เสรีภาพในการแสดงออก


ภาพรวม

ข้อเท็จจริงสำคัญ

ข้อที่ 19

เสรีภาพในการแสดงออกได้รับการคุ้มครองภายใต้ขอที่ 19 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ


เสียงของคุณมีความหมาย คุณมีสิทธิที่จะพูดในสิ่งที่คุณคิด แบ่งปันข้อมูล และเรียกร้องโลกที่ดีกว่านี้ อีกทั้งคุณยังมีสิทธิที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับผู้มีอำนาจ และแสดงออกถึงความคิดเห็นเหล่านี้ผ่านการชุมนุมประท้วงโดยสงบ

การใช้สิทธิเหล่านี้โดยปราศจากความกลัวหรือถูกแทรกแซงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นหัวใจสำคัญของการมีชีวิตอยู่ในสังคมที่เปิดกว้างและเป็นธรรม สังคมที่ผู้คนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมและใช้สิทธิมนุษยชนของตนได้อย่างเต็มที่

ความคิดเห็นที่หลากหลายยังเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศและสังคมให้รุ่งเรืองและมีความสุข แต่ปัจจุบัน พื้นที่เสรีภาพในการแสดงออกของคนทั่วโลกกำลังลดลงอย่างมาก กฎหมายหลายฉบับถูกนำมาบังคับใช้เพื่อปิดกั้นเสรีภาพที่จะคิด พูด พิมพ์หรือเขียน

อีกทั้งรัฐบาลทั่วโลกยังคงจับกุมคุมขังผู้คนหรืออาจเลวร้ายยิ่งกว่านั้น เพียงเพราะพวกเขาแสดงความคิดเห็น แม้ว่ารัฐธรรมนูญของแทบทุกประเทศจะระบุถึงคุณค่าของ “เสรีภาพในการแสดงออก” ก็ตาม แต่แม่บ้านกลับถูกตั้งข้อหาเพราะโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก นักศึกษาถูกจับกุมเพียงเพราะยืนถือป้าย นักข่าวติดคุกเพราะเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจนดูเหมือนว่าเสรีภาพในการแสดงออกกำลังอยู่ในช่วงขาลง

รัฐบาลทั่วโลกมีหน้าที่ต้องคุ้มครองเสรีภาพของประชาชนและสร้างบทบัญญัติกฎหมายเพื่อคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก แต่ในทางปฏิบัติ เป็นที่ชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้น ประชาชนทั่วโลกหลายต่อหลายคนถูกจับกุมเพียงเพราะแสดงความเห็นที่ผู้มีอำนาจไม่ชอบใจ

อีกทั้ง รัฐบาลยังมีหน้าที่ในการห้ามปรามการพูดจาที่แสดงถึงความเกลียดชังหรือการปลุกปั่น แต่เจ้าหน้าที่รัฐหลายคนกลับใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง โดยการออกกฎหมายที่ทำให้เสรีภาพในการแสดงออกกลายเป็นอาชญากรรม สิ่งนี้มักจะดำเนินการภายใต้ข้ออ้างเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้าย ความมั่นคงแห่งชาติหรือศาสนา ในช่วงหลังมานี้ เสรีภาพในการแสดงออกถูกคุกคามมากขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อปราบปรามนักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหว รวมถึงองค์กรพัฒนาเอกชนหรือองค์กรภาคประชาสังคมและผู้ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและผู้อพยพ

วิธีที่รัฐบาลยอมรับหรืออดทนต่อมุมมองหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่พึงประสงค์ จะเป็นตัวชี้วัดที่ดีว่ารัฐบาลปฏิบัติต่อสิทธิมนุษยชนโดยรวมอย่างไร

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลให้การสนับสนุนผู้คนที่แสดงออกโดยสงบเพื่อปกป้องตนเองและผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวที่รายงานข่าวเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงโดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ผู้นำสหภาพแรงงานที่เปิดเผยสภาพการทำงานที่ย่ำแย่ หรือผู้นำชนเผ่าพื้นเมืองที่ปกป้องสิทธิในที่ดินของตนจากธุรกิจขนาดใหญ่ ในทำนองเดียวกัน เราก็พร้อมที่ปกป้องสิทธิในการแสดงออกโดยสงบของผู้ที่สนับสนุนฝ่ายธุรกิจขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงและนายจ้างหรือผู้ประกอบการเช่นกัน

เราถือว่าผู้ใดก็ตามที่ถูกจำคุกเพียงเพราะใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกโดยสงบและต้องกลายเป็นนักโทษทางความคิด (prisoner of conscience) เราเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวพวกเขาโดยทันทีและโดยไม่มีเงื่อนไข

ภาพรวมของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

พื้นที่สำหรับเสรีภาพในการแสดงออกยังคงถูกจำกัดมากขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค ในหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย เนปาลและปาปัวนิวกินี คนทำงานด้านสื่อต้องเผชิญกับความรุนแรงและการข่มขู่คุกคาม ในอัฟกานิสถาน มีการสั่งปิดสำนักงานของสื่อหลายแห่งเพิ่มขึ้น รวมถึงสถานีโทรทัศน์เอกชนสองแห่งซึ่งถูกสั่งระงับการออกอากาศเนื่องจากวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มตาลีบัน ขณะที่ผู้สื่อข่าวหลายคนในเมียนมาถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นระยะเวลานาน ในปากีสถาน มีผู้สื่อข่าวอย่างน้อยเจ็ดคนถูกสังหารจากการโจมตีโดยระบุเป้าหมายชัดเจน และอีกหลายสิบคนถูกจับกุมและดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

มีการออกกฎหมายใหม่ที่จำกัดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น บังกลาเทศ มาเลเซีย ปากีสถานและเวียดนาม ขณะที่ในศรีลังกา พระราชบัญญัติความปลอดภัยทางออนไลน์ฉบับใหม่ได้บัญญัติความผิดไว้โดยใช้ถ้อยคำที่คลุมเครือและให้อำนาจรัฐอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะถูกนำไปใช้เพื่อควบคุมและจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกมากยิ่งขึ้น ในอินเดีย กฎหมายฉบับใหม่ที่ออกมาแทนกฎหมายยุคอาณานิคมก็มีลักษณะที่จำกัดสิทธิเช่นกัน และทางการยังคงปล่อยให้มีกฎหมายที่มีความผิดฐานปลุกระดมหรือฐานยุยงปลุกปั่น ซึ่งถูกใช้เพื่อปิดปากหรือปราบปรามผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไว้เช่นเดิมต่อไป รัฐบาลจีนออกมาตรการใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในจีนแผ่นดินใหญ่ใช้คำแสลงหรือ “ถ้อยคำกำกวม” เพื่อหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ทางออนไลน์ ส่วนในฮ่องกง รัฐบาลได้ผ่านพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกง (Safe-guarding National Security Ordinance) ซึ่งมีการนิยามคำว่า “ความมั่นคงแห่งชาติ” และ “ความลับทางราชการ” ไว้อย่างกว้างขวางตามแบบเดียวกับกฎหมายที่ใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อมทั้งเพิ่มอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษที่รุนแรงยิ่งขึ้น

ผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในหลายประเทศต้องเผชิญกับการถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ในประเทศไทย ยังคงมีการพิจารณาคดีและการจำคุกนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและกฎหมายที่จำกัดสิทธิอื่นๆ ในกัมพูชา นักข่าวคนหนึ่งซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติจากการเปิดโปงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในขบวนการหลอกลวงทางไซเบอร์หรือพวกสแกมเมอร์ ถูกจับกุมและตั้งข้อหายุยงปลุกปั่น ในสิงคโปร์ ผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล รวมทั้งผู้ที่คัดค้านโทษประหารชีวิต ถูกบังคับให้ต้องโพสต์ข้อความ “แก้ไขข้อมูล” เนื่องจากการเผยแพร่ “ข้อมูลเท็จทางออนไลน์” ในลาว ศิลปินสองคนถูกควบคุมตัวจากการโพสต์เนื้อหาล้อเลียนในโซเชียลมีเดียที่วิพากษ์วิจารณ์สภาพถนนที่ย่ำแย่ ขณะที่ในจีน ศิลปินชื่อดังคนหนึ่งถูกควบคุมตัวเนื่องจากจากผลงานที่เขาทำขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นแสดงถึงการวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์

การควบคุมการสื่อสารทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างเข้มงวดในบางประเทศ ยิ่งทำให้การเข้าถึงข้อมูลถูกจำกัด และยังเป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกอย่างรุนแรง รัฐบาลเกาหลีเหนือยังคงสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนติดต่อกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงและอย่างต่อเนื่อง ในปากีสถานมีการจำกัดการใช้อินเทอร์เน็ตโดยพลการ ส่วนในบังกลาเทศและอินเดีย รัฐบาลได้สั่งตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นการชั่วคราวโดยอ้างว่าเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย แต่ในทางปฏิบัติกลับถูกใช้เพื่อปราบปรามผู้เห็นต่าง ในมาเลเซีย ผู้สร้างภาพยนตร์สองรายซึ่งเคยผลิตภาพยนตร์ที่ถูกสั่งห้ามฉาย ถูกดำเนินคดีในข้อหา “สร้างความกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกด้านศาสนา”

ยังคงมีความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสอดแนมข้อมูล ในอินโดนีเซีย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการขายและการใช้งานสปายแวร์ที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างรุนแรงอย่างแพร่หลายโดยหน่วยงานของรัฐและบริษัทเอกชน ในประเทศไทย ศาลได้มีคำสั่งยกฟ้องคดีที่นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยยื่นฟ้องบริษัท NSO Group ที่ขายผลิตภัณฑ์สอดแนมข้อมูลให้แก่รัฐบาลไทย เนื่องจากมีบทบาทในการสนับสนุนการใช้งานสปายแวร์เพกาซัส (Pegasus) ของบริษัทเพื่อเจาะระบบโทรศัพท์มือถือของพวกเขา

ความพยายามของบางรัฐบาลในการปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่ในต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นด้วย นักศึกษาจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงที่กำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศยังคงตกเป็นเป้าหมายของการสอดแนมและสอดส่องพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง ทางการฮ่องกงได้ออกหมายจับเพิ่มเติมและได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ พร้อมทั้งเสนอรางวัลนำจับแก่ผู้ให้เบาะแสที่สามารถนำไปสู่การจับกุม นอกจากนี้ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งเคยทำคดีการเมืองและถูกบังคับส่งกลับจากลาวไปยังจีนในปี 2566 ยังคงถูกควบคุมตัวเพื่อรอการพิจารณาคดี

ทำไมเสรีภาพในการแสดงออกจึงสำคัญ?

สิทธิของบุคคลทุกคนที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นเป็นสิทธิในระดับสากลที่ได้รับการรับรองไว้ในข้อที่ 19 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งกำหนดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่แต่ละคนพึงมี ต่อมา สิทธินี้ได้รับการรับรองและคุ้มครองทางกฎหมายผ่านสนธิสัญญาระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคหลายฉบับ

เสรีภาพในการแสดงออกเป็นพื้นฐานของความเจริญของสังคมและความงอกงามของปัจเจกบุคคล คุณภาพการศึกษา การสร้างและพัฒนาเทคโนโลยี ความก้าวหน้าของภาคธุรกิจและการเข้าถึงความยุติธรรม ล้วนมีพื้นฐานจากการที่บุคคลทุกคนในสังคมมีเสรีภาพที่จะพูด เขียน แลกเปลี่ยนหรือถกเถียงความคิดความเห็นต่างๆ ในพื้นที่สาธารณะ เพื่อให้ความคิดเหล่านั้นพัฒนาต่อยอดนำไปสู่ความรุ่งเรืองของสังคม

การปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกเป็นภารกิจหลักของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลมาโดยตลอด เจ้าหน้าที่และสมาชิกของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ต่างทำงานและรณรงค์ทั่วโลกเพื่อให้มั่นใจว่าเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนจะได้รับการคุ้มครอง พวกเราทำแคมเปญเพื่อปลดปล่อยนักโทษทางความคิดทั่วโลกที่ถูกจำคุกเพียงเพราะแสดงออกอย่างสงบในสิ่งที่พวกเขาเชื่อหรือสิ่งที่พวกเขากำลังปกป้องอยู่ พวกเราทำงานกับนักข่าว อาจารย์ ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่รัฐ นักเรียนนักศึกษาและนักกิจกรรมทั่วโลกเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถพูด คิดและเขียน เพื่อธำรงความถูกต้อง ความยุติธรรม เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนได้ และยังเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้มีอำนาจต้องรับผิดชอบ

เสรีภาพในการแสดงออกยังเป็นรากฐานของสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เช่น เสรีภาพในการคิด มโนธรรมและศาสนา อีกทั้งยังช่วยให้สิทธิเหล่านั้นเบ่งบานได้อย่างเต็มที่

เสรีภาพในการแสดงออกยังเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเสรีภาพในการสมาคมหรือสิทธิในการจัดตั้งและเข้าร่วมชมรม สมาคม สหภาพแรงงานหรือพรรคการเมืองร่วมกับผู้คนที่คุณเลือก และเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ หรือสิทธิในการเข้าร่วมการชุมนุมหรือการประชุมสาธารณะโดยสงบ

อย่างไรก็ตาม เสรีภาพเหล่านี้มักจะถูกโจมตีจากรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ เพราะรัฐบาลต้องการทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนเงียบลง

ตัวอย่างเช่น ในอียิปต์ตอนนี้ การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง ตลอดปี 2561 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมบุคคลอย่างน้อย 113 คน โดยอ้างเหตุผลที่ไร้สาระและไม่สมเหตุสมผลหลายประการ รวมถึงการล้อเลียน การทวีตข้อความ การสนับสนุนสโมสรฟุตบอล การประณามการล่วงละเมิดทางเพศ การตัดต่อภาพยนตร์และการให้สัมภาษณ์

ผู้ที่ถูกจับกุมมักถูกกล่าวหาว่าเป็น “สมาชิกของกลุ่มก่อการร้าย” และ “เผยแพร่ข่าวปลอม” พวกเขาถูกคุมขังเป็นเวลาหลายเดือนโดยไม่มีการพิจารณาคดี ส่วนคนที่ถูกนำขึ้นศาลในที่สุดก็จะถูกตัดสินโดยศาลทหาร ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าการพิจารณาคดีพลเรือนโดยศาลทหารนั้นไม่มีความเป็นธรรม ทั้งในอียิปต์ รวมถึงในประเทศอื่นๆ ด้วย

ประชาชนที่แสดงออกอย่างสงบเพื่อปกป้องเสรีภาพ ความยุติธรรมหรือสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ตาม อาจตกเป็นเป้าหมายของกระบวนการหรือการกระทำต่างๆ เพื่อปิดปากพวกเขา ไม่ว่าจะโดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ ผู้นำศาสนา บรรษัทธุรกิจหรือแม้กระทั่งโดยสมาชิกในชุมชนของพวกเขาเอง พวกเขาอาจถูกตั้งข้อหาเพื่อดำเนินคดี ลอบทำร้าย ทรมาน บังคับให้สูญหายหรือแม้กระทั่งถูกลอบสังหาร เพื่อจำกัดการแสดงออกของประชาชน ข้อหาทางกฎหมายที่เป็นที่นิยมในหลายๆ ประเทศเพื่อจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ส่วนใหญ่เป็นข้อหาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และข้อหายอดนิยมอื่นๆ เช่น “ยุยงปลุกปั่น” “อาชญากรรมคอมพิวเตอร์” หรือ “หมิ่นประมาท” ต่อบุคคลหรือสถาบันสำคัญของประเทศ

เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมอย่างรุนแรงบนถนนต์แวร์สกายา (Tverskaya) ในกรุงมอสโก หลังมีการรวมตัวประท้วงโดยฉับพลันภายหลังคำตัดสินในคดีโบโลตนายา (Bolotnaya) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ภาพโดย ©Alexander Baroshin / Amnesty International

เสรีภาพสื่อ

สื่ออิสระที่รายงานข่าวประเด็นซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราและมีอิทธิพลต่อสังคม ถือเป็นรากฐานสำคัญของสังคมที่เคารพสิทธิมนุษยชน แต่ในประเทศอย่างอาเซอร์ไบจาน ตุรกีและเวเนซุเอลา (เป็นเพียงบางตัวอย่าง) นักข่าวกลับต้องเผชิญกับการถูกปราบปรามและถูกโจมตี

เดือนมิถุนายน 2562 รัฐสภาประเทศแทนซาเนียได้เร่งผ่านร่างกฎหมาย “the Written Laws Bill” (ร่างพระราชบัญญัติลายลักษณ์อักษร) ซึ่งจะส่งผลให้การเซ็นเซอร์และการละเมิดสิทธิอื่นๆ ถูกฝังรากลึกยิ่งขึ้น นักข่าวในประเทศนี้ต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดอย่างเข้มงวดของกฎหมายสื่อ ซึ่งกำหนดให้สื่อมวลชนต้อง “ออกอากาศหรือเผยแพร่ข่าวสารหรือประเด็นที่มีความสำคัญระดับชาติตามที่รัฐบาลกำหนด”

ในเดือนกรกฎาคม 2562 ประเทศฟิลิปปินส์มีการพิจารณาคดีหมิ่นประมาทต่อบรรณาธิการบริหารสื่อออนไลน์ Rappler มาเรีย เรสซา เธอเป็นหนึ่งในผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเเตร์เต อย่างตรงไปตรงมาและถูกจับกุมในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จากข้อหาหมิ่นประมาทซึ่งถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง หลังจากที่ Rappler ได้เผยแพร่รายงานสืบสวนเจาะลึกเกี่ยวกับการประหารชีวิตนอกกระบวนการยุติธรรมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มคนติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายจำนวนหลายพันคดี ซึ่งเกิดขึ้นจากการสนับสนุนอย่างเปิดเผยของดูเเตร์เตในการทำสงครามยาเสพติด คดีของเธอถูกมองว่าเป็นการโจมตีเสรีภาพสื่อโดยรัฐบาล

ในช่วงที่เกิดความขัดแย้ง การปราบปรามมักโหดร้ายยิ่งขึ้น เช่น ในเมียนมา นักข่าวที่ทำการสืบสวนถึงการสังหารของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในรัฐยะไข่ต่อผู้ชายและเด็กชายชาวโรฮิงญาถูกจับกุมและถูกจำคุก ภายหลังจึงได้รับการปล่อยตัวภายใต้แรงกดดันจากนานาชาติ

ในไทย ทวีศักดิ์ เกิดโภคา นักข่าวประจำสำนักข่าวประชาไท ซึ่งได้รับรางวัลระดับโลกจากการทำข่าวอย่างมืออาชีพในประเด็นสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน โดยเขามักตระเวนไปตามพื้นที่ชุมชนที่มีปัญหา เพื่อเขียนสกู๊ปข่าวจากพื้นที่ เขาถูกตั้งข้อหาเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2559 หลังจากที่เขาเดินทางไปจังหวัดราชบุรี เพื่อทำสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับกลุ่มชาวบ้านที่พยายามทำกิจกรรมตรวจสอบการออกเสียงประชามติ โดยเขาและนักกิจกรรมเยาวชนอีกสามคน ถูกตั้งข้อหาพร้อมกันฐานละเมิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ (พ.ร.บ.ประชามติ)

ทวีศักดิ์ตระหนักดีถึงบทบาทการเป็นนักข่าวของตัวเอง เขาเชื่อว่าสังคมจำเป็นต้องมีนักข่าวที่รายงานข่าวการเมืองและข่าวจากพื้นที่ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ เพื่อให้ประชาชนตระหนักในประเด็นทางสังคมและการเมืองอย่างลึกซึ้งขึ้น

เหมือนกับรัฐบาลตั้งใจให้ผมเป็นเหยื่อ เพื่อให้นักข่าวคนอื่นๆ เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขารายงานประเด็นทางการเมือง เหมือนสุภาษิตไทยที่ว่า “เชือดไก่ให้ลิงดู” แต่ปรากฏว่า หลังจากมีการฟ้องคดีผม สื่อมวลชนกลับรายงานข่าวมากขึ้นเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติ

ทวีศักดิ์ เกิดโภคา นักข่าว สัมภาษณ์โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเดือนกันยายนปี 2559

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2561 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานเบื้องต้นว่า ศาลจังหวัดราชบุรี ได้อ่านคำพิพาษายกฟ้องคดีประชามติราชบุรี โดยจำเลยเป็นนักกิจกรรมจำนวนสี่คนและนักข่าวหนึ่งคนคน ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติ เนื่องจากไม่มีพยานโจทก์ยืนยันว่า จำเลยได้แจกจ่ายสติกเกอร์ และไม่สามารถยืนยันว่า เอกสารที่มีการแจกจ่ายผิด พ.ร.บ.ประชามติ แต่ลงโทษปรับฐานไม่พิมพ์ลายนิ้วมือคนละ 500 บาท

ทวีศักดิ์ เกิดโภคา ภาพจากเว็บไซต์ประชาไท

เสรีภาพในการพูด

เสรีภาพในการพูดหรือเสรีภาพในการแสดงออก ครอบคลุมถึงความคิดทุกประเภท รวมถึงความคิดที่อาจสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรง แม้กฎหมายระหว่างประเทศจะคุ้มครองเสรีภาพในการพูด แต่ก็มีบางกรณีที่เสรีภาพในการพูดสามารถถูกจำกัดได้อย่างชอบธรรมตามกฎหมายเดียวกัน เช่น เมื่อการพูดนั้นละเมิดสิทธิของผู้อื่น หรือการพูดนั้นเป็นการยุยงให้เกิดความเกลียดชัง การเลือกปฏิบัติหรือความรุนแรง

อย่างไรก็ตาม การจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกใดๆ จะต้องต้องมีกฎหมายรองรับ เพื่อปกป้องผลประโยชน์สาธารณะบางประการหรือสิทธิของผู้อื่นและต้องเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างชัดเจนเพื่อจุดประสงค์นั้น

ในปี 2561 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้เผยแพร่งานวิจัยที่ค้นพบว่า ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มที่การใช้ความรุนแรงและการล่วงละเมิดต่อผู้หญิงได้รับการแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง โดยแทบไม่มีความรับผิดชอบใดๆ เกิดขึ้น แทนที่แพลตฟอร์มนี้จะเป็นพื้นที่ให้ผู้หญิงสามารถแสดงออกอย่างเสรีและเสียงของพวกเธอได้รับการส่งเสริม แต่ทวิตเตอร์กลับทำให้ผู้หญิงต้องเซ็นเซอร์ตัวเองในการโพสต์และจำกัดการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ทวิตเตอร์คนอื่นๆ ในฐานะบริษัทแล้ว ทวิตเตอร์ล้มเหลวในการรับผิดชอบต่อการเคารพสิทธิผู้หญิงบนโลกออนไลน์ เนื่องจากการสืบสวนที่ไม่โปร่งใสและการตอบสนองต่อรายงานการล่วงละเมิดนี้ยังไม่เพียงพอและเหมาะสมเท่าที่ควร

พรมแดนทางดิจิทัล

ข้อมูลคือพลังและการเข้าถึงข้อมูลคืออำนาจ โลกดิจิทัลเปิดโอกาสให้คนจำนวนมากเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการอย่างง่ายดาย รวมถึงข้อมูลที่ชวนให้เกิดการตั้งคำถามต่อการบริหารงานของรัฐบาลและการดำเนินการของบรรษัท และอินเทอร์เน็ตมีศักยภาพในการเสริมพลังอำนาจให้กับประชากรทั้งเจ็ดพันล้านคนทั่วโลกอย่างมหาศาล

แต่ปัจจุบัน เสรีภาพในการแสดงออกยังคงขึ้นอยู่กับความมั่งคั่ง อภิสิทธิ์และสถานะทางสังคมของแต่ละคน คนรวยและผู้มีอำนาจมักจะไม่ค่อยถูกจำกัดในการแสดงความคิดเห็น เช่นเดียวกันกับผู้ที่มีแล็ปท็อปส่วนตัวพร้อมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ย่อมเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่าผู้ที่ต้องเดินทางหลายกิโลเมตรเพื่อไปใช้งานที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่

ปัจจุบัน รัฐบางแห่งพยายามสร้าง “firewalls” (หรือ ไฟร์วอลล์ คือ ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์บนระบบเครือข่ายที่ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านเข้า-ออกระบบเครือข่าย) มากขึ้นเพื่อปิดกั้นการสื่อสารทางดิจิทัล หรือในบางกรณี เช่น อียิปต์ ซูดานและซิมบับเว เป็นต้น มีการตอบโต้การชุมนุมประท้วงบนท้องถนนขนาดใหญ่ด้วยการปิดการใช้งานอินเทอร์เน็ต อิหร่าน จีนและเวียดนาม ต่างก็พยายามพัฒนาระบบเพื่อควบคุมการเข้าถึงข้อมูลดิจิทัล ในภูมิภาคแคชเมียร์ทางตอนเหนือของอินเดีย อินเทอร์เน็ตและการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือจะถูกระงับทุกครั้งที่เกิดความไม่สงบ ที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรากำลังค้นหาวิธีการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เว็บไซต์ของเราในประเทศจีนถูกลบหรือถูกบล็อก

รัฐบาลยังคงใช้เทคโนโลยีที่อันตรายและซับซ้อนในการเปิดอ่านอีเมลส่วนตัวของนักกิจกรรมและนักข่าว รวมถึงการเปิดกล้องหรือไมโครโฟนของคอมพิวเตอร์จากระยะไกลเพื่อบันทึกกิจกรรมของพวกเขาอย่างลับๆ ในปี 2557 แอมเนสตี้และเครือข่ายองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและเทคโนโลยีได้เปิดตัว ‘Detekt’ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักกิจกรรมสามารถสแกนอุปกรณ์ของตนเพื่อค้นหาสปายแวร์ที่ใช้ในการสอดแนมได้ง่ายขึ้น

แอมเนสตี้ทำอะไรบ้างเพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก?

กรณีศึกษา: ประเทศโปแลนด์กับสิทธิในเสรีภาพการชุมนุมประท้วง

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้บันทึกว่าผู้คนในโปแลนด์ยังคงออกมาชุมนุมประท้วงบนท้องถนนเพื่อแสดงความเห็นของตนเอง แม้จะต้องเผชิญกับกฎหมายที่เข้มงวด ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรง การสอดแนม การคุกคามและการดำเนินคดี ซึ่งล้วนเป็นภัยคุกคามต่อการชุมนุมประท้วงโดยสงบ

นับตั้งแต่ปี 2559 ผู้คนนับหมื่นได้ออกมาชุมนุมประท้วงเพื่อต่อต้านกฎหมายที่กดขี่ ซึ่งมุ่งจำกัดสิทธิผู้หญิงและเป็นบ่อนทำลายความเป็นอิสระของตุลาการ ผู้ชุมนุมประท้วงต้องเผชิญกับการตอบโต้โดยการใช้กำลังและมาตรการที่เข้มงวดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิที่จะได้รับการมองเห็นและถูกได้ยินของพวกเขา ผู้ชุมนุมประท้วงหลายร้อยคนถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและต้องเผชิญกับกระบวนการพิจารณาคดีที่ยืดเยื้อยาวนาน

ควบคู่กับการที่รัฐบาลได้เพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายที่กระทบต่อการใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ รัฐบาลก็ได้ขยายอำนาจในการเฝ้าระวังของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอย่างกว้างขวาง โดยมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าอำนาจที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ถูกนำมาใช้กับผู้ที่มีส่วนร่วมในการจัดหรือเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงโดยสงบ

กรณีศึกษา: จำนวนนักโทษทางความคิดในเวียดนามที่เพิ่มสูงขึ้น

ในปี 2562 แอมเนสตี้ได้เผยแพร่งานวิจัยอันน่าตกใจซึ่งแสดงให้เห็นถึงจำนวนนักโทษทางความคิดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึงหนึ่งในสามซึ่งถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรมทั่วประเทศเวียดนาม สถานการณ์เช่นนี้เป็นสัญญาณของการปราบปรามที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นต่อการทำกิจกรรมโดยสงบของทนายความ บล็อกเกอร์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและผู้ที่เรียกร้องประชาธิปไตยที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น

สภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำของนักโทษยังคงเป็นที่น่ากังวล เนื่องจากมีหลักฐานว่าผู้ถูกคุมขังมักถูกทรมานและได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสม ถูกกักตัวโดยไม่ให้มีการติดต่อกับโลกภายนอก อีกทั้งยังถูกขังเดี่ยวเป็นประจำ รวมถึงถูกขังในเรือนจำที่มีสภาพสกปรกและไม่ได้รับการดูแลทางการแพทย์ ไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดหรืออากาศบริสุทธิ์ได้

นักโทษทางความคิดจำนวนมากถูกจำคุกอันเนื่องจากการแสดงความคิดเห็นบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและถูกดำเนินคดีโดยใช้บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญาที่มีเนื้อหาคลุมเครือและกว้างเกินไป

หนึ่งในนักโทษทางความคิดคือ เธียน ฮวง ฟุก (Tran Hoang Phuc) เขาเป็นนักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและสิ่งแวดล้อม ถูกจับกุมในเดือนมิถุนายน ปี 2560 เขาถูกดำเนินคดีและตัดสินว่ามีความผิดในข้อหา “เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อเพื่อต่อต้านรัฐ” จากการผลิตและเผยแพร่วิดีโอที่ถูกมองว่าเป็นการวิจารณ์รัฐบาลบนโซเชียลมีเดีย เขาถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาหกปีและต้องอยู่ภายใต้การควบคุมตัวในบ้านอีกสี่ปีหลังจากพ้นโทษจำคุก

แนวทางการแก้ไข: แอมเนสตี้เรียกร้องอะไรบ้าง?

  • นักโทษทางความคิดทั่วโลกควรได้รับการปล่อยตัวโดยทันทีและโดยไม่มีเงื่อนไข
  • กฎหมายทั้งปวงที่เอาผิดหรือกำหนดบทลงโทษทางอาญาต่อผู้ที่แสดงความคิดเห็นหรือเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงโดยสงบควรถูกแก้ไข ยกเลิกหรือถอดออกจากกฎหมาย
  • กฎหมายที่ต่อต้านคำพูดที่แสดงความเกลียดชังหรือการยุยงปลุกปั่นให้เกิดการเลือกปฏิบัติและความรุนแรงอื่นๆ ต้องไม่ถูกนำมาใช้เพื่อปราบปรามการแสดงความเห็นต่างโดยสงบ
  • ประชาชนควรมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลได้ อำนาจของรัฐบาลและบริษัทต่างๆ ในการเข้าถึงและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลและองค์กรควรถูกจำกัดอย่างเข้มงวด

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องรัฐบาลไทยในประเด็นเสรีภาพในการแสดงออกให้

  • รัฐบาลยกเลิกกฎหมายและยุติการปฏิบัติที่ละเมิดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม
  • รัฐบาลต้องยกเลิกหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่ละเมิดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออก และมีมาตรการเพื่อคุ้มครองการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองและด้านอื่นๆ รวมถึงการคุ้มครองเสรีภาพของสื่อมวลชนด้วย