แอมเนสตี้ชี้ศาลยกฟ้องคดีเหมืองทองฟ้องไทยพีบีเอสเป็นสัญญาณดี
ย้ำไทยต้องให้เสรีภาพสื่อและการแสดงออก

16 พฤศจิกายน 2559

ศาลอาญายกฟ้องคดีบริษัทเหมืองทองฟ้องหมิ่นประมาทไทยพีบีเอส ระบุการกระทำของจำเลยเป็นไปเพื่อการวิพากษ์ตามข้อเท็จจริง แอมเนสตี้ระบุเป็นเรื่องที่ดีที่ทางการไทยยังคงให้พื้นที่เสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อ พร้อมเรียกร้องยกเลิกการเอาผิดทางอาญาต่อข้อหาหมิ่นประมาท

 

ศาลอาญาพิจารณายกฟ้องคดีที่ “บริษัท ทุ่งคำ จำกัด” ที่ฟ้องร้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) ต่อผู้สื่อข่าวและคณะผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ “ไทยพีบีเอส” กรณีรายงานข่าวผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของเหมืองแร่ทองคำของบริษัทดังกล่าวที่ จ.เลย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยระบุว่าการตัดสินดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ดีของสิทธิเสรีภาพสื่อในไทย

 

“การยกฟ้องดังกล่าวถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเสรีภาพสื่อในประเทศไทย เพราะสื่อมวลชนทุกคนควรมีพื้นที่ในการทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะถูกคุกคามหรือการโต้ตอบกลับใดๆ โดยเฉพาะการรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ” นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าว

 

ทั้งนี้ ศาลระบุว่าการรายงานข่าวของสถานีไทยพีบีเอสเป็นการทำหน้าที่โดยสุจริตของสื่อมวลชน ซึ่งการรายงานและวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่ถูกนำเสนอออกไปนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่ โดยพบว่าลำน้ำในพื้นที่มีสารพิษปนเปื้อนที่มาจากการทำเหมืองแร่จริง ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ ข้อมูลดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้จากรายงานผลการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยหลายชิ้น ศาลมองว่าการกล่าวหาของบริษัททุ่งคำไม่มีมูลจึงยกฟ้องคดี

 

12400702_1251233098237113_685252668929130274_n_-_copy.jpg

 

อย่างไรก็ตาม แอมเนสตี้ยังคงเรียกร้องให้ทางการไทยเคารพเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนมากขึ้น ตลอดจนยุติการเอาผิดทางอาญาต่อข้อหาหมิ่นประมาทตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Human Rights Committee) ซึ่งระบุว่าบทลงโทษทางอาญาถือว่าไม่ได้สัดส่วนกับความผิดฐานหมิ่นประมาท