คำสั่งไต่สวนการตายทิ้งคำถามที่ไร้คำตอบเกี่ยวกับการเสียชีวิตของชัยภูมิ ป่าแส

7 มิถุนายน 2561

 

แอมเนสตี้แถลงหลังจากศาลเชียงใหม่มีคำสั่งไต่สวนการเสียชีวิตของชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวอายุ 17 ปีที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิตในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 ระบุผลการไต่สวนไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมนอกจากสิ่งที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว เรียกร้องทางการไทยต้องสืบสวนคดีนี้อย่างเป็นอิสระ รอบด้าน และมีประสิทธิภาพ


แคทเธอรีน เกอร์สัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า ผลการไต่สวนไม่ได้ให้ข้อมูลใด เพิ่มเติมนอกจากสิ่งที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว อีกทั้งยังไม่ช่วยคลายข้อสงสัยต่อคำถามที่ค้างคาเรื่องการเสียชีวิตของชัยภูมิ ป่าแส


แอมเนสตี้เห็นว่า ประเด็นสำคัญคือสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ทหารตัดสินใจใช้กำลังอาวุธจนชัยภูมิถึงแก่ความตายยังไม่ได้รับคำตอบ นอกจากนี้ การไต่สวนยังไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่ากองทัพไทยได้จัดหาหลักฐานสำคัญที่น่าจะช่วยคลี่คลายคำถามนี้ได้เลย หลักฐานที่ว่าประกอบไปด้วยภาพจากกล้องวงจรปิดที่จะนำมาใช้ยืนยันข้อกล่าวอ้างของทางกองทัพที่ว่าเจ้าหน้าที่ยิงปืนเพื่อเป็นการป้องกันตัว


“ข้อสรุปที่น่าผิดหวังนี้แสดงให้เห็นถึงอุปสรรคสำคัญในการพิสูจน์หาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวของกองทัพ นอกจากคำสั่งไต่สวนการตายที่ไร้รายละเอียดสำคัญ ทางการไทยยังต้องยืนยัน ให้มีการสืบสวนคดีอาญาเกี่ยวกับการเสียชีวิตครั้งนี้ โดยการสืบสวนดังกล่าวต้องเป็นไปในทิศทางที่มีประสิทธิภาพ เป็นอิสระ และละเอียดรอบด้าน”


คำสั่งไต่สวนการตายนี้จะถูกส่งไปยังพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาว่าจะมีการฟ้องคดีต่อไปหรือไม่

ชัยภูมิ ป่าแส หนึ่งในสมาชิกชนเผ่าลาหู่และนักเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิชุมชนของชนเผ่าพื้นเมืองถูกยิงเสียชีวิต ณ ด่านตรวจในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารไทยประจำการอยู่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561


ผู้บัญชาการทหารประจำภูมิภาคได้แจ้งต่อสื่อมวลชนไม่นานหลังจากการเสียชีวิตของชัยภูมิว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ยิงปืนเพื่อป้องกันตัวเอง หลังจากที่มีการจัดส่งดิสก์ที่บันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดให้แก่ตำรวจ ทางตำรวจกล่าวว่าไม่สามารถเปิดดูภาพเหตุการณ์ดังกล่าวบนดิสก์ได้ 

ภายใต้กฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายอาจตัดสินใจใช้กำลังจนบุคคลอื่นถึงแก่ชีวิตโดยเจตนา หากเจ้าหน้าที่ต้องปกป้องชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้