่ 21 สิงหาคม 2558
สำนักงานเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกปฏิบัติการด่วนเรียกร้องสมาชิกทั่วโลกส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทย เรียกร้องทางการให้ปล่อยตัวนักศึกษาโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข และให้ยกเลิกข้อหากับนักศึกษาทั้งหมด โดยระบุว่านักศึกษาทั้ง 14 คน เป็นนักโทษทางความคิดที่ถูกจับกุมและตั้งข้อหาเพียงเพราะใช้สิทธิมนุษยชนของตนในการชุมนุมอย่างสงบ ซึ่งการรณรงค์ดังกล่าวจะมีไปถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2558
การลงโทษผู้ต้องหาด้วยการประหารชีวิต แม้แต่ในประเทศที่เจริญแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันว่าควรยกเลิกหรือมีต่อไปหรือไม่ โดยเฉพาะในประเด็นของความผิดพลาดในระบบการลงโทษประหารชีวิตซึ่งยังคงมีอยู่ ดังนั้น โทชิ คาซามะ ช่างภาพมืออาชีพเชื้อสายญี่ปุ่น จึงใช้ภาพถ่ายที่ทรงพลังของเขาโน้มน้าวให้คนดูตระหนักถึงระดับของความรุนแรงที่ไม่อาจรับได้ของโทษประหารชีวิต โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1996 และผลงานของเขาก็ถูกนำไปขยายผลสู่การปล่อยตัวผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนกว่า 100 คน หลังพบว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
การที่มีผู้ลี้ภัยชาวโรงฮิงญานับพันคนลอยเรืออยู่ในทะเลอันดามัน และอ่าวเบงกอลในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขณะนี้ ส่งผลให้เกิดการประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติโดย ซึ่งมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นเริ่มต้นมาจากประเทศพม่า ที่ซึ่งชาวโรฮิงญาถูกกดขี่และถูกเลือกปฏิบัติโดยรัฐบาลมานับสิบปี
สมาชิกแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลในประเทศไทย ยื่นจดหมายเปิดผนึกของเลขาธิการจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษถึงผู้นำประเทศต่างๆ โดยผ่านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ตัวแทนรัฐบาลไทยในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดภูมิภาคว่าด้วยการอพยพที่ไม่ปรกติ เพื่อสนับสนุนและยื่นข้อเสนอแนะในการร่วมมือกันหามาตรการระดับประเทศและภูมิภาคเพื่อการแก้ไขวิกฤตผู้ลี้ภัยในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งนำเสนอตัวเลขผู้สนับสนุนทั่วโลกในการรณรงค์ “ปฏิบัติการด่วน” เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่เผชิญความเสี่ยงอยู่กลางทะเลกว่า 6,000 คน โดยมีผู้สนับสนุนร่วมลงชื่อกว่า 27,000 คน ซึ่งรายชื่อดังกล่าวจะรวบรวมส่งถึงรัฐบาลที่เกี่ยวข้องต่อไป
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า การตัดสินใจของรัฐบาลอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย เรื่องการเปลี่ยนนโยบายผลักดันเรือผู้ลี้ภัยและคนเข้าเมือง ถือว่ามาถูกทางแล้ว แต่ยังขาดมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนต่อชีวิตอีกหลายพันคนที่ยังเสี่ยงภัยในทะเล และขาดแนวทางการแก้ไขจากต้นตอของปัญหา
สำนักงานเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกปฏิบัติการด่วนเรียกร้องสมาชิกทั่วโลกส่งจดหมายถึงรัฐบาลสามประเทศ เพื่อแสดงความห่วงใยกรณีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพหลายพันคนเสี่ยงต่อความตายอยู่กลางทะเลรอบประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซียหลังจากประเทศเหล่านี้ผลักดันเรือของพวกเขาออกไปหรือปฏิเสธไม่ให้เข้าชายฝั่ง โดยการรณรงค์ดังกล่าวจะมีไปถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2558
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องรัฐบาลของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเพิ่มความพยายามในการค้นหาและช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ผู้ลี้ภัยทางเรือหลายพันคนอยู่ในสภาพที่ยากลำบากและเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิต ในขณะที่มีเรืออีกลำหนึ่งขนผู้โดยสารซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้อพยพและผู้แสวงหาที่พักพิงหลายร้อยคนที่อยู่ในสภาพสิ้นหวัง และกำลังรอความช่วยเหลือจากบริเวณชายฝั่งของประเทศไทย