การยิงผู้ประท้วงในฮ่องกงต้องได้รับการสอบสวน ในขณะที่ตำรวจใช้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ

1 ตุลาคม 2562

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

ถ่าม หม่าน-เก ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ฮ่องกงเปิดเผยหลังจากกรณีตำรวจยิงผู้ประท้วงระหว่างการชุมนุมในวันชาติจีน ส่งผลให้ผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลว่า การยิงผู้ประท้วงเป็นพัฒนาการที่น่าตกใจของปฏิบัติการของตำรวจฮ่องกงต่อการประท้วง ทางการฮ่องกงต้องเริ่มการสอบสวนโดยทันทีและแจ้งผลลำดับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องจนเป็นเหตุให้วัยรุ่นคนดังกล่าวต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอาจถึงขั้นเสียชีวิตและต้องเข้าโรงพยาบาล ตำรวจสามารถใช้กำลังที่ร้ายแรงถึงขั้นชีวิตได้ เฉพาะเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามต่อชีวิตตนเอง หรือภัยคุกคามที่อาจทำให้ตนได้รับบาดเจ็บสาหัส และให้ใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น

 

“เราขอกระตุ้นให้ทางการฮ่องกงทบทวนแนวทางการกำกับดูแลการประท้วงอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้เพื่อลดความตึงเครียดของสถานการณ์ และป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิตบุคคลมากขึ้น”

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้นำวิดีโอที่ถ่ายระหว่างการยิงครั้งนี้มาวิเคราะห์ และสามารถระบุตำแหน่งที่เกิดเหตุเป็นจัตุรัสหัวเต่ยในย่านชุนวานของฮ่องกง ในถ้อยแถลงผ่านวิดีโอสั้น ตำรวจฮ่องกงระบุว่า การยิงครั้งนี้เป็นการป้องกันตนเอง เนื่องจากตำรวจเห็นว่าชีวิตตนเองกำลังถูกคุกคาม

 

“เนื่องจากเจ้าหน้าที่เห็นว่าชีวิตตนเองตกอยู่ในอันตราย เขาจึงยิงกระสุนใส่คนร้ายเพื่อรักษาชีวิตตนเอง และชีวิตของเจ้าหน้าที่คนอื่น”

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องมาตลอดให้มีการสอบสวนอย่างเป็นอิสระและมีประสิทธิภาพ ต่อการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในระหว่างการชุมนุมหลายเดือนที่ผ่านมาเพื่อต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งข้อกล่าวหาว่ามีการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายระหว่างการควบคุมตัว เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการสอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุซึ่งส่งผลให้ความรุนแรงเพิ่มขึ้น ตามแนวปฏิบัติขององค์การสหประชาชาติ การนำอาวุธปืนมาใช้อาจทำได้เฉพาะเพื่อป้องกันภัยคุกคามเฉพาะหน้า ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บสาหัส