การปราบปรามการแสดงความเห็นอย่างเสรีในอาเซียน
ซีเอ็นเอ็นได้ลงบทความที่เขียนโดยรูเพิร์ต แอ็บบอต (Rupert Abbott) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยในเอเชียตะวันออกเฉียงและแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เกี่ยวกับการปราบปรามการแสดงความเห็นอย่างเสรีในอาเซียน
ซีเอ็นเอ็นได้ลงบทความที่เขียนโดยรูเพิร์ต แอ็บบอต (Rupert Abbott) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยในเอเชียตะวันออกเฉียงและแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เกี่ยวกับการปราบปรามการแสดงความเห็นอย่างเสรีในอาเซียน
รองผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องทางการไทยสอบสวนคดีคนร้ายยิง M79 ใส่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาล
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลระบุสถานการณ์การทรมานทั่วโลกยังวิกฤต ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการทรมานหรือการปฏิบัติที่โหดร้ายใน 141 ประเทศ พร้อมชี้ผลสำรวจความเห็นระดับโลกซึ่งครอบคลุมประชากรกว่า 21,000 คน ใน 21 ประเทศ จากทุกทวีป เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ให้ข้อมูลระบุว่ากลัวการทรมานหากต้องถูกควบคุมตัว กว่า 80% ต้องการให้มีกฎหมายที่เข้มงวดเพื่อคุ้มครองไม่ให้บุคคลถูกทรมาน อย่างไรก็ตามกว่า 1 ใน 3 เชื่อว่ามีความชอบธรรมที่จะทำการทรมานในบางกรณี
วันนี้ (14 พฤษภาคม 2557) สมาชิกแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลในประเทศไทยเดินทางไปพบ นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมยื่นจดหมายและ 9,674 รายชื่อผู้สนับสนุนให้ติดตามความคืบหน้าการหายตัวไปของ “บิลลี่” หรือนายพอละจี รักจงเจริญ หลังแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้ออก “ปฏิบัติการด่วน” (Urgent Action) ส่งถึงสมาชิกทั่วโลกให้เขียนจดหมายถึงรัฐบาลไทยเรียกร้องให้มีการสอบสวนการหายตัวไปของบิลลี่
แถลงการณ์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
ประเทศไทย: วาระครบรอบการจับกุมนักกิจกรรม
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์วันนี้ในช่วงที่ประเทศไทยจะได้รับการตรวจสอบรายงานสถานการณ์การทรมานในประเทศไทยจากคณะกรรมการต่อต้านการทรมานแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องรัฐบาลไทยต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อยุติการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายเพื่อกำหนดให้การทรมานเป็นความผิดอาญาอย่างหนึ่ง
ภาคประชาสังคมแถลงรายงานคู่ขนานการทรมานในประเทศไทย ชี้รายงานดังกล่าวจะทำให้เห็นถึงภาพรวมของสถานการณ์การทรมานทั้งจากของรัฐและภาคประชาสังคม โดยมีตัวแทนเข้าร่วมสังเกตการณ์การพิจารณารายงานประเทศไทยในวันที่ 30 เมษายน และ 1 พฤษภาคม 2557 ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
แม้หลายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนพยายามรณรงค์ยกเลิกโทษประหารชีวิต ด้วยเหตุผลที่ว่าโทษประหารชีวิตเป็นการละเมิดสิทธิที่จะมีชีวิตซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งงานวิจัยมากมายจากนานาประเทศได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโทษประหารชีวิตไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ กับการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของอาชญากรรม แต่ยังมีอีกหลายคำถามเกี่ยวกับโทษประหารชีวิต วันนี้จึงขอนำเสนอ 5 ความเชื่อและความจริงเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตที่คุณอาจยังไม่รู้ เพื่อเป็นการเปิดอีกหนึ่งมุมมองในประเด็นนี้
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยรายงานสถานการณ์โทษประหารชีวิตและการประหารชีวิตในปี 2556 พบว่าการประหารชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศ จีน อิหร่าน อิรัก ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐฯ ส่วนไทยยังคงเป็นหนึ่งใน 58 ประเทศที่ยังใช้โทษประหารชีวิต ในขณะที่แนวโน้มทั่วโลกมุ่งสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิต
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสะท้อนลักษณะการปกปิดความลับอย่างน่ากลัวเกี่ยวกับการประหารชีวิตในปี 2556 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลระบุในรายงานประจำปีว่าด้วยโทษประหารทั่วโลก
มีการประหารชีวิตอย่างน้อย 778 ครั้งใน 22 ประเทศ ในปี 2556 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลรายงานว่ามีการประหารชีวิตอย่างน้อย 682 ครั้งใน 21 ประเทศทั่วโลก