คำรำลึกถึง "โคฟี อันนัน" โดย คูมี นายดู

24 กันยายน 2561

โดย คูมี นายดู เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

 

ประเทศกาน่าได้สูญเสียหนึ่งในบุคคลที่ทรงเกียรติแห่งทวีปแอฟริกา ผู้เป็นดั่งเข็มทิศทางศีลธรรมของโลก นี่ไม่ใช่แค่เพียงช่วงเวลาไว้ทุกข์ของผู้ใกล้ชิด แต่เป็นการไว้ทุกข์ของทุกคนบนโลกที่เคยอาศัยบทเรียนอันทรงค่าที่มาจากการใช้ชีวิตของเขา

 

สิ่งแรกที่สุด ผมต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับคุณนานี ภรรยาของนายโคฟี และครอบครัวอันนัน มากไปกว่านั้นผมจะขอเขียนคำรำลึกนี้ถึงโคฟี อันนัน ในมุมมองทางประชาสังคมและการดิ้นรนทั้งหลายที่เราเคยพบเจอ -- การดิ้นรนที่เขาเองก็ผ่านพบและจำรึกลงบนหัวใจของเขา

 

ในช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ โคฟี อันนันมักจะย้ำเตือนให้ทำคนจำได้ถึงคำนำของกฎหมายแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเริ่มต้นว่า “เราหมู่ชนแห่งสหประชาชาติ” -- ย้ำเตือนถึงความเป็นผู้คน ไม่ใช่ประเทศ หรือรัฐบาล หัวใจสำคัญสำหรับเขาคือการที่สหประชาชาติก่อตั้งขึ้นมาเพื่อบริการประชาชน เขามองเห็นว่ารัฐบาลที่ดีมาจากการทำงานโดยใช้ความมีส่วนร่วมเป็นหลัก ไม่ใช่ตั้งรัฐบาลอย่างโดดเดี่ยว นี่คือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เขาเขียนว่าสาระสำคัญของสหประชาชาติเป็นการเพิ่มกระบอกเสียงจากกลุ่มประชาสังคม องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร สหภาพแรงงาน และกลุ่มทางศาสนา ความมุ่งมั่นเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ของเขานั้นไม่เคยสั่นคลอน เพราะมันเป็นปัญหาที่มีอิทธิพลสำคัญต่อชีวิตของเขา

 

โคฟีผลักดันอย่างหนักเพื่อให้เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals) ผ่านเข้ามาเป็นสาระสำคัญ แม้ว่าจะต้องสู้กับเสียงคัดค้านจากประเทศมหาอำนาจบางกลุ่ม เขามักจะพูดถึงเป้าหมายและข้อจำกัดของการพัฒนาอย่างเถรตรง เรียกมันว่าเป้าหมายการพัฒนาที่เรียบง่าย และพยายามผลักดันให้ได้มากกว่านี้ เขากล้าที่จะเข้าจัดการกับปัญหาโรค HIV/AIDS ตั้งแต่ตอนที่มันยังเป็นเรื่องน่ารังเกียจของสังคม และการผลักดันของเขาทำให้มันได้รับการตระหนักจากสังคมถึงความเป็นหายนะทางสาธารณสุ ขที่สำคัญ การศึกษาวิจัยได้รับการสนับสนุนเงินทุนอย่างมากเพื่อต่อต้านการแพร่ระบาด โดยเฉพาะในเด็กและผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ยากไร้ เหมือนดั่งคำขวัญของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลที่กล่าวว่า “ถือความอยุติธรรมเป็นเรื่องส่วนตัว” โคฟี อันนัน ก็ถือว่าความยากจน ความอยุติธรรม และความไม่เท่าเทียมในสังคมเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับเขาเช่นกัน แถมมันยังมีผลต่อชีวิตของเขำอย่างมากด้วย

 

เขาเป็นผู้ต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงรับมือภาวะโลกร้อน ซึ่งเขาไม่ถือว่ามันเป็นเพียงปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่เป็นปัญหาที่จะมีผลกระทบสำคัญไปถึงเศรษฐกิจ สันติภาพ ความมั่นคง และความเท่าเทียมทางเพศ เขารู้ว่าการพยายามหลีกเลี่ยงภับพิบัติทางธรรมชาติไม่ใช่แค่การปกป้องโลก แต่เป็นการปกป้องลูกหลานและอนาคตของพวกเขา สอดคล้องกับการที่เขาปกป้องผู้อ่อนแอมาโดยตลอด เขามีความกังวลอย่างมากกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อแอฟริกา ประเทศหมู่เกาะ และประเทศด้อยพัฒนา เขายกให้ภาวะโลกร้อนเป็นวาระสำคัญตลอดเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งในสหประชาชาติ และยังคงเป็นหัวข้อสำคัญในงานของเขาหลังจากเขาเกษียณออกมา

 

ความทุ่มเทของโคฟี อันนัน ต่อสันติภาพก็ไม่เคยหวั่นไหวเช่นกัน ในขณะที่เขาสามารถจะไปมีความสุขกับชีวิตหลังเกษียณ เขากลับรวบรวมทั้งกำลังและความอดทนเพื่อต่อสู้ให้ยุติความขัดแย้งในหลายพื้นที่ทั่วโลก ในฐานะประธานของกลุ่มเอลเดอร์ เขำมีบทบาทสำคัญในการยุติความขัดแย้งในประเทศเคนย่า และพื้นที่ความขัดแย้งอีกมากมาย และหนึ่งในงานล่าสุดของเขาคือการแสวงหาสันติภาพและความยุติธรรมให้กับชาวโรฮิงยาในพม่า เขามักจะเป็นคนแรกที่ยอมรับว่าประวัติของเขาไม่ได้ปราศจากรอยด่างพล้อย อย่างเช่นเหตุการณ์ในรวันดำที่น่าเสียใจ แต่บ่อยครั้งที่ความผิดพลาดของเขามาจากการที่ประเทศมหาอ ำนาจขัดขวางเขา หนึ่งในเรื่องที่เขาเสียใจคือการมีส่วนร่วมสำคัญในแผนการเพื่อสันติภาพในซีเรียเมื่อปี 2012 หลังจากที่เขาต้องยอมลงจากตำแหน่งการฑูตร่วมระหว่างสหประชาชาติและพันธมิตรอำหรับ หลังจากประเทศสมาชิกเลือกผลประโยชน์ทางการเมืองก่อนชีวิตของชาวซีเรีย แม้เขาจะคาดหวังว่างานของเขาจะนำความมีสติและความเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหามาให้ แต่การที่มันไม่สำเร็จก็ไม่ใช่ความผิดของเขา หรือในกรณีประเทศอีรัก โคฟี อันนัน ไม่ได้เป็นแค่กระบอกเสียงของกฎหมายและปฏิญญาระหว่างประเทศเท่านั้น แต่เขายังสะท้อนถึงความเข้าใจต่อความเห็นของหมู่ชนทั่วโลก รวมถึงการอ่านเกมของประเทศที่ต้องกำรสงครามออกอีกด้วย หากเราฟังเสียงของเขาในวันนั้น เราคงช่วยชีวิตผู้คนไว้ได้มากมาย

 

แม้ว่าเขาจะรักสหประชาชาติและทุ่มเทให้กับอุดมการณ์ของมันที่ทำเพื่อความยุติธรรมและเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติ เขาก็รู้ดีถึงข้อจำกัดและความบกพร่องในระบบงานจากความเป็นประชาธิปไตย การบังคับใช้ และความเชื่อมโยงของกฎเกณฑ์ เมื่อมีคนตั้งคำถามว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติดำเนินงานอย่างไร โคฟีก็กล้าพอที่จะบอกว่าการเมืองในสหประชาชาติยังคงติดอยู่ในปี 1945 และถึงแม้เขาจะพยายามปฏิรูปคณะมนตรีอย่างไร มันก็เป็นการต่อสู้ที่ไม่จบสิ้น หากเราจะรำลึกถึงโคฟี อันนัน เราก็ต้องตอบแทนต่อความทรงจ ำที่มีต่อเขาด้วยการไม่เพียงแค่สนับสนุนสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้ แต่ต้องสานต่อการต่อสู้ของเขาด้วย 

 

การต่อสู้เพื่อเหล่าผู้คนที่ยากไร้ที่สุด อ่อนแอที่สุด และถูกกีดกันมากที่สุดในโลก เราอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการผู้นำที่กล้าหาญอย่างที่โคฟี อันนัน แสดงให้เห็นยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา โลกของเรากำลังต้องการสหประชาชาติที่มีความสามารถและให้โอกาสทุกคนมีส่วนร่วม และเหล่าผู้นำประเทศจะต้องพร้อมที่จะเผชิญหน้าเพื่อที่จะสานต่อการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในขณะที่ภาวะโลกร้อนกำลังก่อวินาศกรรมต่อไป ความกลับกลอกต้องถูกแทนที่ด้วยการกระท ำอย่างทะเยอทะยาน ในช่วงเวลสที่กฎแห่งสงครามถูกละเมิดอย่างไม่เคยมีมาก่อนและพลเรือนจำนวนมากต้องชดใช้ด้วยชีวิต เหล่าผู้นำจะต้องกล้ำที่จะใฝ่ฝันถึงความเป็นไปได้ของสันติภาพและความยุติธรรม อีกทั้งต้องมีความมานะบากบั่นเพื่อทำให้มันเป็นจริง ในช่วงเวลาแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืนนี้ เราต้องลงมือทำจริงและมีความรับผิดชอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

 

ผมเชื่อว่าผมได้สะท้อนความคิดของคนมากมายในสายงานประชาสังคม ซึ่งเป็นเสียงที่โคฟี อันนันพยายามที่จะทำให้ดังยิ่งขึ้นเพื่อผลักดันให้กับสันติภาพและสิทธิมนุษยชน และเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน การจากไปของเขาเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่แค่เฉพาะต่อทวีปแอฟริกาที่ให้กำเนิดเขามาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ร่วมอุดมการณ์ทั่วโลกที่รักและเคารพเขาเป็นอย่างยิ่ง เรื่องราวชีวิตของโคฟี อันนันจะยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกเราทุกคนที่ต่อสู้เพื่อโลกที่ปลอดภัยกว่านี้ ยุติธรรมกว่านี้ เท่าเทียมกว่านี้ และมีส่วนร่วมมากกว่านี้ พวกเราจะคิดถึงเขา แต่พวกเราจะไม่ลืมเขา ขอให้เขาคงอยู่เป็นแรงบันดาลใจพวกเราถึงความกล้าหาญเพื่อคงไว้ซึ่งศีลธรรมที่โลกไม่เคยต้องการมากกว่านี้มาก่อนในประวัติศาสตร์