โซเชียลมีเดียถูกทางการเวียดนามใช้เป็นอาวุธต่อผู้ที่แสดงความเห็นอย่างสงบ ในปมขัดแย้งเรื่องที่ดิน

17 มกราคม 2562

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่า ทางการเวียดนามเพิ่มมาตรการปราบปรามมากขึ้นทั่วประเทศ ทั้งการจับกุมและการเซ็นเซอร์โซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง เพื่อขัดขวางการอภิปรายโดยเปิดเผยต่อกรณีการพิพาทเรื่องที่ดินซึ่งเป็นเหตุให้ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต

 

การปราบปรามที่เข้มงวดมากขึ้นต่อการวิจารณ์อย่างสงบ เกิดขึ้นภายหลังการปะทะกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับชาวบ้านที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสี่คน ทำให้เกิดความโกรธแค้นทั่วประเทศ โดยการสมรู้ร่วมคิดของเจ้าหน้าที่ในการทำการซื้อขายที่ดิน เป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความไม่พึงพอใจสำหรับคนในเวียดนาม 

 

 “การเซ็นเซอร์อย่างหนักของรัฐบาลเวียดนาม เพื่อขัดขวางการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นการพิพาทเรื่องที่ดิน เป็นตัวอย่างล่าสุดของความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมจำกัดเนื้อหาบนอินเตอร์เน็ต” 

“โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ เฟซบุ๊ก ได้ถูกทางการเวียดนามใช้เป็นอาวุธมากขึ้น มีเป้าหมายเป็นผู้ที่แสดงความเห็นอย่างสงบ เป็นการโจมตีเสรีภาพในการแสดงออกที่ไม่อาจยอมรับได้ และเป็นความพยายามอย่างชัดเจนเพื่อกำจัดความเห็นที่ต่างจากรัฐ” 

นิโคลัส เบเคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาค แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าว  

 

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักกิจกรรมสามคนถูกจับจากการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นที่บ้านดงตาม ส่วนผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกหลายสิบคนถูกคุกคามจำกัดเสรีภาพการใช้งานอินเตอร์เน็ตของตน

 

การพิพาทเรื่องที่ดินถึงขั้นเสียชีวิต

 

ตีสี่ของวันที่ 9 มกราคม ตำรวจเริ่มปฏิบัติการที่บ้านดงตามซึ่งมีระยะทาง 40 กม.จากกรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศ โดยหลายปีที่ผ่านมาชาวบ้านดงตามประท้วงการเช่าซื้อที่ดินโดยบริษัทโทรคมนาคมที่เป็นของกองทัพ

 

ทางการกล่าวหาว่าชาวบ้านใช้ความรุนแรง บุคคลสี่คนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามนาย และ “เลดินห์คิน” ซึ่งเป็นชาวบ้านวัย 85 ปี เสียชีวิตในระหว่างการปะทะกัน ทั้งยังกล่าวเสริมว่า ตำรวจจับกุมบุคคล 30 คนในข้อหา “ขัดขวางความมั่นคง” ในวันที่ 14 มกราคม อีกทั้งทางการประกาศจะดำเนินคดีกับบุคคล 22 คนในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และ “ขัดขวางเจ้าพนักงานผู้บังคับใช้กฎหมาย”  

 

สถานการณ์ที่บ้านดงตามเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากบรรดาผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในเวียดนาม โดยชาวบ้านและญาติของพวกเขาที่กรุงฮานอย ได้แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการถ่ายทอดเหตุการณ์ชุลมุนผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์  

 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมบ้านดงตามตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม “ดูทีถั่น” ภรรยาของเลดินห์คินได้เผยแพร่วีดีโอทางเฟซบุ๊กในวันที่ 13 มกราคม ระบุว่าเธอถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง เพื่อบังคับให้เธอรับสารภาพเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 9 มกราคม 

 

ตอนที่ถั่นได้รับการปล่อยตัว ชาวบ้านอีกหลายคนยังคงถูกควบคุมตัวโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก และเสี่ยงอย่างมากที่จะถูกทรมานและปฏิบัติอย่างโหดร้าย ตามคำบอกเล่าของเธอ ถั่นระบุว่าญาติของเธอสี่คนยังคงถูกควบคุมตัว 

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เก็บข้อมูลสภาพการควบคุมตัวบุคคลที่เลวร้ายในเวียดนาม โดยมีหลักฐานว่า ผู้ถูกควบคุมตัวถูกทรมานหรือปฏิบัติอย่างโหดร้าย มักถูกควบคุมตัวโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก และถูกขังเดี่ยว ถูกขังในสภาพที่เลวร้าย ไม่ได้รับการรักษาพยาบาล น้ำสะอาด และอากาศบริสุทธิ์ 

 

 “ทางการต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อลดความตึงเครียดของสถานการณ์ที่น่าตกใจ” 

“ทั้งยังต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่ามีหญิงชราคนหนึ่งถูกทุบตีอย่างทารุณ ผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการก่อความรุนแรงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือชาวบ้านดงตาม ต้องถูกนำตัวมาไต่สวนตามกระบวนการพิจารณาที่เป็นธรรม”  

นิโคลัส เบเคลังกล่าว

 

การพิพาทเรื่องที่ดินที่บ้านดงตาม เคยเป็นกระแสได้รับความสนใจจากในประเทศและระหว่างประเทศเมื่อเดือนเมษายน 2560 ตอนนั้นชาวบ้านจับตัวเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจ 38 คนเป็นตัวประกันเป็นเวลาหลายวัน หลังจากตำรวจจับกุมชาวบ้านซึ่งถูกกล่าวหาว่าขัดขวางการทำหน้าที่ไป 4 คน

 

การปราบปรามโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้น 

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ตระหนักว่า มีการปราบปรามโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยทางการเวียดนาม ภายหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่บ้านดงตาม

 

ผู้ใช้เฟซบุ๊กบางคนบอกว่า ได้รับข้อความระบุว่า “สืบเนื่องจากข้อกำหนดทางกฎหมายในประเทศของท่าน ทางเฟซบุ๊กจำเป็นต้องจำกัดการเข้าถึงโปรไฟล์ของท่าน หมายถึงว่าบุคคลอื่นในประเทศของท่าน จะไม่สามารถดูข้อมูลในโปรไฟล์ของท่านได้ ทั้งยังอาจไม่สามารถติดต่อกับท่านได้ผ่านแอปเมสเซ็นเจอร์”  

 

มาตรการจำกัดเหล่านี้น่าจะเป็นผลมาจากการที่ทางการเวียดนามระดมพลทางไซเบอร์ เพื่อรีพอร์ทไปยังเฟซบุ๊ก ร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดียของผู้ใช้เฟซบุ๊กบางคน เชื่อกันว่าเวียดนามมีกองพลไซเบอร์ที่เข้มแข็งประมาณ 10,000 คน

 

ในทำนองเดียวกัน ช่องยูทูปของ Radio Free Asia (RFA) ภาคภาษาเวียดนาม ซึ่งมีผู้ติดตามมากถึงครึ่งล้านคน ก็ถูกยูทูปลงโทษโดยอ้างเหตุว่ามีการละเมิดกติกาของชุมชน โดยไม่มีการอธิบายเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทำให้สำนักข่าวแห่งนี้ไม่สามารถอัพโหลดวิดีโอใหม่ หรือถ่ายทอดรายการได้เป็นเวลาเจ็ดวัน แม้จะมีการยกเลิกบทลงโทษดังกล่าวแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังการอุทธรณ์ของ RFA  

 

ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม สำนักข่าวฮานอยเหมยของทางการเวียดนามรายงานความเห็นจากตัวแทนกระทรวงข้อมูลสนเทศและการสื่อสารของเวียดนาม ที่กล่าวชมเชยกูเกิลและยูทูปที่ตอบสนองคำขอของทางการเวียดนามอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุปะทะกันที่บ้านดงตาม ตัวแทนคนดังกล่าวยังประณามเฟซบุ๊กที่ “ตอบสนองเชื่องช้ามากเหมือนราชการ” 

 

“ทางการต้องการจำกัดการพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านดงตาม โดยไม่ปล่อยให้เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่สร้างความไม่พึงพอใจต่อมวลชนจำนวนมาก ซิลิคอนวัลเลย์จะต้องไม่ร่วมมือกับความพยายามอย่างโจ่งแจ้ง ที่จะปกปิดข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการรับรู้ของผู้ใช้เน็ตในเวียดนาม”

นิโคลัส เบเคลังกล่าว