แอมเนสตี้แนะสหรัฐฯ ควรส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในไทยมากขึ้น

3 ตุลาคม 2560

แอมเนสตี้เรียกร้องสหรัฐฯ ส่งเสริมและแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนในไทย ในโอกาสนายกฯ ไทยเดินทางเยือนทำเนียบขาว ชี้การเพิกเฉยต่อสิทธิมนุษยชนอาจกระทบความสัมพันธ์สองชาติในระยะยาว

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องทางการสหรัฐฯ ให้ส่งเสริมการร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีของไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางเยือนทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันดีซี เนื่องจากรัฐบาลทหารของไทยใช้อำนาจกดขี่และละเมิดสิทธิประชาชนอย่างกว้างขวาง

 

แอมเนสตี้พบว่านับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นต้นมา รัฐบาลทหารของพลเอกประยุทธ์ได้ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนหลากหลายรูปแบบ มีการออกคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินห้าคน ออกกฎหมายต่างๆ ที่จำกัดการทำงานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน คุกคามผู้ที่ออกมาใช้เสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ ใช้ศาลทหารในการพิจารณาคดีพลเรือนอย่างไม่เป็นธรรม และอื่นๆ อีกมากมาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจในการบังคับใช้กฎหมายและกักขังประชาชนโดยไม่มีหมายศาล ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่ขัดต่อมาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชนและความยุติธรรม

 

หลังรัฐประหารสามปี มีผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุายชนของรัฐบาลทหารจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักศึกษา นักข่าว นักวิชาการ ผู้ที่ออกมาต่อต้านการคอร์รัปชันและการทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดจนชาวบ้านที่ออกมาเรียกร้องสิทธิชุมชนและกลุ่มชาติพันธุ์ หลายคนถูกตั้งข้อหาอย่างไม่เป็นธรรม และมีจำนวนไม่น้อยที่ถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว

 

รัฐบาลสหรัฐฯ ได้พูดถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยมาโดยตลอด แอมเนสตี้จึงมองว่าถึงเวลาแล้วที่จะรัฐบาลสหรัฐฯ จะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทยตอนนี้ไม่มีความยั่งยืน พลเอกประยุทธ์ต้องยกเลิกคำสั่งที่กดขี่ประชาชนและยุติการใช้กระบวนการทางกฎหมายกลั่นแกล้งหรือเอาผิดประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเองอย่างสงบ เพราะความล้มเหลวในการแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในท้ายที่สุด