พบหลักฐานเมียนมาวางกับระเบิดบนเส้นทางที่ชาวโรฮิงญาหนี
14 กันยายน 2560
แอมเนสตี้พบชาวโรฮิงญาที่หลบหนีการคุกคามและเข่นฆ่าในรัฐยะไข่ของเมียนมาบาดเจ็บและเสียชีวิตจากกับระเบิดบริเวณชายแดน ซึ่งคาดว่าเป็นฝีมือของกองกำลังฝ่ายความมั่นคงของเมียนมา
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สัมภาษณ์พยานในพื้นที่และตรวจสอบหลักฐานภาพถ่ายโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธ พบว่ากองทัพเมียนมาวางกับระเบิดทางตะวันตกเฉียงเหนือของของรัฐยะไข่ติดชายแดนบังกลาเทศ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ชาวโรฮิงญาใช้หลบหนีการคุกคามและเข่นฆ่าไปยังบังกลาเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยหนึ่งคนและบาดเจ็บอีกหลายคน ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วย
ช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา หญิงวัย 50 ปีคนหนึ่งเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ดังกล่าว ปัจจุบัน เธอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในบังกลาเทศเนื่องจากขาขาดตั้งแต่เข่าลงไป
กัลมา วัย 20 ปีให้สัมภาษณ์กับแอมเนสตี้ว่า “แม่สามีของฉันเดินจากค่ายผู้ลี้ภัยกลับไปยังหมู่บ้านของเราเพื่อไปหาน้ำมาใช้ แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมา ฉันได้ยินเสียงระเบิดโครมใหญ่และเสียงคนเหยียบกับระเบิด ต่อมาถึงรู้ว่าเป็นแม่สามีของฉันเอง”
ข้อมูลดังกล่าวได้มาจากการสัมภาษณ์พยานและการวิเคราะห์ภาพถ่ายโดยผู้ชำนาญการด้านภาพถ่ายและอาวุธ นอกจากนี้ พยานหลายคนยังบอกด้วยว่าพวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเมียนมา ซึ่งรวมถึงทหารและตำรวจตระเวนชายแดนเป็นผู้วางกับระเบิดในบริเวณดังกล่าวด้วยตนเอง
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธของแอมเนสตี้ระบุว่าระเบิดที่ถูกใช้เป็นระเบิดสังหารรุ่น PMN-1 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อทำให้บาดเจ็บโดยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ทีรานา ฮัสซัน ผู้อำนวยการฝ่ายรับมือภาวะวิกฤตของแอมเนสตี้กล่าวว่า “กองทัพเมียนมาเป็นหนึ่งในกองทัพไม่กี่แห่งทั่วโลกที่ยังคงใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างเปิดเผย เช่นเดียวกับเกาหลีเหนือและซีเรีย ทางการต้องยุติปฏิบัติการอันโหดร้ายจากการพุ่งเป้าโจมตีประชาชนที่กำลังหลบหนีภัยคุกคามทันที”