ซาอุดีอาระเบีย: เด็กชาวอุยกูร์เป็นหนึ่งในสี่ของ “ผู้มีรายชื่อถูกส่งกลับ” ไปจีนในคืนวันนี้

18 เมษายน 2565

Amnesty International

ข่าวด่วน

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้รับข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า บูเฮลีคีโม อะบูลา และลูกสาววัย 13 ปี ได้ถูกนำตัวไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันนี้ เพื่อเตรียมพร้อมจะส่งตัวกลับไปประเทศจีน ตำรวจแจ้งพวกเขาว่า ให้เตรียมตัวเดินทางออกจากศูนย์ส่งตัวกลับตอนสามทุ่มเวลาในท้องถิ่นวันนี้ เพื่อขึ้นเครื่องบินไปเมืองกว่างโจว ประเทศจีน

ลิน แมลูฟ รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ทางการซาอุดีอาระเบียต้องยุติแผนการทั้งหมดที่จะส่งตัวชาวอุยกูร์ทั้งสี่คนโดยทันที รวมทั้งเด็กผู้หญิงอายุ 13 ปี และแม่ของเธอ ซึ่งมีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะถูกส่งตัวเข้าค่ายกักกันที่กดขี่อย่างเข้มงวด หากถูกส่งตัวกลับไปประเทศจีน

“การบังคับส่งกลับชาวอุยกูร์ทั้งสี่คน ถือเป็นการละเมิดอย่างไม่อาจยอมรับได้ต่อพันธกรณีของซาอุดีอาระเบียที่มีต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ทางการซาอุดีอาระเบียต้องไม่คิดแม้แต่จะส่งพวกเขากลับไปจีน เพราะจะทำให้พวกเขาต้องถูกควบคุมตัวโดยพลการ ถูกประหัตประหาร และอาจถูกทรมาน” 

“ประชาคมโลกต้องดำเนินการช่วยเหลือทันทีในตอนนี้ และยุติการส่งกลับซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง เพื่อช่วยชีวิตชาวอุยกูร์ทั้งสี่คนจากการส่งกลับที่เป็นอันตรายอย่างร้ายแรง เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่รัฐบาลทุกประเทศซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดีอาระเบีย ต้องเข้ามาแทรกแซงในตอนนี้เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียปฏิบัติตามพันธกรณีของตน และยุติการส่งกลับ”

ตามหลักการไม่ส่งกลับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ และในฐานะเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานแห่งสหประชาชาติ ซาอุดีอาระเบียมีพันธกรณีต้องไม่ส่งกลับบุคคลไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงอย่างแท้จริงว่า จะทำให้พวกเขาถูกทรมานและปฏิบัติหรือลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ถูกประหัตประหาร หรือถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงอื่น ๆ

 


 

ข้อมูลพื้นฐาน

ในเดือนมิถุนายน 2564 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยแพร่รายงาน เผยให้เห็นว่า ชาวมุสลิมชายและหญิงหลายแสนคนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน ถูกควบคุมตัวโดยพลการเป็นจำนวนมาก ถูกปลูกฝังอุดมการณ์ และถูกทรมาน 

ในช่วงต้นปีเดียวกัน รายงานอีกชิ้นหนึ่งของแอมเนสตี้ บรรยายถึงสภาพที่เด็กซึ่งถูกควบคุมตัวในค่ายกักกัน ถูกส่งตัวไปยัง “ค่ายเด็กกำพร้า” ที่เป็นของรัฐ และเข้าสู่กระบวนการปลูกฝังอุดมการณ์ และถูกตัดขาดจากพ่อแม่ของตนเอง