นักกิจกรรมแอมเนสตี้และประชาชนไทยเรียกร้องรัสเซียยุติการการโจมตีอย่างรุนแรงต่อสิทธิมนุษยชนของชาวยูเครน

23 มีนาคม 2565

Amnesty International

นักกิจกรรมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลและประชาชนในประเทศไทยร่วมกันเรียกร้องทางการรัสเซียยุติการรุกรานและคุ้มครองพลเรือนยูเครน โดยนักกิจกรรมได้ยืนถือโปสเตอร์ข้อความและภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งจุดเทียนและยืนสงบนิ่งเพื่อรำลึกถึงผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้นยังมีการฉายภาพและวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่พลเรือนชาวยูเครนกำลังประสบอยู่ สำหรับกิจกรรมนี้ได้จัดขึ้นทั่วโลกเนื่องในวาระครบรอบหนึ่งเดือนที่รัสเซียรุกรานยูเครน 

 

 

ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า เนื่องในวันที่ 24 มีนาคมนี้จะเป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนการบุกรุกยูเครนของรัสเซีย โดยนักกิจกรรมในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยจึงได้ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อเรียกร้องให้รัสเซียยุติการบุกรุกยูเครน ซึ่งเป็นการกระทำรุกรานที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ และยังคงทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในทุกระดับต่อประชาชนในยูเครน รวมทั้งเสรีภาพในการแสดงออกในรัสเซีย และกระทบต่อกรอบสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศด้วย

“ปฏิบัติการของรัสเซียส่งผลให้เกิดหายนะด้านสิทธิมนุษยชนในยูเครน ในช่วงแค่สี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ชีวิต ความเป็นอยู่ บ้านเรือน และโครงสร้างพื้นฐานได้ถูกทำลาย ครอบครัวต้องพลัดพรากจากกัน และอีกหลายล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน ส่วนที่รัสเซียเอง ทางการได้เริ่มการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ส่งผลให้มีการรุมซ้อมและคุมขังผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านสงคราม สื่ออิสระที่ยังมีเหลืออยู่ไม่มากนักถูกบังคับให้ต้องปิดตัวลง การขาดแคลนปัจจัยที่จำเป็นอย่างรุนแรงหรือเฉียบพลันอันเนื่องมาจากการบุกครั้งนี้ อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมในวงกว้างขึ้นทั่วโลก”

“หนึ่งเดือนนับแต่เริ่มการบุกครั้งนี้ นักกิจกรรมจากทุกมุมโลกต่างเปล่งเสียงเดียวกัน เรียกร้องให้ทางการรัสเซียยุติการทำลายล้างที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยยุติการรุกรานที่ผิดกฎหมาย คุ้มครองพลเรือน และเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ”  

นับแต่เริ่มการบุกครั้งนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลบันทึกข้อมูลการโจมตีไม่เลือกเป้าหมายที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ เป็นการโจมตีที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งได้ทำลายหรือสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน รวมทั้งการยิงระเบิดใส่โรงพยาบาลและโรงเรียน และการใช้ระเบิดลูกปรายซึ่งเป็นอาวุธต้องห้าม อันอาจถือเป็นอาชญากรรมสงครามตามกฎหมายระหว่างประเทศ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้เกิดความรับผิดชอบต่ออาชญากรรมเหล่านี้ และจะมีการนำเสนอพยานหลักฐานที่จำเป็น ที่สามารถใช้เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ  

การบุกยูเครนโดยรัสเซีย เป็นการละเมิดอย่างชัดแจ้งต่อธรรมนูญแห่งสหประชาชาติ และเป็นการกระทำรุกรานซึ่งถือเป็นอาชญากรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนการที่รัสเซียตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีแห่งยุโรป และจากการเป็นภาคีอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป เป็นการถอดเกราะป้องกันการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนอันสุดท้ายที่เหลืออยู่ ทั้งที่ประชาชนในรัสเซียทุกวันนี้ต้องการมันมากที่สุด”

สำหรับกิจกรรมรณรงค์แบบนี้จะมีขึ้นด้านนอกของสถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย และสถานที่เชิงสัญลักษณ์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นที่ อัลจีเรีย อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แคนาดา สาธารณรัฐเช็ก ญี่ปุ่น เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ สเปน เกาหลีใต้ สวีเดน ไต้หวัน สหรัฐฯ และประเทศไทย นอกจากนั้นทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังได้ทำข้อเรียกร้องออนไลน์เพื่อรณรงค์เรียกร้องให้ทางการรัสเซียยุติการกระทำรุกรานและคุ้มครองพลเรือน ซึ่งได้มีผู้ร่วมลงนามแล้วกว่า 340,000 คน