ประเทศไทยยังคงประเทศส่วนน้อยที่ยังใช้โทษประหารชีวิต

11 เมษายน 2557

Amnesty International Thailand

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยรายงานสถานการณ์โทษประหารชีวิตและการประหารชีวิตในปี 2556 พบว่าการประหารชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศ จีน อิหร่าน อิรัก ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐฯ  ส่วนไทยยังคงเป็นหนึ่งใน 58 ประเทศที่ยังใช้โทษประหารชีวิต ในขณะที่แนวโน้มทั่วโลกมุ่งสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิต

ในรายงาน “สถานการณ์โทษประหารชีวิตและการประหารชีวิต ในปี 2555” (Death Sentences and Executions in 2013) ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลที่เผยแพร่ในวันนี้ ยืนยันว่าแนวโน้มทั่วโลกมุ่งสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิต โดยในปี 2556 มีเพียง 22 ประเทศหรือหนึ่งใน 10 ของประเทศทั่วโลกเท่านั้นที่ยังทำการประหารชีวิต

มีประชาชนอย่างน้อย 778 คนทั่วโลกถูกประหารชีวิต ซึ่งตัวเลขดังกล่าวไม่รวมจำนวนผู้ถูกประหารชีวิตในประเทศจีน ซึ่งรัฐบาลถือว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับของชาติ เกือบ 80% ของการประหารชีวิตทั่วโลกเกิดขึ้นในสามประเทศ คือ อิหร่าน อิรัก และซาอุดีอาระเบีย

ปัจจุบันมี 140 ประเทศหรือมากกว่า 2 ใน 3 ของ ประเทศทั่วโลกที่ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตทั้งในทางกฎหมายหรือในทางปฏิบัติแล้ว

สำหรับประชาคมอาเซียนซึ่งประกอบด้วย 10 ประเทศนั้น กัมพูชาและฟิลิปปินส์ ยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดทางอาญาทุกประเภท ส่วนลาว พม่า และบรูไน ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติส่วนประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์และเวียดนาม ยังคงมีและใช้โทษประหารชีวิตอยู่

ในปีที่ 2556 ได้มีการประหารชีวิตมากกว่าปีก่อนหน้าสองครั้ง ทั้งอินโดนีเซียและเวียดนามได้รื้อฟื้นการประหารชีวิตอีกครั้ง หลังจากพักการประหารชีวิตมาเป็นเวลานาน การประหารชีวิตในเวียดนามเริ่มขึ้นอีกครั้งในรอบ 18 เดือน ในปี 2555 รัฐบาลเวีดนามไม่สามารถประหารชีวิตนักโทษได้เนื่องจากทางประชาคมยุโรปมีคำสั่งห้ามส่งออกยาที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการฉีดให้เสียชีวิต ดังนั้นในปีที่ผ่านเวียดนามจึงกลับมาใช้การประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าแทน

อย่างไรก็ตามในภูมิภาคนี้ ยังมีพัฒนาการเชิงบวกอยู่ เพราะเป็นปีที่สองติดต่อกันที่ไม่มีรายการการประหารชีวิตในสิงคโปร์ และยังมีการเปลี่ยนแปลงจากโทษประหารชีวิตของนักโทษหกคนเป็นโทษจำคุกแทน ภายหลังที่มีการทบทวนกฎหมายบังคับใช้โทษประหารชีวิตของประเทศเมื่อปี 2555

นางสาวปริญญา บุญฤทธิ์ฤทัยกุล ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย  เปิดเผยว่าสำหรับประเทศไทย เป็นปีที่สี่ติดต่อกันที่ไม่มีการประหารชีวิต ถือเป็นพัฒนาการที่ดีอีกขั้นหนึ่งในประเด็นสิทธิมนุษยชนของไทย

ในปี 2557 จะมีการลงมติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเพื่อพักใช้โทษประหารชีวิตขึ้นอีกครั้ง เราคาดหวังว่าประเทศไทยจะลงมติ “เห็นชอบ” รับมติพักการใช้โทษประหารชีวิตชั่วคราวอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ ประเทศไทยได้ “งดออกเสียง” เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอีกครั้งหนึ่งเมื่อเทียบกับการลงมติ “คัดค้าน” เมื่อปี 2550 และ 2551

“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องรัฐบาลไทยให้ดำเนินการตามเจตน์จำนงที่ระบุไว้ในแผนสิทธิมนุษยชน ประกาศพักการใช้โทษประหารชีวิตชั่วคราวอย่างเป็นทางการ รวมทั้งให้สัตยาบันรับรองพิธีสารเลือกรับฉบับที่สองของกติกา ICCPR” ปริญญากล่าว

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลคัดค้านโทษประหารชีวิตทุกกรณีโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดทางอาญาประเภทใด ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะมีบุคลิกลักษณะใด หรือไม่ว่าทางการจะใช้วิธีประหารชีวิตแบบใด โทษประหารชีวิตละเมิดสิทธิที่จะมีชีวิตและเป็นการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งงานวิจัยมากมายจากนานาประเทศได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโทษประหารชีวิตไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ กับการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของอาชญากรรม